ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 4 การเปลี่ยนแปลงของหนิวลี่
บทที่ 4 การเปลี่ยนแปลงของหนิวลี่
บทที่ 4 การเปลี่ยนแปลงของหนิวลี่
เมื่อออกจากพื้นที่สร้างมา หนิวลี่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องรัว ๆ จากด้านนอก
“ลูกชาย! ลูกชาย! พูดอะไรสักคำสิ เป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงของคุณแม่กู้ฮุ่ยผิงที่ค่อนข้างร้อนรนดังเข้ามา
“ไม่ต้องเรียกแล้ว เด็กนั่นต้องโดนรังแกมาแน่ ๆ เฮอะ! โตขนาดนี้แล้วยังไม่มีความเป็นลูกผู้ชายอีก” นี่คือเสียงของคุณพ่อหนิวเปียว ฟังดูเฉยชาและหนักแน่นมาก
หายใจเข้าลึก ๆ แต่กลับรู้สึกว่าตายังปวดบวมอยู่ มุมปากกระตุกอย่างผิดธรรมชาติ หนิวลี่คิดหาเหตุผลในใจอย่างรวดเร็วเพื่อกลบเกลื่อนให้เรื่องจบ ๆ ไป
แต่รอยช้ำใต้ตาก็เป็นร่องรอยที่ชัดเจน ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโดนรังแกมา
เขาถอนหายใจเบา ๆ ‘ฉันนี่มันเป็นตัวไร้ค่าจริง ๆ’ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง
ทันทีที่ประตูเปิดออก กู้ฮุ่ยผิงและหนิวเปียวก็เห็นเบ้าตาสีม่วงคล้ำราวกับแพนด้าบนใบหน้าของหนิวลี่
นัยน์ตาของหนิวเปียวฉายแววโกรธเกรี้ยว แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นความผิดหวังจากก้นบึ้งของหัวใจ
ส่วนกู้ฮุ่ยผิงกลับมีสีหน้าเจ็บปวด เธอกุมมือหนิวลี่พลางถามไถ่อาการ น้ำตาคลอเบ้า แทบจะเอ่อล้นออกมาอยู่รอมร่อ
หนิวลี่พูดเสียงอ่อย “แม่ครับ ผมไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรได้ยังไง ดูตาลูกสิ ไม่ได้ พรุ่งนี้แม่จะไปคุยกับผอ.ให้รู้เรื่อง นักเรียนในโรงเรียนโดนรังแกจนเป็นแบบนี้ นี่มันใช่โรงเรียนที่ไหนกัน เป็นที่มั่วสุมของแก๊งอันธพาลชัด ๆ” กู้ฮุ่ยผิงพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“พอได้แล้ว เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเด็ก จะเอาอะไรมากมาย” หนิวเปียวตะโกนใส่กู้ฮุ่ยผิงอย่างไม่พอใจ แล้วหันไปถามหนิวลี่ “ยังเจ็บอยู่ไหม ถ้าเจ็บจะให้แม่แกต้มไข่สองฟองมาประคบ”
ในใจของหนิวลี่อบอุ่นขึ้นทันที วิธีการแสดงความห่วงใยของพ่อกับแม่อาจจะแตกต่างกัน แต่ก็มีจุดประสงค์เดียวกัน
“พ่อครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว ช้ำแค่นิดเดียวเอง พรุ่งนี้เช้าก็หาย พ่อแม่ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าด้วย” หนิวลี่พูดยิ้ม ๆ ไม่มีท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจที่โดนรังแกมาเลยแม้แต่น้อย
หนิวลี่ที่มีท่าทีผิดปกติแบบนี้ ทำให้หนิวเปียวชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองลูกชายอย่างพิจารณา ไม่ค่อยกล้าเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่ ที่ผ่านมา หนิวลี่ไม่ได้มีนิสัยแบบนี้
หนิวลี่ถูกหนิวเปียวจ้องจนรู้สึกเก้อเขิน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหนิวเปียวด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น และพูดอย่างจริงจังว่า “พ่อครับ ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังอีกแล้ว”
พอได้ยินแบบนั้น หนิวเปียวก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น หนุ่มน้อยที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ตรงหน้า เป็นลูกชายที่ขี้ขลาดของเขาจริง ๆ เหรอ?
