ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 22 ยืนนิ่งให้ฟัน
บทที่ 22 ยืนนิ่งให้ฟัน
บทที่ 22 ยืนนิ่งให้ฟัน
“ดีมาก แต่อวิ๋นหงปั๋วเคยช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าสัญญาว่าจะปกป้องครอบครัวของเขาเป็นเวลาห้าปี ในเมื่อคุณชายอวิ๋นชอบเด็กสาวคนนี้ ข้าก็จะช่วยให้สำเร็จ” เงาปีศาจยิ้มเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ฮ่า ๆ ลุงเงาปีศาจใจดีกับผมที่สุด หลงเหม่ยจื่อ ว่าง่าย ๆ ตามพี่ไปเถอะ” อวิ๋นเส่าดีใจมาก คิดว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของตนเองแล้ว
“แกกล้าดูถูกฉัน ไม่กลัวตระกูลหลงของฉันแก้แค้นแกเหรอ” ในที่สุดสีหน้าของคุณหนูหลงก็เปลี่ยนไปบ้าง เห็นได้ชัดว่าเธอเคยได้ยินชื่อเสียงของเงาปีศาจมาก่อน
เงาปีศาจสีหน้าไม่เปลี่ยน มองคุณหนูหลงอย่างเรียบเฉยแล้วพูดว่า “หนึ่งปีก่อน ฉันบุกเข้าไปในเขตตงเป่ย สังหารราชาโสมเพื่อขโมยโสมทอง แม้แต่เจ้าพ่อวงการมืดทั้งหมดของตงเป่ยยังไม่กลัว แล้วจะกลัวตระกูลเล็ก ๆ ของเจ้าทำไม”
“แก!” คราวนี้สีหน้าของคุณหนูหลงมืดครึ้มลงในที่สุด แต่ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ผู้ชายตรงหน้านี้ช่างบ้าบิ่นไม่เกรงกลัวอะไรเลย
“เงาปีศาจ แกกล้าหยาบคาย ตระกูลหลงและตระกูลไป๋ในฮ่องกงต้องร่วมมือกันตามล่าแกแน่ แกไม่กลัวตายไม่มีที่ฝังศพหรือไง” หลงชีตักเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาและหลงปาล้อมรอบปกป้องคุณหนูหลงไว้
“หือ? ตระกูลไป๋?” เงาปีศาจมองคุณหนูหลงอย่างประหลาดใจ แล้วก็เข้าใจทันที “ได้ยินว่าตระกูลหลงและตระกูลไป๋แต่งงานกัน อย่าบอกนะว่าเป็นเด็กสาวคนนี้ ฮ่า ๆ ดีเหมือนกัน อิ่งจื่อ มือสังหารอันดับสองของโลกก็ถูกฝึกฝนมาจากตระกูลไป๋ ข้าอยากประลองกับเขามานานแล้วว่าใครมีเทคนิคการซ่อนตัวและลอบสังหารที่เหนือกว่า ในเมื่อคุณหนูเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลไป๋ ก็ยิ่งต้องเก็บเอาไว้”
“หยาบคาย!”
คราวนี้ถังชิวก็ไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป แม่เจ้า คนที่มาล้วนเป็นคนโหด ถ้าตนเองยังพูดจาดี ๆ แบบนี้ต่อไป ก็เหมือนตระกูลถังกลัวคนอื่นแล้ว
“เงาปีศาจ อย่ามาหยาบคายที่นี่ ที่นี่เป็นเขตของตระกูลถัง” ดวงตาทั้งสองข้างมืดครึ้ม มือทั้งสองข้างของถังชิวกลายเป็นสีแดงฉานขึ้นมาทันที
เงาปีศาจไม่แปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงของถังชิว หัวเราะเย็นชาแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นผู้อาวุโสถัง ฉันอาจจะเกรงใจบ้าง แต่ทักษะฝ่ามือผนึกโลหิตของนายน้อยยังอ่อนด้อยเกินไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
“จริงเหรอ?” แต่ถังชิวกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ ยกมือที่กลายเป็นสีแดงฉานขึ้นตบใส่เงาปีศาจ
“ฮึ่ม! ไม่รู้จักประมาณตน” เงาปีศาจหัวเราะเย็น ไม่ถอยหลบแต่กลับพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว หลบฝ่ามือผนึกโลหิตของถังชิวราวกับสายฟ้าแลบ มือขวาปรากฏเงาปีศาจสีแดงขึ้นมาทันที
