ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 87 มิยาโมโตะจอมเจ้าเล่ห์
บทที่ 87 มิยาโมโตะจอมเจ้าเล่ห์
หลังวางสายโทรศัพท์ รองผู้กำกับจางซึ่งกำลังนั่งจิบชาอยู่ในห้องทำงานของผู้กำกับก็หัวเราะออกมา “โทรศัพท์จากไอ้หลิวขายชาติรึเปล่า”
ผู้กำกับพยักหน้า
“เดาไม่ยากเลย คงโทรมาถามเรื่องสินค้าของซันกรุ๊ปแน่ ๆ ฉิบหายเอ๊ย! ไอ้สามตาเพิ่งรายงานเรื่องที่ซ่อนของเมื่อกี้ นี่มันโทรมาจี้แล้วเหรอเนี่ย ผู้กำกับจ้าว เราควรทำยังไงดี” รองผู้กำกับจางพูดอย่างอารมณ์ดี เห็นได้ชัดว่าเขารู้เรื่องการปล้นทั้งหมด แม้กระทั่งรู้ว่าสินค้าอยู่ที่ไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขายังไม่ได้พูด นั่นคือ เรื่องคนขับรถบรรทุกที่ดูเหมือนว่าจงใจมองข้ามไป ซึ่งรองผู้กำกับจางก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปด้วย
ผู้กำกับจ้าวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “รองผู้กำกับจาง คุณพูดว่าอะไรนะ สินค้าอะไร วันนี้อารมณ์ดี มาเล่นหมากรุกกันต่ออีกสามร้อยเกม วันนี้แหละฉันต้องเอาชาดอกคำฝอยอายุสิบห้าปีของนายกลับไปให้ได้”
รองผู้กำกับจางถึงกับพูดไม่ออก ก่อนจะตบต้นขาแล้วพูดว่า “บ้าไปแล้ว อย่าแม้แต่จะคิด ลุยกันเลย ใครกลัวใคร” พูดจบเขาก็ดึงเอาชุดหมากรุกออกมาจากใต้โต๊ะ
ตำรวจระดับผู้กำกับกับรองผู้กำกับกลับมานั่งเล่นสนุกสนานกันอย่างไม่ทุกข์ร้อนราวกับว่าคำพูดของรองนายกเทศมนตรีหลิวเป็นเพียงผายลม
ค่ำคืนอันเงียบสงัด
สามร่างซ่อนตัวอยู่ในความมืดภายนอกวิลล่าของมิยาโมโตะในเมือง
“พี่หญิง พวกเราจะบุกเข้าไปแบบนี้จริง ๆ เหรอ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นในความมืด
ตามด้วยเสียงผู้หญิงดังขึ้น “กลัวอะไร ยี่สิบปีก่อน ฉันกับพี่ชายแกแค่สองคนยังฆ่าคนของกลุ่มมังกรดำตายเรียบ พวกเด็กเมื่อวานซืนคิดว่าป้าจะกินเจแล้วรึไง”
“พอได้แล้ว ช่วงนี้มีคนเคลียร์ทางให้เราจัดการกับพวกไตรภาคี ตอนนี้มิยาโมโตะไม่น่าจะมีมือเหลือมากนัก คืนนี้ต้องกำจัดมันให้ได้ ไม่งั้นนอนไม่หลับแน่” เสียงผู้ชายอีกคนหนึ่งดังขึ้น คราวนี้ฟังดูหนักแน่นและสุขุมกว่า
“อืม!” อีกสองคนพยักหน้า
จากนั้นทั้งสามคนก็ค่อย ๆ เข้าไปใกล้วิลล่า คลานผ่านแสงเงาเข้าไปในวิลล่า
“มีแขกมาไกล ถึงต้องแอบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วย เข้ามาตรง ๆ ไม่ง่ายกว่าเหรอ มิยาโมโตะคนนี้ยินดีต้อนรับเสมอ”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในวิลล่า ทำให้สีหน้าของทั้งสามคนที่กำลังลอบเข้าไปเปลี่ยนไป
“แย่แล้ว มีซุ่มโจมตี ถอย!” ชายชุดดำที่เป็นผู้นำร้องเตือนเบา ๆ ทั้งสามคนรีบถอยกลับออกไปทางเดิม
