ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 38 เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญ
บทที่ 38 เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญ
บทที่ 38 เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญ
ยามค่ำคืนมาเยือน พระจันทร์เสี้ยวลอยอยู่บนท้องฟ้า ส่องแสงอ่อนโยนลงมา
ในหุบเขาเล็ก ๆ ของภูเขาเสินหนงเจี้ยแห่งนี้ มีกองไฟลุกโชนอยู่กองหนึ่ง เสียงไฟลุกไหม้ดังเปาะแปะ แสงไฟกะพริบวูบวาบ ทำให้บริเวณโดยรอบสว่างจ้า
กลุ่มคนหนุ่มสาวนั่งล้อมวงกันอย่างอ่อนล้า แต่ไม่มีใครกล้าหลับ ใครจะรู้ว่ามนุษย์ถ้ำที่น่ากลัวนั่นจะซ่อนตัวอยู่ในความมืดรอจังหวะโจมตีหรือเปล่า
แม้แต่ศาสตราจารย์เจี่ยที่อายุเลยหกสิบไปแล้วก็ยังฝืนไม่ยอมหลับ คนหนุ่มสาวที่นี่ยังอ่อนหัดเกินไป พอเจอภัยอันตรายก็จะตื่นตระหนก ยังต้องให้เขาคอยสั่งการอยู่
สองสาวนั่งหาวอย่างเบื่อหน่าย แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ก็พยายามตั้งสติ
ถึงแม้ทั้งสองจะหน้าตาสะสวย และสี่หนุ่มที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ชายเต็มตัว แต่เมื่อเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต ใครจะสนใจผู้หญิงกัน ถึงเวลาเจอเรื่องใหญ่ ต่างคนต่างหนี ใครจะสนใจว่าคุณสวยแค่ไหน
“บรู๊ววว!”
เสียงคำรามต่ำยาวดังขึ้นในป่า ยาวนานไม่ขาดสาย
ศาสตราจารย์เจี่ยที่นั่งเงียบ ๆ อยู่นั้นกลับเปลี่ยนสีหน้าทันที ดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนเจอมนุษย์ถ้ำเสียอีก
“เกิดอะไรขึ้นหรือศาสตราจารย์เจี่ย?” หญิงสาวถามด้วยความกังวล เมื่อเห็นสีหน้าของเขา
ศาสตราจารย์เจี่ยยังไม่ทันพูด หนุ่มแว่นกลับอุทานออกมาก่อนด้วยความตกใจ “นี่มันเสียงหมาป่า ทำไมที่นี่ถึงมีหมาป่าได้?”
“ตู้ปิน นายตะโกนอะไรของนาย อยากโดนตบหรือไง!”
ดูเหมือนชายหนุ่มเสื้อเหลืองจะทนมองหนุ่มแว่นไม่ได้ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจแล้วดุด่า
หนุ่มแว่นสั่นเทิ้มด้วยความกลัว แต่ก็ยังสะอึกสะอื้นพูดออกมาว่า “นี่คือหมาป่า หมาป่าเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นฝูง ไวต่อแสงไฟมาก พวกเราต้องตายแน่ ๆ หมาป่าน่ากลัวกว่ามนุษย์ถ้ำมากนัก”
คำพูดของตู้ปินดูเหมือนจะดึงความกลัวออกมาจากใจของทุกคน ต่างก็มองไปที่ศาสตราจารย์เจี่ยด้วยความสงสัยและตกใจ
