ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 55 วันที่เงียบสงบของหนิวลี่
บทที่ 55 วันที่เงียบสงบของหนิวลี่
บทที่ 55 วันที่เงียบสงบของหนิวลี่
ยามค่ำคืนในเมืองเอช อากาศเย็นสบาย ไฟตามถนนหนทางห้างร้านสว่างไสว ผู้คนเดินสวนกันไปมาบนท้องถนน ทุกคนดูมีความสุข
หนิวลี่เดินไหลตามฝูงชนไปอย่างสบายใจ
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว การแข่งขันบาสเกตบอจบลงไปแล้วครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้
เป็นไปตามที่ทุกคนคาด ทีมบาสเกตบอลปี 2 คว้าชัยชนะไปได้ในที่สุด ด้วยคะแนน 45 ต่อ 30
ในบรรดาสมาชิกทีมปี 3 นั้น สีหน้าหดหู่ของพวกเขาทำให้หนิวลี่อดขำไม่ได้ โดยเฉพาะสีหน้าดำคล้ำของเป้าสยง ที่ดูเหมือนจะมืดมนขึ้นกว่าเดิม ทำให้หนิวลี่รู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น
คนยโสโอหัง ต้องโดนสั่งสอนบ้าง ไม่งั้นในอนาคตจะรับมือกับความโหดร้ายของสังคมได้อย่างไร! ‘ฉันนี่แหละทำความดี ช่วงให้พวกเขาได้ฝึกจิตใจล่วงหน้า’
แน่นอนว่านี่เป็นความหลงตัวเองที่หนิวลี่คิดไปเอง
หลังจากการแข่งขันบาสเกตบอลจบลง เหมียวต้าเหวยในฐานะแชมป์และหัวหน้าห้องเรียน ก็โบกมืออย่างใจกว้าง เชิญชวนรุ่นพี่ปี 3 ร่วมงานเลี้ยงด้วย น้ำใจนักกีฬาเช่นนี้ ทำให้รุ่นพี่ม.ปลายปี 3 ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น
หนิวลี่ทนการคะยั้นคะยอของเพื่อนร่วมชั้นไม่ไหวจึงไปด้วย ภายหลังกลับพบว่าเพื่อนเพื่อน ๆ เหล่านั้นล้วนเป็นพวกขี้เมา ไม่กี่นาทีหลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น เหล่านักเรียนชายก็ดื่มเบียร์หมดไปแล้วสองลังโดยที่ไม่มีใครเปลี่ยนสีหน้าเลย
หนิวลี่เห็นอย่างนั้นแล้วก็ประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะมีเวทมนต์ กระทั่งสามารถใช้พลังจิตควบคุมการออกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ได้ แต่ไม่ว่าจะบังคับยังไงก็ตามไม่ทันความเร็วในการดื่มของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น ปริมาณแอลกอฮอล์ที่หนิวลี่ดื่มได้ก็ค่อนข้างน้อย
หลังจากดื่มเบียร์ไปห้าขวดติดต่อกัน ใบหน้าของหนิวลี่ก็แดงก่ำ ศีรษะเริ่มมึนงงท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะของเพื่อนร่วมชั้น เขาแกล้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อหนีออกจากวง ‘พวกนี้มันพวกขี้เมาชัด ๆ’
หลังจากออกจากโรงแรม หนิวลี่ก็เดินเล่นไปเรื่อย ๆ ระบายแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายไปพลาง ชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนโดยรอบไปพลาง
นานมากแล้วที่หนิวลี่ไม่ได้มีโอกาสมาเดินเล่นที่ตลาดยามค่ำคืนอย่างผ่อนคลาย ที่ผ่านมาเขาเรียนหนักจนไม่มีเวลา บ้างก็โดนรังแกจนหมดอารมณ์
วันนี้เขาได้ดื่มแอลกอฮอล์ไปนิดหน่อย ทำให้หวนนึกถึงช่วงเวลาที่เคยมีความสุขในอดีต
หนิวลี่คลี่ยิ้มจาง ๆ แล้วดื่มด่ำกับความสบายใจในการเดินเล่นยามค่ำคืน
สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์ต่าง ๆ ทั้งร้านขายข้าวของเครื่องใช้ ร้านอาหารเล็ก ๆ หรือร้านตัดผมอยู่บ้างประปราย
เมืองเอชเป็นเมืองที่ค่อนข้างเปิดกว้าง ร้านตัดผมที่หนิวลี่เดินผ่าน แม้ว่าจะติดป้ายร้านตัดผม แต่ข้างในกลับไม่มีช่างตัดผม กลับมีหญิงสาววัยรุ่นนั่งเรียงรายกันอยู่ คนตาดีดูออกทันทีว่าคือร้านอะไร
ร้านตัดผมแบบนี้มีไม่น้อย เดินผ่านไปสามแยกก็เจอแล้วห้าร้าน!
หนิวลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความประหลาดใจกับความเปิดกว้างของสังคม แต่ถึงอย่างนั้นสังคมที่เปิดกว้างก็ทำให้ผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่งรู้สึกปลดปล่อยตัวเองได้อย่างแท้จริง
“เอ๊ะ! ที่นี่ที่ไหน?” ขณะที่กำลังเลี้ยวเข้าสู่ถนนอีกสาย ร้านค้าที่ติดป้ายร้านขายอุปกรณ์ประกอบฉากก็ดึงดูดความสนใจของหนิวลี่
“ฉันเองก็ต้องการอุปกรณ์ประกอบฉากไม่ใช่เหรอ?” หัวใจของหนิวลี่เต้นแรงขึ้นเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปในร้านอย่างเงียบๆ
ร้านขายอุปกรณ์ประกอบฉากแห่งนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ อุปกรณ์ประกอบฉากต่าง ๆ มากมายวางเรียงรายเต็มผนังและชั้นวางของ
ในร้านมีเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งคอยดูแลร้าน อาจเป็นเพราะไม่ค่อยมีลูกค้ามา เด็กสาวจึงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อย่างเบื่อหน่าย
หนิวลี่ไม่ได้สนใจเด็กสาวคนนั้น เดินตรงไปยังอุปกรณ์ประกอบฉากต่าง ๆ แล้วเริ่มสำรวจ
บนผนังมีอุปกรณ์ประกอบฉากแขวนอยู่มากมาย หลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่ใช้ในการถ่ายทำ และยังมีเครื่องประดับซูเปอร์ฮีโร่ต่าง ๆ ในภาพยนตร์อีกด้วย
หนิวลี่ดูอยู่ครู่หนึ่ง อุปกรณ์ตกแต่งหลายชิ้นที่ตั้งใจจะซื้อก็ต้องล้มเลิกไป
‘พูดตามจริงว่าตัวเองเป็นคนจีน จะแต่งตัวแบบสไปเดอร์แมนฝรั่งไม่ได้หรอก ไม่พูดถึงเรื่องความเป็นเอกลักษณ์ของจีน แค่การเปลี่ยนชุดก็ยุ่งยากแล้ว’
หลังจากเลือกแล้วเลือกอีก หนิวลี่ก็เลือกเสื้อคลุมสีดำขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง นี่เป็นเสื้อคลุมที่ทำจากผ้าฝ้ายล้วน ทรงเพรียวบาง สัมผัสแล้วนุ่มมาก หนิวลี่ลองสวมดู เสื้อคลุมสามารถปกปิดเขาได้ทั้งตัวและไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวเลย
ชิ้นที่สองคือวิกผมยาวสลวย!
ตอนที่หนิวลี่เห็นวิกผมยาวนี้ครั้งแรก เขาก็ชอบมันทันที ผมที่นุ่มลื่น สัมผัสเหมือนผมคนจริง ๆ วิกผมยาวแบบนี้ หลังจากสวมใส่แล้ว ไม่เพียงแต่มีผลในการปกปิดใบหน้าเท่านั้น แต่ยังทำให้คนอื่นมองไม่เห็นแววตาของคนสวมได้อีกด้วย เป็นการสร้างแรงกดดันทางจิตใจให้กับอีกฝ่าย
ยิ่งไปกว่านั้น ผมยาวสลวย ท่วงท่าองอาจน่าเกรงขาม เป็นภาพลักษณ์จอมยุทธ์ที่ดีที่สุดในใจของหนิวลี่มาโดยตลอด
นี่คืออุปกรณ์ประกอบฉากที่ดีที่สุดในการสร้างภาพลักษณ์เท่ ๆ!
หลังจากเก็บอุปกรณ์ประกอบฉากสองชิ้นลงตระกร้า หนิวลี่ก็ค้นหาชิ้นต่อไปอีกครั้ง หลังจากที่ยืนยันว่าไม่มีอุปกรณ์ประกอบฉากอื่น ๆ ที่เข้าชุดกันได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หนิวลี่ก็ทำได้เพียงเดินไปที่เคาน์เตอร์อย่างช่วยไม่ได้ เคาะโต๊ะเคาน์เตอร์เบา ๆ แล้วพูดว่า “ขอโทษครับ”
“อ๊ะ!” ในที่สุดเด็กสาวก็รู้สึกตัว แต่เธอก็พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นว่า “ดูตามสบายเลยค่ะ ชอบอันไหนเลือกได้เลย”
หนิวลี่เห็นแล้วก็ขำไม่ออก พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ผมเลือกได้แล้วครับ”
“อ๋อ! ค่ะ รอแป๊บนึงนะคะ” เด็กสาวยังคงจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ เดินอย่างเชื่องช้ามาทางหนิวลี่ ไม่แม้แต่จะมองเด็ดหนุ่ม เหลือบมองป้ายราคาบนเสื้อคลุมและวิกผม แล้วพูดขึ้นว่า “ทั้งหมดสองร้อยหกสิบหยวนค่ะ”
“พนักงานขายแบบนี้ก็มีด้วยเหรอเนี่ย?”