แต่ในตอนนั้นเอง ไฟในสวนของวิลล่าก็สว่างขึ้น ส่องแสงสว่างจ้าไปทั่วบริเวณ
ชายชุดดำแขนเดียวเดินออกมาจากความมืดอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางแสงไฟ
ในขณะเดียวกัน บรรดาลูกน้องก็ทยอยออกมาจากคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ทุกคนถือดาบซามูไร หลายสิบคนเล็งไปที่คนสวมหน้ากากสามคนที่ยืนอยู่บนสนามหญ้าหน้าคฤหาสน์
“ฮ่า ๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นเหยื่อล่อที่ดีที่สุด ต้องมีคนอดใจไม่ไหวมางับเหยื่อแน่นอน” มิยาโมโตะสวมชุดกิโมโนเดินออกมาจากคฤหาสน์ ใบหน้ายิ้มแย้มดูใจดีมีเมตตา
“คุณมิยาโมโตะ ขอบคุณที่มีน้ำใจ พวกเราแค่ผ่านมาเท่านั้น หากรบกวนก็ขออภัยด้วย พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้” ชายร่างกำยำที่สวมหน้ากากซึ่งเป็นหัวหน้าพูดเสียงทุ้ม แล้วดึงคนข้าง ๆ สองคนจะถอยหลังกลับ
“ช้าก่อน”
เสียงแหบแห้งดังขึ้น ชายชุดดำแขนเดียวกระโดดขึ้นแล้วลงมาขวางหน้าคนสวมหน้ากากทั้งสามคน สายตาเหมือนงูพิษทำให้คนขนลุก
“มาแล้วก็ไม่ต้องไปหรอก!” ชายชุดดำพูดเสียงแหบ
“นินจา!” เสียงผู้หญิงในกลุ่มคนสวมหน้ากากพูดเสียงทุ้ม
“พี่ชาย พี่สะใภ้ พูดอะไรให้มากความ บุกออกไปเลยดีกว่า” ชายร่างผอมบางพูดอย่างหงุดหงิด
“อย่าเพิ่งขยับ” ชายร่างกำยำที่สวมหน้ากากยังคงใจเย็นกว่า มองมิยาโมโตะแล้วพูดว่า “คุณมิยาโมโตะ ไม่จำเป็นต้องทำให้ลำบากใจ ครั้งนี้ถือว่าผมเสียมารยาท แต่คุณมิยาโมโตะคิดว่าแค่พวกเขาจะสามารถหยุดพวกเราได้เหรอ? อีกอย่างถึงจะหยุดพวกเราได้ ผมกล้ารับรองว่าก่อนตาย ต้องลากคุณไปเป็นเพื่อนแน่!”
“ฮ่า ๆ ช่างเป็นชายชาตรีจริง ๆ!”
มิยาโมโตะทำหน้าชื่นชม จากนั้นก็ยิ้มอย่างลึกลับแล้วพูดว่า “แต่คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันมีแค่การเตรียมการเท่านี้?”
“หรือว่า…?” ชายร่างกำยำที่สวมหน้ากากหรี่ตาลง แล้วก็รู้สึกว่าบนตัวของพวกเขาทั้งสามคนมีจุดสีแดงกำลังส่ายไปมา ทันใดนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นวาววับ
“ฮ่า ๆ รอบ ๆ คฤหาสน์นี้ฉันวางมือปืนซุ่มยิงไว้สิบสองคน ทุกมุมอับสามารถถูกสอดส่องได้ ตอนนี้พวกแกทั้งสามคน ถึงมีปีกก็บินหนีไม่รอด” มิยาโมโตะทำหน้าภูมิใจ น้ำเสียงโอหัง ราวกับเป็นราชาผู้สูงส่ง
“วางแผนได้ดีมาก!” ชายร่างกำยำที่สวมหน้ากากมีแววตามืดมน
“ฮ่า ๆ แต่ฉันชื่นชมคนกล้าหาญที่สุด ถ้าไม่รังเกียจ เข้าไปข้างในกันเถอะ พวกเราคุยกันดี ๆ บางทีอาจมีโอกาสร่วมมือกันก็ได้” มิยาโมโตะยิ้มพูด
ชายร่างกำยำที่สวมหน้ากากหัวเราะเยาะ “คุณไม่กลัวหรือว่าพอเข้าไปแล้วคุณจะไม่ปลอดภัย?”