ศาสตราจารย์เจี่ยใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย พยักหน้าพลางพูดว่า “ตู้ปินพูดไม่ผิด นี่คือเสียงหอนของหมาป่า หมาป่าที่อยู่รวมกันเป็นฝูง อย่างน้อยก็มีหลายสิบตัว ดูเหมือนว่าพวกเราต้องดับไฟแล้ว ไม่อย่างนั้นการดึงดูดหมาป่ามาจะยิ่งอันตรายมากขึ้น”
“ไม่ได้นะศาสตราจารย์ หมาป่ากลัวไฟ ถ้าพวกเราดับกองไฟ แล้วพวกมันมามา พวกเราได้ตายแน่ ๆ ดับไฟไม่ได้นะ”
ในตอนนี้ ตู้ปินกลับพูดแทรกขึ้นมาอย่างแข็งกร้าว แม้สายตาจะตื่นตระหนก แต่น้ำเสียงกลับหนักแน่นมาก
ศาสตราจารย์เจี่ยชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดว่า “งั้นก็ลืมมันไปเถอะ เอาแบบนี้ละกัน ทุกคนตั้งสติ เอาของที่เผาไหม้ได้ออกมาทั้งหมด พวกเราจะขึ้นไปบนโขดหินกัน”
ได้ยินน้ำเสียงจริงจังของศาสตราจารย์เจี่ย ทุกคนก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ต่างก็เก็บฟืนบนพื้นโยนลงในกองไฟ ก่อให้เกิดเปลวไฟที่ใหญ่ขึ้น จากนั้นทุกคนก็ปีนขึ้นไปบนโขดหินใหญ่ พึ่งพาป้อมปราการธรรมชาติชิ้นเดียวนี้เพื่อปกป้องตัวเอง
หนิวลี่ที่พิงอยู่บนยอดต้นไม้ก็รู้สึกไร้คำพูดเล็กน้อย
‘คนเขาว่าเวลาโชคร้ายแม้แต่ดื่มน้ำเปล่ายังติดซอกฟัน พวกพี่น้องในหุบเขานี่ก็โชคร้ายจริง ๆ มนุษย์ถ้ำยังไม่ถอย ก็ยังดึงดูดหมาป่ามาอีก เรียกได้ว่าเป็นฝนตกหลังคารั่ว ซวยซ้ำซวยซ้อนจริง ๆ’
เห็นพวกเขาเผชิญอันตรายขนาดนี้แล้ว หนิวลี่ก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ‘ยังไงก็เป็นมนุษย์ด้วยกันไม่ใช่เหรอ จะปล่อยให้คนพวกนี้เป็นอาหารของฝูงหมาป่าไม่ได้หรอก’
หนิวลี่ตื่นตัวขึ้นมา เขาค่อย ๆ เปิดใช้พลังเวท ตราบใดที่มีหมาป่าไปโจมตีคนในหุบเขา ตัวเองก็จะลงมือ ด้วยพลังเวทระดับต้นขั้นสูงสุดของตัวเอง การจัดการกับฝูงหมาป่าเล็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย
ไม่นานนักก็มีฝูงหมาป่าปรากฏตัวที่ชายขอบหุบเขาจริง ๆ ดวงตาสีเขียวเป็นมันวาวน่ากลัวมาก
หนิวลี่ใช้จิตสัมผัสสำรวจดู ‘มีถึงสามสิบห้าตัว ดูเหมือนจะเป็นแก๊งอันธพาลที่แข็งแกร่งและรุนแรงจากใจกลางภูเขาเสินหนงเจี้ย แต่ละตัวอ้วนท้วนมาก ดูก็รู้ว่าดุร้ายและชอบปล้นสะดม’
‘หมาป่าที่หิวโหยน่ากลัวยิ่งกว่ามนุษย์ถ้ำ ถ้าถูกพวกมันจับได้ ก็จะตายไม่แบบไม่เหลือซากแน่ ๆ’
ในแสงสว่างของเปลวเพลิงที่ลุกโชน ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด แทบจะสิ้นหวังกันแล้ว
“โฮกกกก!”
