ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 398 ชิวเสวียนได้สติ
บทที่ 398 ชิวเสวียนได้สติ
บทที่ 398 ชิวเสวียนได้สติ
ห้องโถงใหญ่ในจวนตระกูลหลิง
ลู่หยวนนั่งเอนกายกับเก้าอี้ไม้โบราณอย่างสบายอารมณ์
ข้างกายของเขามีกู่จินเจากำลังนั่งตัวตรงพลางขมวดคิ้ว
กู่จินเจาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน “เจ้าวางแผนจะบูรณะแดนมัชฌิมอย่างไร?”
แดนมัชฌิมตกอยู่ในสภาพทรุดโทรมจนนางคิดหาทางไม่ได้ หากใช้วิธีการปกติในการบูรณะ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอย่างต่ำหนึ่งร้อยปี
ทว่าลู่หยวนกลับยังคงสงบนิ่งและผ่อนคลาย เขาไม่ตอบอะไร แต่เป็นฝ่ายถามกลับว่า “รายชื่อตระกูลในแดนมัชฌิมเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
กู่จินเจาพยักหน้า นั่นคือสิ่งที่นางทำในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
มีตระกูลน้อยใหญ่มากมายอาศัยอยู่ในแดนมัชฌิม แต่มีกลุ่มใหญ่ไม่มาก
หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะไม่สามารถสนับสนุนแดนมัชฌิมได้แน่นอน
ลู่หยวนเห็นความกังวลของกู่จินเจา จึงเอ่ยว่า “ช่างเถอะ ที่นี่ก็แค่แดนมัชฌิม ขอเพียงใช้วิธีการบูรณะที่เหมาะสมให้กลับมาเป็นอย่างเก่า ย่อมใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีหรอก”
ทันทีที่สิ้นเสียง กู่จินเจาก็ขมวดคิ้ว
นางไม่มั่นใจว่าลู่หยวนกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
สถานการณ์ของแดนมัชฌิมในตอนนี้ แม้แต่ปราณวิญญาณพื้นฐานก็ไม่สามารถรวมตัวกันได้ แล้วนับประสาอะไรที่จะทำให้มันกลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนดังเก่า
หากไม่มีปราณวิญญาณ ทั้งสมุนไพรวิญญาณ โอสถหรือการบ่มเพาะล้วนแต่เป็นเรื่องไร้ประโยชน์
ลู่หยวนเปี่ยมด้วยความมั่นใจ “พรุ่งนี้แดนมัชฌิมจะต่างออกไป! เมื่อถึงเวลาเจ้าจะเห็นเอง เพราะงั้นไปได้แล้ว”
กู่จินเจาหยุดสนทนาก่อนจะยืนขึ้นแล้วจากไป
ในไม่ช้า ชิวชิงหลีเข้ามาในห้องโถงใหญ่พร้อมกับถือจานขนมอบอันประณีต
ลู่หยวนยิ้มออกมา แล้วชิวชิงหลีก็หยิบขนมอบขึ้นมาป้อนอีกฝ่ายด้วยความเคยชิน
“ตระกูลชิวติดต่อเจ้าหรือยัง?”
ลู่หยวนถามอย่างเกียจคร้าน
ชิวชิงหลีตอบ “ข้าจะรายงานพอดี ไม่กี่วันมานี้พวกเขาติดต่อเข้ามาไม่ขาดสาย เห็นบอกว่าอยากเชิญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ไปหาเจ้าค่ะ”
“พวกเขาบอกอีกว่า…”
ชิวชิงหลีนิ่งไปสักพัก จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ขอเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์ไปหา พวกเขาจะไม่ไต่สวนข้าอีก นอกจากนี้จะให้ข้ารักษาตำแหน่งประมุขน้อยของตระกูล โดยที่ไม่มีใครมาแทนที่แน่นอน!”
