ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 256 ฟังคำสั่งข้า
ไม่สิ การเดินเรื่องมันไม่ถูกต้องนี่นา…
อันหลินจ้องกระบี่วิหคมังกรกลางอากาศอึ้งๆ ปวดใจจนหายใจไม่ได้
ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้สติ
เขาตระหนักได้ถึงปัญหาที่สอดคล้องกับความเป็นจริงมากนั่นก็คือ เพศเดียวกันอาจจะไม่ต้านกันเสมอไป ต่างเพศอาจจะไม่ดึงดูดกันเสมอไปเช่นกัน เกย์เกิดขึ้นได้อย่างไร เลสเบี้ยนมาได้อย่างไร…
กระบี่วิหคมังกรนี่เป็นเลสเบี้ยน!
คำตอบนี้ทำให้เขาสติแตกทันที สุดท้ายแล้ว…ก็คลาดกับกระบี่ที่งดงามเล่มนี้อยู่ดี…
“เจ้ารีบหยดเลือดเร็วเข้า!” ชายวัยกลางคนพูดกับสวีเสี่ยวหลานที่นิ่งอึ้ง
สวีเสี่ยวหลานได้ยินก็กรีดนิ้วอย่างไม่ลังเล เลือดสีฉูดฉาดหยดหนึ่งลอยกลางอากาศ เลือดที่แฝงสายเลือดพญาหงส์ลอยไปหากระบี่วิหคมังกรด้วยตัวเอง สุดท้ายก็ซึมลงไปในกระบี่
วิ้ง! เสียงร้องสบายอุราดังขึ้นอีกครั้ง ปรากฏการณ์ธรรมชาติค่อยๆ หายไป
กระบี่วิหคมังกรลอยลงมา อิงแอบแนบชิดสวีเสี่ยวหลานอย่างเชื่องๆ ส่งเสียงวิ้งๆ อย่างดีอกดีใจ
ชายวัยกลางคนปรี่เข้ามาหาสวีเสี่ยวหลานอย่างตื่นเต้น เขาพูดเสียงสั่นเครือว่า “ไม่คิดเลยว่ากระบี่วิหคมังกรจะยอมรับเจ้าของ มันน่าตกใจเหลือเกิน ช่างน่าเหลือเชื่อ!”
เขารู้ดีแก่ใจว่ากระบี่วิหคมังกรเย่อหยิ่งปานใด ปราบพยศได้ยากแค่ไหน ต่อให้ยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่ามา มันก็อาจจะไม่ไว้หน้า
แต่กระบี่เซียนที่ดุดันดื้อรั้นเช่นนี้นี่แหละที่เป็นฝ่ายยอมรับหญิงสาวตรงหน้าเป็นเจ้าของเอง!
“ข้าชื่อหลงอ้าว ไม่ทราบว่าสหายท่านนี้ชื่ออะไร” ชายวัยกลางคนพูดอย่างตื่นเต้น
ก่อนหน้านั้นเขาไม่อยากเอ่ยชื่อ เพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องบอกชื่อกับคนกลุ่มนี้ อย่างไรเสียผลสุดท้ายก็ล้มเหลวจากไป ไยต้องเสียเวลาพูดด้วยเล่า
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า กระบี่วิหคมังกรจะยอมรับเจ้าของแล้วจริงๆ!
มันเปิดโลกทัศน์ของเขาอย่างสิ้นเชิง ทำให้ผู้หญิงตรงหน้าเขาสงสัยเช่นกัน
“อ้อ ข้าชื่อสวีเสี่ยวหลาน” สวีเสี่ยวหลานพยักหน้า
อันหลินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของชายวัยกลางคน จากนั้นก็ถามด้วยความเจ็บใจว่า “ผู้อาวุโสหลงอ้าวเทียน ท่านยังมีของดีอื่นๆ อีกหรือไม่”
หลงอ้าวกำลังจะคุยกับสวีเสี่ยวหลานต่อ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของอันหลินก็ส่ายหน้าทันที “สหายท่านนี้ ข้าชื่อหลงอ้าว ไม่ใช่หลงอ้าวเทียน…”
เขาขบคิดเล็กน้อยแล้วตาเป็นประกาย พูดต่อว่า “แต่ชื่อหลงอ้าวเทียนฟังแล้วไม่เลวเหมือนกัน อืม…ต่อจากนี้ข้าชื่อหลงอ้าวเทียนก็แล้วกัน!”
