ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 43 ความลับที่น่าตกใจ
บทที่ 43 ความลับที่น่าตกใจ
บทที่ 43 ความลับที่น่าตกใจ
กว่าจะนั่งรถกลับมาถึงเมืองเอช ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว
แสงไฟสว่างไสว ต่างจากทิวทัศน์ยามค่ำคืนของป่าเขาลำเนาไพร บรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของชีวิตมนุษย์
หนิวลี่ไปที่โรงแรมเพื่อสั่งอาหารอร่อย ๆ หลายชุด จากนั้นก็ไปที่ร้านอาหารสำเร็จรูปขนาดใหญ่เพื่อซื้อไก่ย่างเต็มตัวจำนวนมาก โชคดีที่มีแกะย่างด้วย เขาเลยเหมาแกะย่างที่เหลืออีกยี่สิบตัวมาทั้งหมด
อาหารสำเร็จรูปนั้นเตรียมไว้ให้ราชันย์หมาป่า พอมาอยู่กับหนิวลี่แล้ว แน่นอนว่าต้องเลิกใช้ชีวิตแบบกินเนื้อดิบ ๆ ดื่มเลือดสด ๆ
ส่วนอาหารอร่อย ๆ นั้นก็ถูกเจ้าเอลฟ์น้อยกวาดเรียบไปจนหมด เจ้าตัวเล็กเลื่อนขั้น พลังเวทก็เพิ่มขึ้น กินจุขึ้นเยอะ ขนมขบเคี้ยวจำนวนมากในแหวนสรรค์สร้างถูกเจ้าเอลฟ์น้อยกวาดล้างไปหมดแล้ว ตอนนี้ได้เจออาหารที่น่ารับประทานและมีกลิ่นหอมเย้ายวนใจขนาดนี้ จึงไม่พลาดที่จะกินอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อกลับถึงบ้าน ก็พบว่าไฟในบ้านเปิดสว่าง
เด็กหนุ่มใจเต้นระส่ำ เปิดประตูบ้านอย่างเงียบ ๆ
ไม่ผิดคาด พ่อแม่ของเขาอยู่บ้านกันหมด นอกจากนี้ยังมีคนอีกสามคนที่นั่งอยู่กับพ่อแม่ ทุกคนนั่งเงียบไม่พูดจากัน เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดก็หันมามองเป็นตาเดียว
“อาสอง อาสะใภ้ ถิงถิง!”
‘แย่แล้ว ความแตกแล้ว’
หนิวลี่ตื่นตระหนกเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าจะไปเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องที่ชนบท แต่ก็ไม่เคยถามถึงเลย ทำไมคราวนี้ถึงได้มาสนใจผมขึ้นมาได้?
“มานี่ นั่งลง” ในฐานะพ่อ หนิวเปียวกลับวางมาดน่าเกรงขาม ข่มขวัญหนิวลี่ไว้ก่อน
แม้กู้ฮุ่ยผิงจะดีใจที่ลูกชายปลอดภัยดี แต่ก็ไม่กล้าขัดใจสามี ได้แต่กลืนคำพูดห่วงหาอาทรเอาไว้ นั่งลงเงียบ ๆ
ตั้งแต่เด็กจนโต หนิวลี่กลัวพ่อที่สุด เมื่อได้ยินดังนั้นจึงได้แต่เดินคอตกไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับหนิวเปียว
เขาแอบมองดูสีหน้าของคนอื่น ๆ พ่อดูเคร่งขรึมมากเกินไป อาสองก็มีสีหน้าตำหนิ มีเพียงอาสะใภ้เท่านั้นที่ดูเป็นห่วง แน่นอนว่ายังมีดวงตากลมโตของถิงถิง ลูกพี่ลูกน้อง เมื่อหนิวลี่ชำเลืองไป เธอก็แอบทำหน้าทะเล้นแลบลิ้นใส่
“ชนบทสนุกไหม?” หนิวเปียวถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ดวงตามีประกายเย็นชา
“ไม่ได้ไป” หนิวลี่ยอมรับตรง ๆ
“ฮึ กล้าดีนี่ ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ อยากไปไหนก็ไป” แม้ว่าหนิวเปียวจะประหลาดใจกับท่าทีที่ตรงไปตรงมาของลูกชาย แต่ความโกรธก็ยังมีมากกว่า
‘มีลูกชายคนเดียว ทำงานหนักมาหลายปีก็เพื่อเขา คิดว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ที่แท้ก็โตเร็วเกินไปหน่อย ทิ้งข้อความแล้วหนีออกจากบ้าน? เรื่องแบบนี้ก็ทำได้ยังไง’
“ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อพ่อกับแม่ ผมมีเรื่องด่วน ไม่อยากให้เป็นห่วง เลยทิ้งข้อความไว้ว่าจะไปบ้านอาสอง” หนิวลี่พูดอย่างจริงจัง