“ผู้อาวุโสบางคนได้ส่งยันต์ส่งสารมา แม้กระทั่งคนที่ไม่มีความสัมพันธ์อันดีกับข้ายังพยายามเข้ามาเอาอกเอาใจ”
ลู่หยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นคำสั่งของชิวสิง”
ชิวชิงหลีขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเย็นชา
เดิมทีแล้ว ทั้งนางและวิญญาณอีกดวงไม่ได้ทราบถึงตัวตนของชิวสิง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วิญญาณทั้งสองดวงทราบเรื่องราวบางอย่างไม่มากก็น้อย
แม้นางไม่สนใจจะทำอะไรแบบนี้ แต่วิญญาณอีกดวงกลับสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ก่อนจะใช้พลังของตัวเองเริ่มตรวจสอบกลิ่นอายมารอันเข้มข้น ณ ตำแหน่งที่จวนตระกูลตั้งอยู่ ทว่าก่อนจะได้พบอะไรมากไปกว่านั้น ก็เกิดเรื่องขึ้นที่แดนมัชฌิมเสียก่อน
เมื่อลู่หยวนเล่าเรื่องเกี่ยวกับชิวสิงให้ฟัง นางก็เข้าใจทุกอย่าง
ตระกูลชิวซ่อนตัวชายชราผู้มีชีวิตยืนยาวขนาดนั้นเอาไว้!
เมื่อลองขบคิดดูแล้ว คงมีเพียงมหาจักรพรรดิในแดนเซียนเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตได้นานขนาดนี้!
นางเพียงไม่ทราบว่าชิวสิงใช้วิธีอะไร
“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์จะเตรียมการอย่างไรหรือเจ้าคะ?”
ชิวชิงหลีมองออกเช่นกันว่านี่คืองานเลี้ยงสังหาร!
หากลู่หยวนไปที่นั่น เขาย่อมพบกับความพ่ายแพ้แน่นอน!
ทว่าเขากลับไม่คิดเช่นนั้น ก่อนแย้มยิ้มออกมา “หายากนักที่ชายชราผู้นั้นอยากเจอข้า จะพลาดโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ต่อให้เขาไม่มาหา ข้าก็ยังจะไปหาเองอยู่ดี!”
“ข้าแค่สงสัยว่าตอนนี้ชิวเสวียนเป็นอย่างไรบ้าง?”
ชิวชิงหลีตกตะลึงสักพัก ก่อนตอบว่า “เขาดูเหมือนจะถูกจองจำอยู่ และไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวไปไหน โดยมีผู้แข็งแกร่งเฝ้าอยู่ทั่วทุกหนแห่งเจ้าค่ะ”
ชิวเสวียนผู้นี้คือภาชนะสำหรับชิวสิง
ชิวสิงเพียงต้องการใช้เขาเพื่อให้ได้ร่างที่สามารถควบคุมทั้งพลังมารและพลังวิถีคุณธรรม!
ตามที่ชิวชิงหลีว่า หลังจากชิวเสวียนหลบหนีไปแล้ว พ่อของเขาก็เสียชีวิตกะทันหัน
เหอะ… เสียชีวิตกะทันหันอะไรกัน เป็นฝีมือของชิวสิงไม่ผิดแน่!
หากชิวเสวียนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
เขาเพียงไม่ทราบว่าชิวเสวียนผู้เป็นบุตรแห่งโชคชะตาจะทำอย่างไร…
…
ณ จวนตระกูลชิว
ชิวเสวียนถูกขังไว้ในห้อง สีหน้าดูน่าเวทนา ดวงตาแดงก่ำดุจโลหิต เบื้องหน้าของเขามีร่างจำแลงของชิวสิงยืนอยู่ในอากาศด้วยสีหน้าหมองหม่น
ชิวเสวียนสั่งสมปราณวิญญาณทั้งหมดในทันที แล้วเงาซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังประหนึ่งแม่ทัพทวยเทพ พลังมารพลุ่งพล่านขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นชุดเกราะก่อนจะปกคลุมบนร่างนั้นอย่างหนาแน่น
ชิวเสวียนพลันเหวี่ยงหมัดออกไป ทำให้อากาศรอบข้างสั่นไหว แม่ทัพเทพซึ่งอยู่ด้านหลังก็กำหมัดขวาเช่นกันก่อนจะกระแทกใส่ร่างจำแลงของชิวสิง
ดวงตาของชิวสิงมืดมนลง แล้วคลื่นพลังขนาดใหญ่ก็ทะยานสู่ท้องนภา พลันส่งเสียงดังกึกก้องประหนึ่งฟ้าผ่าลงมา
ตู้ม!