เงาปีศาจวาบเข้าแทงที่เอวของถังชิวครั้งเดียว สีหน้าของถังชิวเปลี่ยนไป ล้มลงกับพื้นอย่างเงียบงัน ใบหน้าฉายแววโกรธเกรี้ยว แต่พูดไม่ออก ขยับตัวไม่ได้
“เพื่อเห็นแก่หน้าผู้อาวุโสถัง ฉันจะไม่ฆ่าแก แต่แกก็ต้องให้ความร่วมมือกับฉันด้วย” เงาปีศาจหันหน้าไปอีกทางพลางกล่าวอย่างเย็นชา ท่าทางสง่างามดุจดั่งยอดฝีมือ
หนุ่มผู้ไม่เคารพใครเห็นถังชิวล้มลงก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป พอได้ยินคำพูดของเงาปีศาจถึงได้ถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ไม่ได้เข้าไปหาเรื่องใส่ตัวอย่างหุนหันพลันแล่น พวกที่สามารถติดอันดับนักฆ่าไม่ใช่แค่วิทยายุทธสูงเท่านั้น ทักษะการฆ่าคนยิ่งสูงกว่า ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันตรง ๆ เพียงแค่ท่าทางเดียวก็สามารถฆ่าคนได้โดยไร้ร่องรอย ไม่ควรไปยั่วโมโหพวกเขาดีกว่า
[พี่ชายยังไม่ลงมืออีกเหรอ นางจิ้งจอกของพี่กำลังจะถูกแย่งตัวไปแล้วนะ] เอลฟ์น้อยนั่งอยู่บนตู้คริสตัล แกว่งขาไปมา ใบหน้าเต็มไปความง้องอน
‘ไม่ต้องรีบหรอก ยอดฝีมือน่ะ ต้องปรากฏตัวเป็นคนสุดท้ายถึงจะสะเทือนใจคนได้’ หนิวลี่ยิ้มเล็กน้อย กล่าวไม่เร็วไม่ช้า
เอลฟ์น้อยกลอกตา พลางตอบกลับว่า [พี่ชายนี่ไม่ใช่ยอดฝีมือหรอก ยังห่วยกว่าเตียวเสี้ยนอีก]
หนิวลี่ไม่พูดอะไร คิดในใจว่า ‘แน่นอนว่าเทียบกับเธอไม่ได้หรอก พี่พูดถึงคนอื่นต่างหาก’
ตอนนี้แม้แต่ถังชิวก็ถูกจัดการไปแล้ว ดูท่าทางพวกหลงชีหลงปาอะไรนั่นก็ไม่น่าไว้ใจเลย หนิวลี่รู้สึกว่าถึงเวลาที่ตนเองต้องปรากฏตัวแล้ว เรื่องวีรบุรุษช่วยสาวงามแบบนี้ ผู้ชายมักจะชอบทำที่สุด
“อะแฮ่ม!” หนิวลี่ไอเบา ๆ หนึ่งที เพื่อบ่งบอกถึงการมีตัวตนของตนเอง เขาลุกขึ้นยืน มองไปที่คุณหนูหลงด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวที่รัก คนพวกนี้น่ากลัวเกินไป ชอบต่อสู้ตีกันไปมา ไม่สนุกเลยสักนิด เราไปเที่ยวที่อื่นกันเถอะ”
พอประโยคนี้หลุดออกมา ทุกคนในห้องโถงต่างมีสีหน้างุนงง
พวกนักพนันที่ตกใจจนอยากจะรีบออกไปให้ไวที่สุดต่างคร่ำครวญในใจ ‘หนุ่มน้อยน่าสงสารคนหนึ่งกำลังจะตายแล้ว’
อวิ๋นเส่ามองไปที่หนิวลี่ ใบหน้าฉายความประหลาดใจเล็กน้อย
“เออ! เกือบลืมแกไปเลย ก็แกนี่แหละที่ทำให้ฉันนายน้อยโมโหจนระเบิดอารมณ์ วันนี้นายน้อยอารมณ์ดี จะไว้ชีวิตแก แต่เอามือที่แกใช้โกงไพ่นั่นมาให้ฉันแทนแล้วกัน”
“หมายถึงมือนี้เหรอ?” หนิวลี่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ชูมือขวาขึ้นมาถามกลับ
“เออ! ใช่! เอาไปตัดเองเลย” พูดจบ อวิ๋นเส่าก็หยิบดาบที่คมกริบขึ้นมาจากใต้โต๊ะพนัน แล้วโยนมาตรงหน้าของหนิวลี่
“ว้าว พี่ชาย ผมนับถือคุณจริง ๆ แม้แต่ตอนมาพนันยังพกดาบติดตัวมาด้วย ดูท่าจะเป็นมือเก๋าในวงการนี้เลยนะ” หนิวลี่ชมเปาะ
อวิ๋นเส่ายกคิ้วลอยหน้าลอยตา ไม่ปฏิเสธหรือยอมรับ