อันหลินพยักหน้าด้วยท่าทางเป็นเชิงบอกว่าควรจะเป็นเช่นนี้แหละ จากนั้นก็ซักถามว่า “ผู้อาวุโสหลงอ้าวเทียน ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่า ที่นี่ยังมีของดีอย่างอื่นอีกหรือไม่…”
หลงอ้าวเทียนส่ายหน้ายิ้มๆ “กระบี่วิหคมังกรเล่มนี้เป็นสิ่งของหนึ่งเดียวของตำหนักพสุธาแล้ว มันเคยเป็นกระบี่คู่กายของเสิ่นอิง ตอนแรกข้าคิดว่าจนถึงวันที่ข้าตาย จะไม่ได้เห็นมันยอมรับเจ้านายใหม่ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เห็นภาพที่ข้าใฝ่หาแม้แต่ในฝัน…”
นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ รู้สึกซาบซึ้งตื้นตันขึ้นมาชั่วขณะ
เขาสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่งแล้วถึงได้พูดว่า “หากพวกเจ้าต้องการมรดกและสมบัติของเสิ่นอิง ก็ไปที่ตำหนักสวรรค์เถอะ แต่ข้าหวังว่าสหายสวีเสี่ยวหลานจะหยุดแต่เพียงเท่านี้ ข้าไม่อยากเห็นกระบี่วิหคมังกรที่ยอมรับเจ้าของแล้ว จะเป็นหม้ายอีกในอีกไม่กี่วัน…”
สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้า พูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้ารู้สึกว่าข้ามีสายใยบางอย่างกับตำหนักสวรรค์ มีความคิดบางอย่างที่รุนแรงอย่างยิ่งนั่นก็คือ หากข้าไม่ไปที่นั่น ต้องเสียใจไปชั่วชีวิตแน่นอน”
ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังอันหลินได้ยินคำพูดของสวีเสี่ยวหลาน ความคิดหนึ่งก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ สุสานมังกรเหมันต์แห่งนี้ ต้องเป็นของคนตระกูลสวีเสี่ยวหลานแน่นอน
นัยน์ตาของหลงอ้าวเทียนฉายความแปลกใจเมื่อได้ยินคำตอบของสวีเสี่ยวหลาน “เจ้า…เจ้ากับเสิ่งอิงเกี่ยวข้องกันอย่างไร”
สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้า “ข้าไม่รู้…ข้าไม่เคยได้ยินครอบครัวเอ่ยถึงท่านเลย”
ใบหน้าของหลงอ้าวเทียนฉายความผิดหวัง
อันหลินเห็นดังนั้นจึงแนะนำว่า “ถ้าอย่างนั้นผู้อาวุโสหลงอ้าวเทียนไปที่ตำหนักสวรรค์กับพวกเราเถอะ มีท่านคอยคุ้มครองสวีเสี่ยวหลาน เช่นนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่ากระบี่วิหคมังกรจะเป็นหม้ายแล้ว!”
หลงอ้าวเทียน “…เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกเดียวกันหรือ”
อันหลินมองหลงอ้าวเทียนอย่างจริงใจ “ไม่ใช่หรอกหรือ”
หลงอ้าวเทียนพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าไม่เหมือนตัวโกงตรงไหน ข้าแก้ไขก็แล้วกัน!”
อันหลินตาเป็นประกาย “ผู้อาวุโสตัวโกง ท่านรีบบอกขยะอย่างพวกข้าหน่อยว่า ถ้าไปตำหนักสวรรค์แล้วจะเจออันตรายอะไร จะถูกศัตรูแบบไหนรังแก”
หลงอ้าวเทียน “…แม้ข้าจะว่าง่าย แต่กรุณาอย่าดูแคลนสติปัญญาของข้า”
“บอกเจ้าตามตรงแล้วกัน ความจริงในตำหนักสวรรค์มีศัตรูแบบไหนข้าก็ไม่รู้ ที่นั่นแม้แต่พวกเราก็ห้ามย่างกรายเข้าไป ข้ารู้เพียงว่ามรดกและขุมทรัพย์ของเสิ่นอิงทั้งหมดอยู่ที่นั่น”
พวกอันหลินได้ฟังก็รู้ว่าจนปัญญาแล้ว สถานการณ์ที่แท้จริงของตำหนักสวรรค์ มีเพียงต้องไปถึงจะรู้
หลงอ้าวเทียนสะบัดแขนเสื้อ ยกมือขึ้นคารวะทุกคน “ข้าหลงอ้าวเทียนถูกคุมขังอยู่ที่นี่แปดพันกว่าปีแล้ว เพราะล่วงเกินเสิ่งอิง ตอนแรกคิดว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่มีวันหลุดพ้น แต่พวกเจ้าทำให้กระบี่วิหคมังกรยอมรับเจ้าของได้สำเร็จ ทำให้ข้าเป็นอิสระอีกครั้ง บุญคุณนี้ข้าจะจดจำไปตราบนิรันดร์ วันหน้าหากพบกัน ถ้ามีอะไรอยากให้ข้าช่วย ข้าจะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน!”