หลังจากมองอย่างพิจารณาอยู่พักใหญ่ หนิวเปียวก็หัวเราะ ตบไหล่หนิวลี่แรง ๆ ไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าให้กู้ฮุ่ยผิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เอาละ ลูกชายไม่เป็นไรแล้ว พวกเรากลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
“แต่ว่า…” กู้ฮุ่ยผิงยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นหนิวเปียวทำสีหน้าเคร่งขรึม เธอจึงเชื่อฟัง “ก็ได้ งั้นลูกชายพักผ่อนให้ดีนะ อย่าคิดมากล่ะ!”
“ครับ พ่อกับแม่ก็ฝันดีนะครับ” หนิวลี่พยักหน้า ส่งพ่อแม่ออกจากห้อง
พอออกมาจากห้องของหนิวลี่ กู้ฮุ่ยผิงก็จ้องมองหนิวเปียวอย่างไม่พอใจ “นี่คุณคิดยังไงกันเนี่ย ลูกชายโดนรังแก คุณก็ปัดเรื่องไปได้ง่าย ๆ แบบนี้เลย ความน่าเกรงขามของคุณหายไปไหนหมดแล้ว?”
หนิวเปียวไม่โกรธ กลับชำเลืองมองไปที่ห้องของหนิวลี่ “ลูกชายเปลี่ยนไปแล้ว คุณไม่เห็นเหรอ?”
“ลูกชายเปลี่ยนไป?” กู้ฮุ่ยผิงหันกลับไปมองอย่างงุนงง คล้ายว่าจะรู้สึกได้ว่าลูกชายต่างจากเดิมไปบ้างแล้ว
“เขาจะเติบโตเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง คุณแค่รอดูไปเถอะ” หนิวเปียวยิ้มกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชมและคาดหวัง
“คุณ… ฮึ! ฉันจะรอดูลูกชายของคุณโดนรังแกทุกวัน” กู้ฮุ่ยผิงยังไม่คิดว่าหนิวลี่เปลี่ยนไปแล้ว เธอจ้องหนิวเปียวอย่างไม่พอใจ แล้วเดินไปที่ห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว หนิวเปียวหัวเราะแห้ง ๆ และเดินตามไป
เมื่อพ่อกับแม่กลับห้องของพวกเขาไปแล้ว หนิวลี่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่หัวใจกลับหนักอึ้งขึ้นมา คำสัญญาที่ให้กับพ่อเมื่อครู่ก็เหมือนเป็นการกระตุ้นตัวเขาเองด้วย
พูดประโยคนี้ออกไปแล้วก็เหมือนสร้างแรงกดดันให้ตัวเอง ต้องจำให้ขึ้นใจตลอดเวลา ท่องไว้เสมอว่า ห้ามอ่อนแอ ห้ามขี้ขลาด ต้องเป็นลูกผู้ชายตัวจริง
โชคดีที่ตอนนี้เขาดูเหมือนจะมีที่ยึดเหนี่ยวที่แข็งแกร่งแล้ว!
หนิวลี่ลูบแหวนสรรค์สร้างบนนิ้วมือเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้น
ตอนนี้เขาได้เอลฟ์ครอบครองแล้ว เอลฟ์เชียวนะ! นั่นคือสิ่งมีชีวิตในตำนานที่มีเวทมนตร์ทรงพลังและทักษะในการยิงธนูระดับพระเจ้า!
‘โอ้! ใช่แล้ว เธอจะใช้เวทมนตร์ได้ไหมนะ?’ หนิวลี่นึกถึงประเด็นสำคัญ แล้วรีบพูดกับแหวนสรรค์สร้างที่สวมอยู่ “เตียวเสี้ยน! ออกมา!”