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังขึ้นในป่า นี่คือเสียงร้องของมนุษย์ถ้ำ มันกำลังเตือนว่านี่คือเขตแดนของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ฝูงหมาป่าเงียบกริบ เพียงแต่จ้องมองเหยื่อในหุบเขาด้วยสายตาดุดัน มองข้ามคำเตือนของมนุษย์ถ้ำราวกับไม่ใส่ใจ
มนุษย์ถ้ำในพงหญ้าโกรธมาก นี่มันหยามกันชัด ๆ
เงาสีดำวูบหนึ่งวิ่งฉิวผ่านป่าราวกับสายฟ้า พุ่งตรงไปยังฝูงหมาป่า
พลังของมนุษย์ถ้ำรุนแรงเกินไป แม้แต่ฝูงหมาป่าก็ยังเกิดความวุ่นวายเล็กน้อย
หมาป่ายักษ์ตัวหนึ่งที่ดูสูงใหญ่และน่าเกรงขามกว่าหมาป่าทั้งหลายก้าวออกมาจากความมืด มันส่งเสียงคำรามต่ำ ฝูงหมาป่าจึงสงบลงในทันที หมาป่ายักษ์คำรามต่ำอีกสองสามครั้ง ฝูงหมาป่าจึงแยกย้ายกันไปเฝ้าระวังมนุษย์ถ้ำที่กำลังเข้ามาใกล้อย่างมีระเบียบ
มนุษย์ถ้ำชะงักไปชั่วขณะเมื่อเห็นจ่าฝูงหมาป่า สายตาฉงนสนเท่ห์ ทั้งหวาดกลัวและโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย
“โฮก!” มนุษย์ถ้ำคำรามใส่หมาป่ายักษ์ แต่หมาป่ายักษ์กลับไม่สนใจเขา ยิ่งโหมกระหน่ำความโกรธเกรี้ยวของมนุษย์ถ้ำ ร่างกายโค้งงออย่างรุนแรง ตาเริ่มค่อย ๆ แดงขึ้นท่ามกลางเสียงหายใจหอบหนัก มองเห็นได้ลาง ๆ ในความมืด กระดูกในร่างกายส่งเสียงดังกึกกัก ราวกับกำลังพองตัว!
หนิวลี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ‘มนุษย์ถ้ำเปลี่ยนร่างได้ด้วยเหรอ?’
ส่วนหมาป่ายักษ์ก็หันหัวกลับมา มองมนุษย์ถ้ำอย่างจริงจัง สายตาฉายแววประหลาดใจและเคร่งเครียดเล็กน้อย
“โฮก!” มนุษย์ถ้ำคำรามอีกครั้ง เหมือนกำลังเตือนเป็นครั้งสุดท้าย
“บรู๊ว!”
พลังของมนุษย์ถ้ำหลังจากเปลี่ยนร่างฉุดให้หมาป่ายักษ์ให้ความสำคัญ ไม่ได้มองข้ามอีกต่อไป ส่งเสียงคำรามตอบกลับ
“โฮกกก!”
“บรู๊ววว!”
สองอสูรกายน่ากลัวเริ่มพูดคุยกัน
หนิวลี่ที่อยู่ในที่มืดอ้างปากค้างด้วยความอัศจรรย์ใจ ‘นี่คือสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายในป่าเหรอ สองเดรัจฉานดูเหมือนกำลังเจรจากัน?’
