ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 63 เข้าสถานีตำรวจ
บทที่ 63 เข้าสถานีตำรวจ
บทที่ 63 เข้าสถานีตำรวจ
ปัญหาเรื่องการลาได้รับการแก้ไขแล้ว หนิวลี่เริ่มคิดว่าจะติดต่อพ่อแม่และอาสองอย่างไร ถึงแม้จะรู้ว่าทั้งสามคนยังไม่มีอันตรายในตอนนี้ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวคราว หนิวลี่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน
ชายหนุ่มเดินไปเรื่อยเปื่อยบนถนน จนไปเจอร้านอาหารเช้าแห่งหนึ่ง จึงสั่งขนมจีบหนึ่งกล่อง แล้วเริ่มกินอาหารเช้า
“พี่คะ พาหนูไปด้วยเถอะนะ หนูจะไม่ทำให้พี่เดือดร้อนจริง ๆ นะคะ พี่ขา”
เสียงหวาน ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากท้ายถนน ตามด้วยเสียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นของผู้ชายคนหนึ่ง
เสียงของผู้ชายคนนั้นคุ้นเคยมาก หนิวลี่จึงหันกลับไปมอง ก็ได้แต่ยิ้มแห้ง
พูดถึงเรื่องบังเอิญ คนคนนั้นคือหัวหน้าฟางนี่เอง แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? น้องสาวของเขาเหรอ? ดูไม่เหมือนนะ
ที่ท้ายถนน รถตำรวจจอดอยู่ข้างทาง หญิงสาวสวยในเครื่องแบบตำรวจกำลังดึงแขนหัวหน้าฟาง ออดอ้อนอย่างเอาใจ
ในขณะที่หัวหน้าฟางก็มีสีหน้าปวดหัว ส่ายหัวปฏิเสธอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเห็นหัวหน้าฟาง หนิวลี่ก็ตาเป็นประกายทันที ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่ตำรวจก็เป็นหน่วยงานของรัฐ ข้อมูลข่าวสารก็รวดเร็วที่สุด ถ้าอยากตามหาพ่อแม่ ก็คงต้องพึ่งตำรวจนี่แหละ
หลังจากจ่ายค่าอาหารอย่างรวดเร็ว หนิวลี่ก็รีบวิ่งไปหาหัวหน้าฟาง
“แก!” หัวหน้าฟางเห็นผมเป็นคนแรกด้วยสีหน้าระแวงระวัง มือก็เอื้อมไปที่ปืนพกแล้ว แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ที่ปืนพกถูกแอบสลับเมื่อครั้งก่อน เขาก็ไม่กล้าชักปืนออกมา เพราะกลัวว่ามันจะพังอีก
ส่วนตำรวจหญิงก็หยุดออดอ้อน มองผมด้วยความสงสัย ทำให้พี่ชายของเธอเครียดได้ขนาดนี้ เด็กคนนี้ต้องเป็นคนร้ายที่โหดเหี้ยมมากแน่ ๆ!!
“หัวหน้าฟาง ผมมาแจ้งความครับ” หนิวลี่พูดอย่างหน้าตาเฉย
หัวหน้าฟางหัวเราะเยาะในใจ ด้วยฝีมืออย่างแกยังต้องแจ้งความอีกเหรอ? เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ รอดูว่าเด็กคนนี้จะพูดอะไร
หนิวลี่ไม่รีบร้อน พูดช้า ๆ ว่า “พ่อแม่ของผมถูกไล่ฆ่าเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ไม่รู้เป็นหรือตาย แถมบ้านและร้านอาหารของผมก็ถูกทุบพังยับเยิน ตอนนี้ชีวิตของผมไม่ปลอดภัย ผมจึงมาแจ้งความ ขอให้ตำรวจช่วยครับ”
“โอ้โห! ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ พี่รีบรับเรื่องเร็วเข้าสิคะ พวกเราจะได้เริ่มสืบสวน” ตำรวจหญิงดูท่าทางจะเป็นเด็กใหม่เพิ่งเข้ามาทำงาน เธอเชื่อในสิ่งที่หนิวลี่พูดอย่างง่ายดาย แล้วยังทำสีหน้ายุติธรรมอีกด้วย
หัวหน้าฟางจ้องน้องสาวด้วยความไม่พอใจ จากนั้นจึงหันมามองหนิวลี่ด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าแกพูดอย่างนั้น ก็ไปกับฉันที่สถานีตำรวจ”
“ไม่มีปัญหาครับ” หนิวลี่ยักไหล่
หลังจากขึ้นรถตำรวจ หนิวลี่ก็นั่งเงียบด้วยรอยยิ้มกว้าง
แต่ตอนนี้เอง ตำรวจหญิงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงพูดเสียงดังว่า “ไม่ใช่นะพี่ พวกเรากำลังสืบสวนคดีฆาตกรรมที่ทะเลสาบหลิงกวงอยู่นะ คดีเล็ก ๆ แบบนี้ปล่อยไปก่อนไม่ได้เหรอ!”