แสงวาบขึ้น เอลฟ์ตัวจิ๋วขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นตรงหน้าหนิวลี่ เธอเอามือไพล่หลังแล้วยิ้มหวาน “นายท่านเรียกเตียวเสี้ยนหรือเจ้าคะ?”
หนิวลี่อ้าปากค้าง!
“เธอ…ทำไมถึงตัวเล็กขนาดนี้?”
“มันเป็นสัญชาตญาณน่ะเจ้าค่ะ เตียวเสี้ยนรู้สึกว่าสามารถย่อส่วนให้ตัวเองตัวเล็กลงได้ เหมือนเวทมนตร์ที่เตียวเสี้ยนสามารถใช้ได้น่ะเจ้าค่ะ” เตียวเสี้ยนยิ้มหวาน ดวงตารูปพระจันทร์ครึ่งซีกดูน่ารักยิ่งขึ้น
หนิวลี่แทบไม่สนใจความงดงามนี้ในชั่วพริบตาเลย กลับพูดด้วยความตื่นเต้นปนดีใจ “เธอใช้เวทมนตร์ได้จริง ๆ เหรอ?”
“ได้สิ แต่ดูเหมือนเตียวเสี้ยนจะใช้ได้แค่เวทมนตร์ระดับต้น เหมือนในความทรงจำจะมีใครคนหนึ่งบอกว่าถ้าอยากเรียนรู้เวทมนตร์ระดับสูงกว่านี้ ต้องได้รับความช่วยเหลือจากนายท่านก่อน นายท่าน ท่านจะช่วยเตียวเสี้ยนใช่ไหมเจ้าคะ?” เตียวเสี้ยนทำหน้าตาน่าสงสาร ผู้ชายที่ได้เห็นจะไม่มีทางปฏิเสธเธอแน่นอน
การออดอ้อน ดูเหมือนจะเป็นพรสวรรค์ของผู้หญิงทุกคน และมีไว้เพื่อฆ่าผู้ชายโดยเฉพาะ
หนิวลี่ก็ไม่สามารถต้านทานการล่อลวงนี้ได้เช่นกัน เขาพยักหน้ารับปากแทบจะไม่ต้องคิด “เตียวเสี้ยนไม่ต้องกังวล นายท่านจะทำให้เธอได้เรียนรู้เวทมนตร์มากขึ้น และทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นเอง”
“นายท่านใจดีจังเลยเจ้าค่ะ” เตียวเสี้ยนกลับมายิ้มอีกครั้ง หวานจนอยากกัดสักคำ
“ถ้างั้นตอนนี้เธอช่วยร่ายเวทมนตร์ให้ฉันดูหน่อยได้ไหม? ฉันไม่เคยเห็นเวทมนตร์จริง ๆ เลยน่ะ” หนิวลี่มองเตียวเสี้ยนด้วยดวงตาเป็นประกาย หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
“ใช้เวทมนตร์หรือ อืม~” เตียวเสี้ยนทำท่าครุ่นคิด จู่ ๆ เธอก็เห็นรอยคล้ำใต้ตาของหนิวลี่ จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ได้เลย ข้าสามารถช่วยรักษาเบ้าตาแพนด้าที่น่าเกลียดน่ากลัวของนายท่านได้”
“เบ้าตาแพนด้า?” หนิวลี่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองปรากฏตัวต่อหน้าเตียวเสี้ยนด้วยสภาพเหมือนแพนด้ามาโดยตลอด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก นี่มันช่างน่าอับอายขายหน้าสิ้นดี เขาอดไม่ได้ที่จะเกลียดชังผู้ก่อเหตุที่ทำให้เขามีสภาพแบบนี้มากขึ้นไปอีก
“เอ่อ แล้วจะรักษามันได้ยังไงล่ะ?” หนิวลี่ถามด้วยสีหน้าอึดอัด
“ง่ายนิดเดียวเอง นายท่านดูให้ดีนะ” เตียวเสี้ยนยิ้มหวานพลางยื่นมือข้างหนึ่งออกมา ปากก็ร่ายคาถา “จิตวิญญาณแห่งวารีธาตุ จงเชื่อฟังคำสั่งของข้า จงออกมาสายน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต” ขณะที่เตียวเสี้ยนร่ายคาถา หยดน้ำขนาดใหญ่คล้ายฟองสบู่ก็ปรากฏขึ้นมาล้อมรอบฝ่ามือของเธอ จากนั้นเธอก็ควบคุมมันให้ไหลไปทางใบหน้าของหนิวลี่อย่างช่ำชอง
เขารู้สึกเย็นสดชื่นและเสียวซ่านที่ใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกว่าอาการบวมรอบดวงตาหายไปแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาสัมผัส เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว ทันใดนั้นเขาก็หยิบกระจกบนโต๊ะขึ้นมาส่องดูด้วยความตื่นเต้น
เบ้าตาแพนด้าสีม่วงคล้ำทั้งสองข้างบนใบหน้าหายไปแล้วจริง ๆ แถมผิวบนใบหน้าก็ดูเนียนนุ่มและขาวผ่องยิ่งขึ้นอีกด้วย!