“ทำไมต้องกลัวล่ะ ฉันว่าในคฤหาสน์ปลอดภัยกว่าข้างนอกนี้อีก” มิยาโมโตะยิ้มแปลก ๆ แล้วหันหลังเดินไปที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์
“ที่รัก” หญิงสวมหน้ากากร้องเรียก
“ไปกันเถอะ ดูสถานการณ์แล้วค่อยตัดสินใจ” ชายร่างกำยำที่สวมหน้ากากพูดเบา ๆ
“อืม!”
กลุ่มคนพวกนั้นมุ่งหน้าเข้าไปรวมตัวกันในวิลล่า แสงไฟสว่างจ้าดับลง บรรยากาศภายนอกวิลล่ากลับคืนสู่ความเงียบสงบ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ทว่า ณ จุดที่สูงลิบของตึกที่อยู่ห่างออกไปเป็นพันเมตร หนิวลี่มองที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยแววตาเป็นประกาย รวมถึงได้ยินเสียงสนทนาอย่างชัดเจน
แม้ภาพที่เห็นจะดูไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทันทีที่ได้ยินเสียง หนิวลี่ก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป นั่นคือเสียงพ่อ แม่ และอาสองของเขา ไม่ผิดแน่!
ไม่คิดเลยว่าพ่อ แม่ และอาสองจะกล้าเสี่ยงเข้าไปในรังโจรแบบนั้น! แถมตอนนี้ยังถูกจับเป็นตัวประกันอีก ไอ้สารเลวมิยาโมโตะนี่ ปล่อยมันลอยนวลไม่กี่วัน คิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้าแล้วสินะ ดูท่าแล้วคงต้องกำจัดมันซะแล้ว!
เขาปล่อยจิตสัมผัสออกไป เอลฟ์ตัวน้อยก็บินออกมาจากแหวนมิติ
“ฮิฮิ พี่ชายจะเลี้ยงข้าวฉันใช่มั้ย” เอลฟ์น้อยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เพราะมัวแต่หาของกิน จึงไม่รู้ว่าหนิวลี่กำลังทำอะไรอยู่
“เตียวเสี้ยน คราวนี้ฉันมีงานให้เธอทำ” หนิวลี่ ถึงกับไปไม่เป็นหลังได้ยินคำว่า ‘เลี้ยงข้าว’ จึงพูดอย่างหมดแรง
“ทำงาน? จะไปต่อสู้เหรอ? ว้าว ๆ ๆ! ในที่สุดพี่ชายก็นึกถึงฉัน ฮ่า ๆ ภารกิจของดาร์กเอลฟ์ก็คือการต่อสู้!”
เมื่อพูดถึงเรื่องต่อสู้ เอลฟ์น้อยดูตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่พูดถึงเรื่องกินเสียอีก ดวงตาเป็นประกาย มีพลังเวทแผ่ออกมารอบตัว
หนิวลี่ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะเล่าแผนการของเขาให้ฟัง
เอลฟ์น้อยมองสำรวจไปรอบ ๆ วิลล่า ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม มีอยู่สิบสองคน ถือของแปลก ๆ อยู่ด้วย”
หนิวลี่รีบพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว ของแปลก ๆ นั่นแหละ มันสามารถทำลายเกราะวายุได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลย เตียวเสี้ยนระวังตัวด้วยนะ เธอดูไปจัดการหกคน ส่วนฉันจัดการเองอีกหกคน อย่าให้มีเสียงดังล่ะ”
“โอเค! ไว้ใจเตียวเสี้ยนได้เลย” เอลฟ์น้อยดูตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าฟังที่หนิวลี่พูดรึเปล่า ก่อนจะกระพือปีกหายไปในความมืด
หนิวลี่ ส่ายหัวอย่างปลง ๆ ในอนาคตเขาจะปล่อยให้ยัยเด็กแสบนี่ทำอะไรตามใจไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นได้เกิดเรื่องใหญ่แน่
เขาเสกเวทมนตร์ลมพัดผ่านร่างกาย หลังจากเลื่อนขั้นเป็นจอมเวทระดับกลาง เวทมนตร์ลมของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น พลังเวททำให้เขาสามารถบินได้ในระยะสั้นๆ แต่ต้องใช้พลังเวทมหาศาล เขาจึงไม่สามารถใช้ได้บ่อย ๆ
ถึงอย่างนั้น เมื่อหนิวลี่ร่ายเวทมนตร์ลมในตอนนี้ ร่างกายของเขาก็เบาเหมือนขนนก ปลิดปลิวไปตามสายลมได้อย่างอิสระ เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง กระโดดครั้งเดียวได้ไกลกว่าสามสิบเมตร แถมยังไม่มีเสียงตอนลงจอด ราวกับภูตผีปีศาจ
เขาแอบย่องไปข้างหลังพลซุ่มยิงคนหนึ่ง ก่อนใช้นิ้วจิ้มไปที่ศีรษะ ปล่อยพลังลมเข้าไปในสมอง พลซุ่มยิงคนนั้นจึงสิ้นใจโดยไม่มีเสียง หนิวลี่รีบเก็บปืนไรเฟิลเอาไว้ ของแบบนี้หาได้ยากในท้องตลาด มิยาโมโตะนี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน หาได้ตั้งสิบสองกระบอก!