“เพื่อพวกเราอย่างนั้นเหรอ? ไอ้ลูกเวรนี่ รู้ไหมว่าถ้าอาสองของแกไม่แวะมาที่บ้านเราในวันรุ่งขึ้น พ่อกับแม่ก็คงคิดว่าแกอยู่บ้านดี ๆ ไม่คิดเลยว่าจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ กล้าโกหกพ่อแม่แล้ว? บอกมา แกไปทำอะไรมาสองวันนี้”
หนิวเปียวลุกขึ้นยืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ คาดว่าถ้าหนิวลี่ไม่มีเหตุผลที่ดี คงโดนตบอย่างแน่นอน
“ไปภูเขาเสินหนงเจี้ยมา” ผมพูด
“ภูเขาเสินหนงเจี้ย?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็ไม่อยากจะเชื่อ
“แกไปทำอะไรที่ภูเขาเสินหนงเจี้ย? แล้วแกเอาเงินที่ไหนไป?” หนิวเปียวถามอย่างไม่พอใจ ใบหน้าปรากฏอาการไม่เชื่ออย่างรุนแรง
“ที่ไปภูเขาเสินหนงเจี้ย เพราะมีธุระส่วนตัว ไม่สะดวกบอก ส่วนเรื่องเงิน ผมมีติดตัวอยู่สิบกว่าล้าน” ผมยักไหล่ พูดอย่างไม่แยแส
พรวด!
อาสองที่กำลังกลืนน้ำลายอยู่ถึงกับพ่นออกมา
กู้ฮุ่ยผิง และอาสะใภ้ทำหน้าเหลอหลา
“ล้อเล่นใช่ไหม?” หนิวเปียวถามอย่างงุนงง
“นี่บัตรเอทีเอ็ม ไม่เชื่อก็ลองไปเช็กดูได้” เขาหยิบบัตรธนาคารที่พกติดตัวออกมา
เมื่อเผชิญหน้ากับพ่อแม่และอาแท้ ๆ หนิวลี่รู้สึกว่าบางอย่างสามารถปิดบังได้ แต่บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ‘ก็แค่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เท่านั้น ตราบใดที่พลังเวท ของฉันยังคงพัฒนาต่อไป ในอนาคตต้องประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านี้แน่นอน ปิดบังได้ชั่วคราวแต่ปิดบังตลอดไปไม่ได้ ยังไงก็บอกไปตรง ๆ เลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายในภายหลัง’
บัตรธนาคารของหนิวลี่ถูกวางไว้บนโต๊ะ กู้ฮุ่ยผิงจำได้ทันทีว่าเป็นบัตรที่เธอเป็นคนทำให้ลูกชาย แต่ในนั้นมีเงินเท่าไร กู้ฮุ่ยผิงรู้ดีที่สุด
หนิวเปียวขมวดคิ้วอย่างสงสัย “เงินนี่แกเอามาจากไหน?”
หนิวลี่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “เรื่องมันซับซ้อนนิดหน่อย แต่เงินนี้ผมได้มาอย่างบริสุทธิ์ครับ”
เขาไม่สามารถพูดได้หรอกว่าไปเป็นผู้ชายขายบริการที่เย่เย่หลายมา ไปครั้งแรกก็ขายตัวสำเร็จซะด้วย ถ้าพูดออกไป มีหวังได้ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกันแน่ ๆ
“เก่งนี่ หาเงินเป็นสิบ ๆ ล้านได้ง่าย ๆ ไม่คิดเลยว่าลูกชายฉันจะเป็นคนมีความสามารถ” หนิวเปียวหัวเราะเยาะ แสดงความไม่พอใจที่เด็กหนุ่มปิดบัง
หนิวลี่ยักไหล่ ไม่ยอมปริปากพูด
อาสองนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หนิวลี่ แกไม่ได้…?”
“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่”
‘ผมขี้เกียจอธิบายแล้ว เดี๋ยวเผลอหลุดปากพูดอะไรออกไป’
“พอได้แล้ว นั่นลูกชายเรานะ ไม่เห็นต้องซักไซ้ไล่เรียงขนาดนั้น อีกอย่างลูกมีอนาคตที่ดี ไม่ดีตรงไหน? มีความสามารถแบบนี้ คุณก็ออกไปหาเงินสิบ ๆ ล้านแบบนี้มาให้ได้สิ” ในที่สุดกู้ฮุ่ยผิงก็ทนไม่ไหว โพล่งขึ้นมา เธอนั่งลงข้าง ๆ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ท่าทางเหมือนแม่ไก่ปกป้องลูก
“คุณจะไปรู้อะไร!” หนิวเปียวจ้องตาเขม็ง “ตอนนี้ไอ้เด็กนี่มันก็ยังเรียนหนังสืออยู่ ยังไม่ได้เรียนรู้ทักษะพิเศษอะไรเลย จู่ ๆ ก็หาเงินมาได้ตั้งสิบกว่าล้าน มันไม่แปลกตรงไหน?”