นี่คือพลังแห่งเวทมนตร์สินะ เจ๋งจริง ๆ ไม่ใช่แค่รักษาบาดแผลได้ แต่ยังให้ผลพลอยได้เป็นการทำให้ผิวขาวขึ้นอีกต่างหาก!
“ฮ่า ๆ ตอนนี้นายท่านดูดีขึ้นเยอะเลยเจ้าค่ะ” เตียวเสี้ยนมองดูความสำเร็จของตัวเองด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ กระพือปีกวนเวียนรอบตัวหนิวลี่ไม่หยุด
“เตียวเสี้ยน ฉันรักเธอชะมัดเลย!” หนิวลี่พูดอย่างปลาบปลื้มดีใจ เขาอยากดึงเตียวเสี้ยนเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงให้จุใจ แต่น่าเสียดายที่เธอเพิ่งเปลี่ยนร่างให้เล็กลงขนาดนี้ มันเลยไม่ถึงใจเท่าไหร่
“นี่ เตียวเสี้ยน ต่อไปอย่าเรียกฉันว่านายท่านอีกเลย เรียกฉันว่าพี่ชายดีกว่า”
เมื่อเห็นเตียวเสี้ยนมีสีหน้าเปี่ยมสุขแบบนี้ หนิวลี่ก็รู้สึกว่าการให้เอลฟ์สาวที่งดงามเรียกตัวเองว่านายท่านเช่นนี้ มันดูเห็นแก่ตัวเกินไป อาจจะฟังดูเจ๋งก็จริง แต่มันขาดความรู้สึกผูกพันฉันพี่น้อง การให้เธอเรียกตัวเองว่าพี่ชายคงดีกว่า จะได้ดูสนิทสนมกันมากขึ้น
“พี่ชาย! ฮิ ๆ เตียวเสี้ยนมีพี่ชายแล้ว พี่ชาย~ พี่ชาย~” เตียวเสี้ยนดูจะพอใจกับคำเรียกแบบนี้มากกว่าเป็นไหน ๆ เธอเลยยิ่งบินวนเวียนอยู่รอบตัวหนิวลี่อย่างเริงร่า ท้ายที่สุด เธอก็บินเข้ามาใกล้หนิวลี่ แล้วจุ๊บที่แก้มของเขา จากนั้นก็หัวเราะคิกคักแล้วผละออกไป
ตัวเขาแข็งค้างเหมือนโดนไฟช็อต นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาโดนผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่แม่ของตัวเองจูบ หนิวลี่ลูบแก้มที่โดนจูบด้วยความเคลิบเคลิ้ม ในใจรู้สึกคิดถูกแล้วที่ให้เตียวเสี้ยนเรียกตัวเองว่าพี่ชาย ไม่เห็นหรือไงว่าขั้นตอนแรกของแผนล่อลวงน้องสาวประสบความสำเร็จแล้วน่ะ?