ฮ่า ๆ แต่ตอนนี้ทั้งหมดตกเป็นของฉันแล้ว!
หนิวลี่ แอบลอบสังหารพลซุ่มยิงไปสี่คน และได้ปืนไรเฟิลมาสี่กระบอก
“พี่ชาย”
เอลฟ์ตัวน้อยลอยออกมาจากความมืดอย่างเงียบเชียบ
หนิวลี่ อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เขาตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออก
ในตอนนี้ เอลฟ์ตัวน้อยมีรูปร่างเหมือนเด็กสาวอายุสิบห้าหรือสิบหกปี และสิ่งที่ทำให้หนิวลี่พูดไม่ออกก็คือ ปืนไรเฟิลซุ่มยิงที่เด็กสาวถืออยู่ในมือ!
“อันนี้?”
“ทั้งหมดแปดกระบอก จัดการเรียบร้อย พวกนั้นไม่มีใครตอบสนองเลยสักคน ถูกฉันจัดการได้อย่างง่ายดาย ไม่มีอะไรท้าทายเลย” เอลฟ์ตัวน้อยเบ้ปากด้วยความภาคภูมิใจและทะนงตน
“ฮ่าฮ่า! เตียวเสี้ยน เก่งที่สุดแล้ว” หนิวลี่ หัวเราะแห้งๆ พร้อมกับกล่าวชมเชย แต่ในใจเขากำลังหลั่งเลือด “ฉันคิดว่าช่องว่างระหว่างเรามันจะลดลงหลังจากที่ฉันอัปเกรดเป็นจอมเวทระดับกลางแล้ว ใครจะไปคิดว่ามันจะยังกว้างขนาดนี้นะ!”
“ฮิฮิ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ การช่วยเหลือพี่ชายเป็นหน้าที่ของเตียวเสี้ยนอยู่แล้ว แต่พวกกุ้งกั้งปูหนีบแบบนี้ รังแกพวกมันก็ไม่สนุกเลย” เตียวเสี้ยนพูดพลางมองไปที่วิลล่า
“พี่ชาย ฉันรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ข้างในเยอะมาก และทุกคนล้วนแต่มีกลิ่นเลือดติดตัว”
แน่นอนว่าหนิวลี่เองก็รู้สึกเช่นกัน ภายในวิลล่ามีคนอย่างน้อยสี่สิบคน ในจำนวนนั้นมีมากกว่ายี่สิบคนที่ถืออาวุธปืน ซึ่งเป็นชนชั้นสูงของไตรภาคี และยังมีนินจาอีกเจ็ดหรือแปดคน และคนอื่น ๆ ที่ดูเหมือนจะมาพักผ่อนอย่างสบายใจราวกับมาเที่ยวพักผ่อน!
แต่หลังจากที่หนิวลี่ใช้พลังจิตสัมผัสตรวจสอบ เขากลับพบว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ดูเหมือนจะมาพักผ่อนเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงเขา โชคดีที่เขาดึงพลังวิญญาณกลับมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นคนเหล่านั้นอาจจะสัมผัสถึงการมีอยู่ของเขาได้
“นักสู้หลายคน บรรลุระดับหลังฟ้า ปราณสังหารเข้มข้น ดูจากท่าทางแล้ว พวกเขาน่าจะเป็นนักฆ่า” หนิวลี่ยืนกอดอก พลางเผยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้า