“แปลกแล้วไง? ลูกฉันเต็มใจ คุณจะไปยุ่งอะไร?” กู้ฮุ่ยผิงก็จ้องตาเขม็ง ไม่ยอมแพ้ ตอบโต้กลับ
“คุณ!” หนิวเปียวพูดไม่ออก
“ใครบอกว่าผมไม่มีทักษะพิเศษ?” ทันใดนั้นหนิวลี่ก็เอ่ยแทรก พูดจบก็ยกมือขึ้น ปรากฏเป็นใบมีดวายุสีเขียวอ่อนพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นแอปเปิ้ลผลบนสุดที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะก็ถูกผ่าครึ่งกลายเป็นสองซีก
“อ๊ะ!”
ทุกคนอ้าปากค้าง
“นี่มัน?” ดวงตาของกู้ฮุ่ยผิงเป็นประกาย จ้องมองลูกชายอย่างตกตะลึง
“แกไปเรียนแบบนี้มาจากใคร!” สีหน้าของหนิวเปียวเคร่งขรึมอีกครั้ง แถมยังแฝงไปด้วยความโกรธ
สีหน้าของพ่อแม่แตกต่างจากที่เขาคิดไว้เล็กน้อย ทำให้เด็กหนุ่มทำตัวไม่ถูก พวกเขาไม่ควรประหลาดใจเหรอ? ทำไมถึงดูโกรธขนาดนั้น!
หนิวลี่เงียบไม่พูด
“เฮ้อ!”
หลังจากนั้น หนิวเปียวก็ไม่ซักถามอะไรต่ออีก ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา เดินไปนั่งที่โซฟา เงียบไม่พูดจา
กู้ฮุ่ยผิงก็ไม่ได้ปลอบโยนลูกชาย บนใบหน้ามีเพียงความขมขื่น
ทำให้หนิวลี่ยิ่งไม่เข้าใจ
“น้องสอง เกือบยี่สิบปีแล้วสินะ” ทันใดนั้น หนิวเปียวก็พูดขึ้น
อาสองพยักหน้าอย่างหนัก พูดด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “สิบเก้าปีแปดเดือน”
“ใช่ ผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้ ฉันนึกว่าชีวิตนี้จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนคนธรรมดาไปตลอดชีวิต ไม่คิดเลยว่าไอ้เด็กนี่จะเดินตามรอยเท้าพวกเราอีก! ชะตากรรมช่างเล่นตลกเสียจริง” หนิวเปียวมอหนิวลี่ด้วยสีหน้าซับซ้อน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจนใจ
“ตามรอย?” หนิวลี่ใจเต้นแรง จิตสัมผัสแผ่คลุมไปทั่วทั้งห้องอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เกิดความสงสัย เขาไม่ได้สัมผัสถึงอะไรที่พิเศษจากพ่อแม่และอาสองเลย เห็นได้ชัดว่าไม่มีร่องรอยของพลังยุทธ์จากลมปราณ
[พี่ชาย คุณลุงคุณป้าไม่ธรรมดานะ] ทันใดนั้นเจ้าเอลฟ์น้อยก็พูดขึ้น
‘ยังไง เธอสัมผัสถึงอะไรได้เหรอ?’ ดวงตาหนิวลี่เป็นประกาย ถามออกไป
[อืม ถ้าไม่ได้เลื่อนระดับเป็นเอลฟ์ขั้นกลาง ฉันก็คงสัมผัสไม่ได้เหมือนกัน ในร่างกายของคุณลุงคุณป้ามีผนึกต้องห้ามผนึกตันเถียนเอาไว้ แล้วยังมีอีกคนนึงที่ถูกผนึกตันเถียนเอาไว้แบบนี้เหมือนกัน] เจ้าเอลฟ์น้อยพูดอย่างมั่นใจ
หนิวลี่เงียบลงทันที ‘พ่อกับแม่ปกปิดได้แนบเนียนมาก แถมอาสองที่ดูเป็นชาวนาธรรมดา ๆ มาตลอดก็ไม่ธรรมดาอีก เรื่องนี้มันยังไงกันแน่? ทำไมพวกเขาถึงต้องผนึกตันเถียนของตัวเอง? หรือว่าพวกเขามีอดีตที่น่าสะพรึง?’ เขารู้สึกสับสนขึ้นมาทันที