พลังอันไร้เทียมทานเคลื่อนลงมาหาชิวเสวียนในชั่วพริบตา ประหนึ่งขุนเขาที่ไม่มีวันสั่นคลอนได้กดทับลงบนบ่า
เสียงคำรามผสานกับเสียงกระดูกแตกดังขึ้น
แม่ทัพทวยเทพซึ่งอยู่ด้านหลังชิวเสวียนหายไปในพริบตาเดียว แล้วพลังมารกับพลังแห่งวิถีคุณธรรมก็สลายไป
พื้นใต้เท้าแตกระแหงกลายเป็นธุลี ถึงกระนั้นโลหิตกลับไม่ไหลออกมาจากเจ็ดรูทวาร
ชิวเสวียนฝืนประคองร่างเอาไว้ ถึงแม้พลังของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งยิ่ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะทำให้ตนเองคุกเข่าได้
เพียงชั่วขณะ เขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น และขาสั่นเทาจนยากจะควบคุม ถึงกระนั้นก็ยังเงยหน้าจ้องมองไปยังร่างจำแลงของชิวสิงซึ่งอยู่ไม่ไกลด้วยสายตาเกลียดชัง
ชิวสิงทำเป็นมองไม่เห็นก่อนจะเอ่ยอย่างเนิบช้า “ขยะ”
สิ้นคำที่เขาพูดออกมา แรงกดดันก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ครืน!
ชิวเสวียนถูกกดลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนกระดูกขาหัก
“ลู่หยวนอาจจะอายุเท่ากับเจ้า แต่เขาบรรลุไปถึงขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์แล้ว ส่วนเจ้า… เหอะ ก็แค่ขยะไร้ค่า น่าเสียดายที่ร่างของเจ้าสามารถควบคุมทั้งพลังแห่งวิถีคุณธรรมกับพลังมารได้”
ชิวสิงเงยหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ยอย่างไม่พอใจ “หากลู่หยวนควบคุมพลังแห่งวิถีคุณธรรมได้ ข้าคงไม่เลือกขยะไร้ความสามารถเช่นเจ้าหรอก”
ชิวเสวียนได้ยินทุกคำพูดอย่างชัดเจน เขาในยามนี้ถูกกดไว้กับพื้นประหนึ่งสุนัขที่ตายแล้ว มือกำไว้มั่นขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารไร้ที่สิ้นสุด
“ทำไม… เจ้าถึงฆ่าพ่อข้า?!”
ทันทีที่ชิวเสวียนกลับมา เขาก็ทราบว่าท่านพ่อนั้นเสียชีวิตอย่างกะทันหันจนต้องรีบนำร่างไปฝัง
เมื่อทราบเรื่องแล้ว เขารู้ทันทีว่ามันมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
อำนาจของผู้เป็นพ่อในยามนี้ล้วนถูกส่งต่อให้กับชิวสิง!
พ่อของเขาจะจากไปกะทันหันทั้งที่อยู่ในตระกูลชิวได้อย่างไร?!
ต้องเป็นฝีมือของชิวสิงไม่ผิดแน่!
แต่ก่อนจะได้สอบถามและทวงความยุติธรรม เขาก็ถูกคนในตระกูลที่เคยทำดีด้วยเข้าขัดขวาง!
ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถก้าวออกไปจากที่นี่ได้!
ตอนนี้เองที่ชิวเสวียนเข้าใจว่าตนไร้พลังแค่ไหน…
แม้ท้ายที่สุดชิวสิงจะมาหาด้วยตนเอง แต่สภาพก็เป็นอย่างที่เห็น
เขาเข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดถึงได้รับการปกป้องจากอีกฝ่าย
นั่นก็เพราะเขาคือเมล็ดพันธุ์มารที่มีพลังแห่งวิถีคุณธรรม…
สาเหตุที่ชิวสิงเลี้ยงดูเขาก็เพราะต้องการร่างกายของตนเพียงอย่างเดียว!
เมื่อถึงเวลา บรรพชนที่เคยให้ความเคารพและเทิดทูนจะยึดร่างกายของเขาไป!