หนิวลี่โกรธจนพูดไม่ออก พนักงานขายแบบนี้ เจ้านายรับเข้าทำงานมาได้ยังไง หนิวลี่ควักเงินออกมา วางเงินสองร้อยหกสิบหยวนลงบนเคาน์เตอร์ หนิวลี่หวังว่าเด็กสาวจะมองเขาสักครั้ง อย่างน้อยก็แสร้งทำเป็นยิ้มหวาน ๆ แล้วพูดว่า: “เชิญมาใหม่นะคะ!”
แต่เขาก็ต้องผิดหวัง เด็กสาวยังคงจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ นิ้วมือพิมพ์ข้อความอย่างรวดเร็ว เผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขออกมาเป็นครั้งคราว
ตอนนี้หนิวลี่ถึงได้เห็นว่า เด็กสาวกำลังแชทกับบัญชี QQ ที่ชื่อว่า ‘หนูคือคุณลุง’
“บ้าจริง เด็กสาวสมัยนี้!” หนิวลี่ไม่ฝืนอีกต่อไป หยิบของแล้วหันหลังกลับออกจากร้านไป
หลังจากเก็บอุปกรณ์ประกอบฉากเข้าไปในแหวนแล้ว เขาก็เดินเล่นต่ออีกครึ่งชั่วโมง ซื้อผลไม้ที่ถิงถิงน้องสาวตัวน้อยชอบกินที่แผงลอยเล็ก ๆ แล้วค่อยเดินกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อแม่และอาสองยังไม่กลับมา แต่บนโต๊ะอาหารก็มีอาหารเย็นแสนอร่อยเตรียมไว้แล้ว อาสะใภ้และน้องสาวตัวน้อยกำลังนั่งดูทีวีรออยู่
น้องสาวตัวน้อยหันกลับไปมองอาหารแสนอร่อยเป็นครั้งคราว คาดว่าคงหิวแล้ว บนใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความหิวกระหายเหมือนน้ำลายจะไหลออกมาตลอดเวลา
การกลับมาของหนิวลี่ ทำให้เสี่ยวถิงถิงดีใจขึ้นมาทันที “พี่ชายกลับมาแล้ว เรากินข้าวกันเถอะ”
หนิวลี่พูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “อาสะใภ้ครับ ที่บ้านงานยุ่ง ผมก็เรียนอยู่ พวกคุณกินกันก่อนได้เลย ไม่ต้องรอพวกเราก็ได้ครับ”
“พูดอะไรอย่างนั้น ครอบครัวเราต้องกินข้าวด้วยกันถึงจะมีความสุข พอแล้ว ๆ รีบกินข้าวกันเถอะ ก่อนที่กับข้าวจะเย็น” อาสะใภ้ยังคงอ่อนโยนและใจดีเหมือนเคย พูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
หนิวลี่ไม่พูดมากความ อุ้มเสี่ยวถิงถิงนั่งลงข้างโต๊ะ แล้วพูดว่า “เด็กดี พี่ชายซื้อแก้วมังกรที่หนูชอบกินมาฝาก พูดสิว่าจะขอบคุณพี่ชายยังไง”
“แก้วมังกร ว้าว ขอบคุณค่ะพี่ชาย พี่ชายดีที่สุดเลย” ดูเหมือนถิงถิงจะประหลาดใจมาก ดวงตาวาววับ หอมแก้มหนิวลี่ฟอดใหญ่
“ฮ่า ๆ ๆ เด็กน้อยปากหวาน กินข้าวก่อน กินข้าวเสร็จแล้วค่อยกินผลไม้” หนิวลี่ดึงมือถิงถิงที่กำลังจะล้วงเข้าไปในถุงผลไม้ พูดอย่างจริงจัง
“ค่ะ!” ถิงถิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วมองอาหารบนโต๊ะที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นด้วยแววตาอยากกิน
หนิวลี่รับช้อนตะเกียบที่อาสะใภ้ยื่นมาให้ แล้วคีบเนื้อไก่ให้น้องสาวตัวน้อย ถิงถิงหยิบขึ้นมากินอย่างมีความสุข ท่าทางการกินของเด็ก ๆ นั้นไม่เสแสร้ง ดูแล้วอบอุ่นหัวใจ
หนิวลี่ไม่ได้กินอะไรตอนเย็น ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเต็มท้อง โชคดีที่ระหว่างทางใช้พลังเวทย์ขับออกมาเกือบหมดแล้ว ตอนนี้รู้สึกหิวขึ้นมา เลยกินไปด้วยกันกับถิงถิง ภาพของพวกเขากินไปมองหน้ากันไป ทำให้อาสะใภ้ที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ อดขำไม่ได้ รู้สึกอบอุ่นหัวใจอยางบอกไม่ถูก