พูดจบ หลงอ้าวเทียนก็ระเบิดพลังสะเทือนฟ้า มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างที่สุด อหังการเป็นล้นพ้น
“มนุษย์เต็มไปเรื่องจนใจ ทุกสิ่งทุกอย่างสุดท้ายล้วนว่างเปล่า ยิ้มรับกับทุกสรรพสิ่ง เป็นอิสระเหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้า”
“สหายทั้งหลาย ข้าขอตัวก่อน สวรรค์จะกำราบข้า ข้าจะเหนือกว่าฟ้า! วันที่เจ้าและข้าพบกันใหม่ ต้องเป็นวันที่ข้าหลงอ้าวเทียนมีชื่อสะเทือนปฐพี!” หลงอ้าวเทียนจิตใจฮึกเหิม เผยแผ่นหลังที่กำยำผ่าเผยของเขาให้กับทุกคนแล้วเดินย่ำอากาศไป…
อันหลินจ้องมองฉากนี้ มุมปากกระตุก ในใจเหมือนมีสัตว์อสูรนับหมื่นวิ่งห้อผ่านไป
หรือชื่อนี้ไปปลุกสัญชาตญาณบางอย่างของเขา ชื่อหลงอ้าวเทียนของเจ้าใครบ้างจะไม่รู้ ใครบ้างจะไม่ทราบ ชื่อสะเทือนปฐพีตั้งนานแล้ว!
ไม่ว่าอย่างไร หลงอ้าวเทียนก็จากไปแล้ว
อันหลินสงบสติอารมณ์แล้วมองสวีเสี่ยวหลานที่กำลังหยอกล้อกระบี่วิหคมังกรอยู่
กระบี่วิหคมังกรเป็นเหมือนเด็กหญิงขี้เล่น ลอยวนรอบตัวสวีเสี่ยวหลาน
สวีเสี่ยวหลานใช้เปลวไฟเผามัน แต่มันกลับควบคุมเปลวไฟของสวีเสี่ยวหลาน ทำให้เปลวไฟเริงระบำรอบกระบี่ประหนึ่งภูต
“เฮ้อ คนงามกระบี่งาม ลงตัวสมบูรณ์แบบ…” อันหลินส่ายหน้าถอนหายใจ
เขาชักกระบี่พิชิตมารออกมา จ้องกระบี่ดำทะมึนดุจหมึกแล้วเริ่มสอนสั่ง “ดูวิหคมังกรสิ เล่นกับเจ้าของได้ด้วย แล้วเจ้าล่ะ แม้แต่สติปัญญาก็ไม่บังเกิด! เจ้าว่า เจ้ากับอิฐอัลลอยแรกกำเนิดมีอะไรต่างกัน ดำสนิทกันทั้งคู่ เป็นสองพี่น้องหรือไง”
กระบี่พิชิตมารไม่พูด ถูกอันหลินกำอยู่เงียบๆ
“เฮ้อ เสียดายที่เจ้าเป็นถึงสุดยอดอาวุธเซียน แม้แต่จักรพรรดิจื่อเวยก็ถูกใจเจ้า ไยตอนนี้ถึงได้ไม่เอาไหนขนาดนี้ล่ะ…”
“เฮ้อ นายท่านอ่อนแอเหลือเกิน ข้าไม่อยากพูด”
จู่ๆ เสียงเย็นก็ผุดขึ้นในสมองของอันหลิน ทำเอาเขาตกใจจนสะดุ้งโหยง
เดี๋ยวนะ…เสียงนี้มาจากไหน…
อันหลินมองกระบี่พิชิตมารในมือ ข้อสันนิษฐานที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งเกิดขึ้นในหัวอันหลิน “เจ้าเสีย…ใช่เจ้าไหม เจ้ากำลังพูดหรือ”
กระบี่พิชิตมาร “…”
กระบี่พิชิตมารดำขลับถูกอันหลินถือไว้เงียบๆ ไร้การตอบสนอง
อันหลินกะพริบตาแล้วพูดต่อว่า “ขืนเจ้ายังไม่พูดอีก เดี๋ยวข้าจะปักเจ้าใส่กองขี้วัว”
“ไปให้พ้น!”
เสียงตะโกนของผู้หญิงดังก้องสมองอันหลิน
เสียงตะโกนนี่มีพลังทำลายล้าง ทำให้เหมือนมีฟ้าผ่าในหัวอันหลิน
แต่เขาไม่โกรธ พูดด้วยความลิงโลดใจว่า “ฮ่าๆ ๆ ๆ พวกเจ้าดูสิ กระบี่ของข้ามีปราณแล้ว!”
อันหลินตะโกนเรียกให้สวีเสี่ยวหลาน ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์ชายตามอง
อันหลินโยนกระบี่พิชิตมารออกไปแล้วพูดเสียงดังว่า “เสี่ยวเสีย ระบำกระบี่หน่อย!”
กระบี่พิชิตมารวาดลวดลายพาราโบลากลางอากาศ จากนั้นก็ตกลงพื้นดังแกรก นิ่งไม่ไหวติงท่ามกลางสายตาของทุกคน
สวีเสี่ยวหลาน “…”
อันหลิน “…”