หนิวลี่ประหลาดใจ ส่วนคณะสำรวจในหุบเขากลับสิ้นหวัง
ข้างหน้ามีหมาป่า ข้างหลังมีมนุษย์ถ้ำตนนั้นแอบซ่อนตัวอยู่ในที่มืดเตรียมโจมตีจริง ๆ
เอาละ ตอนนี้มนุษย์ถ้ำยังไม่ไป หมาป่าก็มาอีก ในสถานการณ์แบบนี้ทุกคนลองคิดถึงชะตากรรมอันน่าเศร้าของตัวเองดูสิ
“ฉันไม่อยากตาย ฉันไม่อยากตาย” ชายหนุ่มอีกคนกลัวจนแทบจะคลั่ง กอดตัวเองแน่นนิ่งบนโขดหินขนาดใหญ่ ตัวสั่นเทา พึมพำกับตัวเอง
ชายเสื้อเหลืองมองเขาอย่างดูถูกเหยียดหยาม ไม่สนใจ ‘มักจะมองเห็นธาตุแท้ของคนได้ในยามอันตราย ไม่ว่าจะกล้าหาญ อ่อนแอ ขี้ขลาด หรือไร้ความกลัว ชัดเจนว่าหนุ่มน้อยคนนี้อ่อนแอมาก’
แต่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่จะทนแรงกดดันไม่ไหว ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นล้วนเป็นนักศึกษา
“ศาสตราจารย์ ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี?” ชายเสื้อเหลืองไม่หวังพึ่งความช่วยเหลืออีกต่อไป มองศาสตราจารย์เจี่ยด้วยสายตาเยือกเย็น
ศาสตราจารย์เจี่ยยิ้มขื่น “ปล่อยไปตามกรรมเถอะ พวกเราไม่ใช่ยอดฝีมือในยุทธภพ จะสู้ฝูงหมาป่าที่โหดเหี้ยมได้ยังไง”
“ไม่ได้ ชีวิตสั้นจะตาย จะปล่อยให้ฟ้าลิขิตได้ยังไง ตอนนี้อันตรายขนาดนี้ เราต้องช่วยเหลือตัวเอง ถ้าอยากมีชีวิตรอดก็ต้องหาวิธีจัดการกับฝูงหมาป่าพวกนั้น” ชายเสื้อเหลืองคำรามเย็นชาด้วยสีหน้าดุดัน
สองสาวที่อยู่ข้าง ๆ ศาสตราจารย์ต่างก็มองชายเสื้อเหลืองด้วยสายตาตกตะลึง ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน แต่ไม่เคยเห็นเขามีด้านแบบนี้มาก่อน ไม่หวั่นเกรงต่ออันตราย ช่างเป็นลักษณะของบุรุษเสียจริง!
“งั้นคุณว่าจะช่วยตัวเองยังไงล่ะ?” ศาสตราจารย์เจี่ยถามด้วยแววตาเป็นประกาย
ชายเสื้อเหลืองมองไปยังฝูงหมาป่าที่เขียวทะมึน สายตาเย็นชาพูดว่า “เมื่อครู่ตอนที่ฝูงหมาป่าเข้ามาใกล้ มนุษย์ถ้ำก็ตะโกนร้อง ดูท่าทางตรงนี้คงเป็นอาณาเขตของมนุษย์ถ้ำ ฝูงหมาป่ารุกล้ำอาณาเขต มนุษย์ถ้ำต้องไม่ยอมแน่ นี่คือโอกาสเดียวของพวกเรา ถ้าอยากรอด ก็ต้องถอยออกไปจากที่นี่ในตอนที่พวกมันกำลังต่อสู้กัน ถอยกลับไปทางเดิมที่มา”
“อะไรนะ?!”
ได้ยินคำพูดของชายเสื้อเหลือง คนบนโขดหินใหญ่ต่างก็รู้สึกมึนงงไปหมด ‘หนีการไล่ล่าของสัตว์ร้ายในท่ามกลางป่าเขามืด ๆ แบบนี้? นี่มันล้อเล่นกันใหญ่แล้วนะ เท่ากับเอาชีวิตไปเสี่ยงชัด ๆ!
แต่หนิวลี่ที่อยู่ในที่มืดกลับยิ้มออกมาเมื่อรับรู้ถึงคำพูดของชายเสื้อเหลือง พยักหน้ากับตัวเองเบา ๆ “เด็กคนนี้ถือว่าเป็นคนมีความสามารถเหมือนกันนะ ไม่ตื่นตระหนกเวลาเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังสามารถคำนวณอะไรได้มากมายขนาดนี้ แต่เขาคงไม่รู้หรอกว่ามนุษย์ถ้ำกำลังเจรจากับหัวหน้าหมาป่าอยู่ ถ้าเจรจากันลงตัว พวกนายไม่ยิ่งอันตรายหนักกว่าเดิมหรอกเหรอ”