“นี่พูดแบบนี้ได้ยังไง!” เดิมทีหนิวลี่ทำหน้าตาเรียบเฉย แต่พอได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองตำรวจหญิงอย่างเคือง ๆ แต่คดีฆาตกรรมที่ทะเลสาบหลิงกวงก็ทำให้หนิวลี่อดคิดไม่ได้
ตำรวจหญิงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยังคงมองฟางเจิ้งพลางพูดอย่างจริงจังว่า “พี่คะ นั่นมันคดีฆาตกรรมกว่าร้อยศพเลยนะ ในวงการตำรวจหลายสิบปีก็ไม่ค่อยจะได้เจอแบบนี้ ตอนนี้ศพก็ยังหาไม่เจอ พวกเราจะทิ้งเรื่องใหญ่ที่ได้ช่วยเหลือประชาชนแบบนี้เพื่อคดีเล็ก ๆ ได้ยังไง”
ฟางเจิ้ง เหลือบมองตำรวจหญิง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พ่อแม่ของเจ้าเด็กนี่ต้องเกี่ยวข้องกับคดีนี้แน่ ๆ พาเขากลับไปก็เป็นการช่วยสืบสวน”
“อะไรนะ??” ตำรวจหญิงถึงกับอึ้ง
ส่วนหนิวลี่หนังตากระตุก รู้สึกว่าตัวเองน่าจะเจอเบาะแสจริง ๆ เสียแล้ว
“พูดมาสิ พ่อแม่แกทำอาชีพอะไร คดีฆาตกรรมที่ทะเลสาบหลิงกวงเป็นฝีมือครอบครัวแกหรือเปล่า” ตำรวจหญิงหันขวับมาพูดกับหนิวลี่ด้วยสีหน้าดุร้าย
หนิวลี่ถึงกับอึ้ง! ยัยนี่พูดถูกจริง ๆ ด้วย
เพียงแต่ฟางเจิ้งดึงตำรวจหญิงอย่างไม่สบอารมณ์พลางขู่ว่า “เสี่ยวเหว่ย เธอเงียบ ๆ หน่อยได้ไหม ไม่อย่างนั้นต่อไปก็ไม่ต้องมาตามฉันแล้ว”
“อ้อ!” ตำรวจหญิงเก็บสีหน้าดุร้ายลงทันที จากนั้นก็นั่งตัวตรง
“ฮี่ ๆ” หนิวลี่หัวเราะเบา ๆ มองตำรวจหญิงด้วยสายตาที่แฝงความหมาย ยัยนี่แกล้งโง่หรือว่ามีความสามารถพิเศษอะไรบางอย่างที่ทำให้รับรู้ได้
ไม่นานรถตำรวจก็มาถึงสถานีตำรวจ
สถานีตำรวจวันนี้แตกต่างจากทุกวัน มีคนเดินเข้าเดินออกอยู่บ่อยครั้ง และสีหน้าของทุกคนก็ดูเคร่งเครียดอย่างน่ากลัว
หนิวลี่เอามือลูบจมูก แสดงความรู้สึกผิดในใจ จริง ๆ แล้วเขาก็เป็นคนสร้างปัญหาให้กับเหล่าตำรวจที่น่ารัก
พอเดินเข้าไปในสถานีตำรวจ ตำรวจหลายคนที่เห็นฟางเจิ้งก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง ส่วนตำรวจหญิงที่น่ารักข้าง ๆ ฟางเจิ้ง พวกเขาก็ยิ้มให้
ฟางเจิ้งพาหนิวลี่ตรงไปที่ห้องทำงานของรองผู้กำกับ จากนั้นก็บอกหนิวลี่ให้รอสักครู่ แล้วเขาก็ออกจากห้องทำงานไป ปล่อยให้ตำรวจหญิงเเละหนิวลี่อยู่กันตามลำพัง
“นี่ เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ พ่อแม่นายถูกตามล่าได้ยังไง เรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง นายรู้เบื้องลึกเบื้องหลังมากแค่ไหน” ทันทีที่ฟางเจิ้งออกไป ตำรวจหญิงก็สลัดคราบสาวน้อย นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของรองผู้กำกับ จ้องมองหนิวลี่ด้วยสีหน้าจริงจัง
หนิวลี่ไม่สนใจไยดีเธอเลย แค่ดูก็รู้แล้วว่าเธอแกล้งทำ เธอจะไปรู้อะไร
หนิวลี่ไม่สนใจตำรวจหญิง เขาปล่อยพลังวิญญาณครอบคลุมทั่วสถานีตำรวจ พลางสังเกตความเป็นไปภายในสถานีตำรวจ รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะฟางเจิ้ง ตอนนี้เขาเดินไปที่ห้องประชุมห้องหนึ่ง ข้างในมีตำรวจระดับสูงกำลังประชุมกันอยู่
จะบอกว่าประชุมก็คงไม่ถูก ต้องบอกว่าตำรวจวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งหัวโต๊ะกำลังตะโกนโวยวาย ส่วนตำรวจระดับสูงคนอื่น ๆ ก็ต่างก้มหน้าเงียบกันหมด