“แค่แกก็คิดจะเอามือข้างหนึ่งของฉันงั้นเหรอ ไม่คิดว่ามองตัวเองสูงไปหน่อยหรือไง ไอ้ลูกหมาเอ๊ย! ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง พาไอ้ที่ชื่ออะไรนี่ไปให้พ้น ๆ จากที่นี่ ไม่งั้นฉันจะไม่ไว้หน้าพวกแกแน่ ฆ่าให้หมด ไม่เหลือซากไว้ให้ดู!” หนิวลี่พูดจบก็โบกมือฟันลงไปเสมือนจริงอย่างดุดัน แสดงให้เห็นว่าตัวเองใจร้ายมือเหี้ยมขนาดไหน
“ฮ่า ๆๆ ตลกชะมัด ทรงแบบนี้ยังกล้ามาขู่ฉันอีก ดี วันนี้จะให้แกได้เห็นกับตาว่าปกติฉันฆ่าคนยังไง” พูดจบอวิ๋นเส่าก็เดินเข้ามาหาหนิวลี่ ดูเหมือนจะลงมือเองเสียด้วย เพื่ออวดอ้างความเก่งกาจ
“เจ๋งว่ะ!” หนิวลี่ ชูนิ้วโป้งขึ้น จากนั้นก็เตะดาบบนพื้นไปให้ ยิ้มพลางพูดว่า “ให้โอกาสแกหนึ่งครั้ง จะยืนนิ่ง ๆ ให้แกฟัน ถ้าฟันตายฉันก็แพ้ ถ้าฟันไม่ตาย มือข้างนั้นที่พี่สาวผมต้องการก็เอาไว้เถอะ”
“หยิ่งยโสจริง ๆ หึ! อยากตายสินะ” อวิ๋นเส่ามีน้ำโหขึ้นมาหน่อย ‘ยืนให้ฟัน แกคิดว่าตัวเองเป็นเหล็กไหลเหรอไง ดี! ถ้าอยากตายนักฉันจะช่วยสนองให้สมใจ’
อวิ๋นเส่าก้มตัวลงหยิบดาบขึ้นมาถือในแนวตั้งฉาก สีหน้าโหดเหี้ยมปรากฏขึ้น คำรามว่า “ไปตายซะ!”
พูดจบ ดาบที่ชี้ขึ้นฟ้าก็ตวัดลงอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังหัวของหนิวลี่
ส่วนหนิวลี่ ยังคงยิ้ม ไม่ขยับเขยื้อน
“ตกใจจนตัวแข็งเลยสิ!”
ทุกคนต่างพากันถอนหายใจ
แม้แต่คุณหนูหลงที่คาดหวังมาตลอดก็ยังอุทานออกมา การโดนฟันแบบนี้ ต่อให้เป็นคนเหล็กก็ทนไม่ไหวหรอก
แต่?
เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น อวิ๋นเส่าฟันลงมาเต็มแรงโดยไม่มีอะไรขวางกั้น พอรู้สึกว่าฟันได้ง่ายดายเสียจนแปลกใจ เงยหน้ามองไปรอบ ๆ เห็นคนมองตัวเองราวกับเห็นผี ตกใจกันใหญ่
อวิ๋นเส่ารู้สึกภูมิใจ คิดว่าดาบของเขาครั้งนี้ถือว่าค่อนข้างโดดเด่น เป็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจสุด ๆ
แต่ทันใดนั้น อวิ๋นเส่าก็รู้สึกผิดปกติ มือของเขาเจ็บมาก
ไม่ใช่ มันไม่ใช่มือ แต่เป็นข้อมือต่างหาก
เมื่อยกมือขึ้นมาอีกครั้ง อวิ๋นเส่าก็ตกตะลึง ดาบในมือหายไปแล้ว แม้กระทั่งมือที่กำดาบก็หายไปด้วย บริเวณข้อมือที่ขาดออกมีเลือดไหลซิบ ๆ หยดลงพรมบนพื้น ตอนนี้ กระจายเป็นวงกว้างใหญ่แล้ว
“นี่… นี่…” แขนทั้งข้างของอวิ๋นเส่าเริ่มชา เงยหน้าขึ้น สองตาเบิกกว้างมองไปที่เงาปีศาจด้วยความงุนงง แต่กลับพบว่าแม้แต่เงาปีศาจผู้เป็นที่พึ่งของเขาก็ยังมีสีหน้าตกใจ จ้องมองไปที่หนิวลี่อย่างตื่นตะลึง
เมื่อหันไปมอง กลับเห็นมือของตัวเองที่ยังคงกำดาบค้างอยู่เหนือศีรษะของหนิวลี่ คมดาบอันแวววาวอยู่ห่างจากผมของหนิวลี่เพียงนิ้วเดียว แต่ดูเหมือนจะเจออุปสรรคบางอย่าง ค้างอยู่ตรงนั้นตลอดกาล ไม่อาจฟันลงไปได้อีกแม้แต่น้อย
“อ๊า!”
อวิ๋นเส่าไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดและความหวาดกลัวได้อีกต่อไป กุมข้อมือที่ขาดของตนร้องครวญครางล้มลงกับพื้น ขดตัวกลม ทั่วทั้งห้องโถงมีเพียงเสียงร้องโหยหวนดังก้องไปมา