“หัวหน้าฝาง สืบเรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว” ตำรวจวัยกลางคนเอ่ยถาม ฟางเจิ้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบเมื่อเห็นเขาก้าวเข้ามา
ฟางเจิ้งรีบยืนตรงทำความเคารพอย่างรวดเร็ว ก่อนรายงานด้วยสีหน้าจริงจัง “รายงานท่านครับ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่กรมการจราจรจัดหามา ผมพบเรื่องหนึ่งครับ พวกคนญี่ปุ่นเก้าสิบสามคนที่ทะเลสาบหลิงกวง เคยไปรวมตัวกันที่ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง พวกเขาทำการปิดร้าน แล้วก็ดูเหมือนจะมีการต่อสู้กันเล็กน้อย จากนั้นก็ออกจากร้านไป ร้านนั้นมีเจ้าของร้านเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง แต่ตอนนี้ทั้งคู่หายตัวไปแล้วครับ”
“อ้อ แล้วพวกนั้นไปทำอะไรที่ร้านนั้น ร้านอะไร สืบประวัติเจ้าของร้านหรือยัง” ตำรวจวัยกลางคนถามด้วยความสงสัย
“ผมกลับมารายงานเรื่องนี้ครับ ผมตรวจสอบประวัติจากทะเบียนราษฎร์ที่สถานีตำรวจท้องที่ พบว่าเจ้าของร้านชื่อ หนิวเปียว อาศัยอยู่กับภรรยาชื่อ กู้ฮุ่ยผิง และลูกชายหนึ่งคนชื่อ หนิวลี่ เช้านี้ หนิวลี่ มาแจ้งความว่าพ่อแม่หายตัวไปครับ”
“เดี๋ยวก่อน นายบอกว่าเจ้าของร้านชื่ออะไรนะ” ตำรวจวัยกลางคนถามอย่างจริงจัง ทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
“หนิวเปียวครับ”
“หนิวเปียว… หนิวเปียว… หรือว่าจะเป็น… พวกนั้น” ตำรวจวัยกลางคนพึมพำกับตัวเอง สีหน้าเปลี่ยนไป
“ท่านครับ หนิวเปียวคนนี้เป็นใครกันแน่ครับ” ฟางเจิ้งถามอย่างจริงจัง
ตำรวจวัยกลางคนส่ายหน้า “ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจ ต้องรายงานให้กองสืบสวนสอบสวนจังหวัดตรวจสอบก่อน”
“ครับ!”
“ตำแหน่งหัวหน้ากองสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจเมืองว่างมาสามเดือนแล้ว นายเป็นรองหัวหน้ามาสองเดือน ทุกคนเห็นผลงานของนายดี ฉันขอแต่งตั้งให้นายเป็นหัวหน้ากองสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจเมืองเอช อย่างเป็นทางการ นายมีหน้าที่รับผิดชอบคดีฆาตกรรมเจ็ดร้อยยี่สิบหกที่ ส่วนที่ทะเลสาบหลิงกวง ฉันให้อำนาจหน้าที่นายอย่างเต็มที่ สามารถระดมกำลังตำรวจทั้งเมืองได้ตามต้องการ แต่อีกสามวัน นายต้องส่งรายงานการสอบสวนคดีฆาตกรรมฉบับสมบูรณ์ให้ฉัน ทำได้ไหม”
ฟางเจิ้งถึงกับอึ้งไป ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองสืบสวนสอบสวนในเวลานี้ เขาดีใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก รีบยืนตัวตรงแล้วตะโกนเสียงดัง “รับรองว่าจะทำงานสำเร็จให้ได้ครับ”
“ดี ตอนนี้เลิกประชุม ทุกคนไปทำหน้าที่ของตัวเอง รีบสืบหาความจริงของคดีนี้ให้เร็วที่สุด”
“ครับ!” ตำรวจทุกคนลุกยืนตะโกนตอบพร้อมเพรียง
หนิวลี่แอบฟังทุกอย่างในห้องประชุม เขายิ่งมั่นใจว่าตัดสินใจถูกแล้ว ดูเหมือนตำรวจวัยกลางคนคนนั้นจะรู้เรื่องของพ่อแม่เขาอยู่บ้าง ถ้าเขายืนยันได้ เขาก็จะรู้เรื่องราวทั้งหมดของพ่อแม่ เขาทั้งอยากรู้ ทั้งสงสัยว่าพ่อแม่ของเขาเคยทำอะไรกันแน่ ถึงได้มีคนรู้จักมากมายขนาดนี้
“นี่! นายได้ยินที่ฉันพูดไหม ฉันถามนายอยู่” ตำรวจหญิงตะคอกใส่หนิวลี่ที่เอาแต่นั่งเหม่อ
“เอ่อ… คุณพูดว่าอะไรนะ ขอโทษครับ พอดีผมไม่ทันได้ฟัง” หนิวลี่ที่เพิ่งรู้สึกตัวถามอย่างงง ๆ
“นาย!” ตำรวจหญิงโกรธจนแทบจะยกขาเตะหนิวลี่