ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 20 ทุ่มหมดหน้าตัก
บทที่ 20 ทุ่มหมดหน้าตัก
บทที่ 20 ทุ่มหมดหน้าตัก
“เฮ้ ๆ โชคดีจริง ๆ เลยนะ อย่าบอกนะว่าแกอยากได้แปดหรือคิงจริง ๆ!” อวิ๋นเส่าพูดด้วยอารมณ์ขันเยาะเย้ยหนิวลี่ท่าทางเหมือนเอาชนะได้แล้ว แน่นอนว่าสายตาเจ้าชู้ของเขาก็มักจะเหลือบมอง ‘ดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ ของคุณหนูหลงเป็นระยะ ๆ ด้วย
“ผู้เปิดไพ่แปดคอมโบเรียงตรง พูดได้แล้ว”
คนแจกไพ่ยื่นมือพูดกับหนิวลี่อย่างกะทันหัน
“ถึงตาผมพูดแล้วเหรอ?” หนิวลี่มองอวิ๋นเส่าที่กำลังเริงร่าอย่างมีนัยสำคัญ ยื่นนิ้วชี้ที่ไพ่บนโต๊ะ แล้วยิ้มพูดว่า “งั้นผมขอออลอิน*[1]นะ”
“ออลอิน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนบนโต๊ะพนันต่างอึ้งไปหมด
‘ไม่น่าเลยน้องชาย คุณเพิ่งนั่งโต๊ะเป็นตาแรก แต่กลับเล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว’
เมื่อเห็นหนิวลี่ผลักชิปสามสิบกว่าล้านตรงหน้าไปกลางโต๊ะโดยไม่ลังเล ทุกคนก็เข้าใจว่าหมอนี่จริงจังแล้ว ‘หรือว่าไพ่ของเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นแปดหรือคิง? แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยดูไพ่ล่างเลยนี่นา!’
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หนิวลี่อย่างเงียบ ๆ ส่วนใหญ่แสดงสีหน้าว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีเงินเยอะ เก๋าเกม และกล้าได้กล้าเสียมาก ๆ
อวิ๋นเส่ายิ้มค้างแข็งอยู่บนใบหน้า มองหนิวลี่ด้วยสีหน้าสงสัย
ตอนนี้เขาก็ไม่แน่ใจแล้วเช่นกัน ‘ไพ่ล่างของเด็กหนุ่มคนนี้คงจะไม่ใช่แปดหรือคิง จริง ๆ หรอกนะ?’
เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองเป็นเวลานาน หนิวลี่จึงหัวเราะในใจ มองอวิ๋นเส่าด้วยสายตาท้าทายแล้วพูดว่า “พี่ชาย ไพ่เปิดของคุณใหญ่มากเลยนะ แถมฉันยังไม่ได้ดูไพ่ล่างเลย ยังไงโอกาสที่จะได้เงินแบบนี้ยังไม่กล้าชนอีกเหรอ?? ฉันว่าต่อไปอย่าออกมาเล่นเลยดีกว่า หมอบไพ่แล้วไสหัวไปซะ”
“นาย! บ้าเอ๊ย! คิดว่าเก๋าพอแล้วงั้นสิ ดี ฉันตาม แค่สามสิบล้านเอง ฉันยังเล่นไหวอยู่” อวิ๋นเส่าลุกขึ้นพูดอย่างไม่แยแส พูดจบก็ผลักเงินจำนวนมากตรงหน้าไปกลางโต๊ะพนัน
ทันใดนั้น กองชิปสีม่วงที่อยู่กลางโต๊ะพนันก็ราวกับภูเขาน้อย ๆ น่าดูชมเป็นอย่างยิ่ง นี่มันเกือบร้อยล้านหยวนเลยนะ
เมื่อเงินถูกผลักออกไป ใบหน้าของอวิ๋นเส่าก็แดงก่ำราวกับคนเมาเหล้า เขาพลิกไพ่ตายของตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ฉันมีไพ่คิงสามใบ กับสาม สองใบ วันนี้ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะโชคดีขนาดนั้น ไพ่แปดใบสุดท้ายกับคิงใบเก่าก็ไม่น่าจะตกเป็นของแกได้”
“โอ้ ไพ่ใหญ่มากเลยนะ!” หนิวลี่ชมเชยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเฉยชา ราวกับว่าไพ่ตายของ อวิ๋นเส่าไม่ได้สร้างแรงกดดันใด ๆ ให้กับเขาเลย
“ฮึ! อย่ามาพูดมาก เปิดไพ่ของแกดูสิ!” อวิ๋นเส่าหัวเราะเยาะอย่างดูถูก
“โทษทีนะ ขอฉันดูไพ่ก่อนได้ไหม” หนิวลี่หัวเราะเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนกำลังยั่วโมโห
ใบหน้าของอวิ๋นเส่าแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตะโกนว่า “นี่มันริเวอร์*[2]แล้วนะ ริเวอร์จักรู้ไหม ตอนนี้ถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะแล้ว แกยังจะขอดูไพ่ก่อนอีกเหรอ จะดูอะไรของแกอีกวะ”
“โอ้! ยังมีกฎแบบนี้ด้วยเหรอ ฮี่ ๆ เล่นครั้งแรกน่ะ ไม่ค่อยเข้าใจกฎ อย่าว่ากันเลยนะ อย่าว่ากันเลย”
ท่าทางและน้ำเสียงติดตลกของหนิวลี่ ทำให้นักพนันคนอื่น ๆ ที่โต๊ะต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีเพียงอวิ๋นเส่าเท่านั้นที่สีหน้าแย่ลงเรื่อย ๆ ‘บ้าเอ๊ย มาเล่นตลกใส่ฉันเหรอ’
“งั้นก็ได้ ทุกคนมาดูไพ่พร้อมกันเลย” หนิวลี่ค่อย ๆ หยิบไพ่ใบสุดท้ายขึ้นมา แล้วพลิกมันขึ้น
คิงโพแดง!
เป็นไพ่สเตรตจริง ๆ ด้วย! สายตาของทุกคนบนโต๊ะต่างเบิกกว้างอย่างตกตะลึงชั่วขณะ จากนั้นก็อุทานออกมาพร้อมกัน “ไอ้หนุ่มนี่โชคดีจริง ๆ”
ส่วนอวิ๋นเส่า หลังจากที่มองด้วยสายตาเหม่อลอยแล้ว เหงื่อก็ไหลออกมาทีละน้อย ๆ ‘ตานี้แพ้ยับเลย’
“เป็นไปได้ยังไง! แกได้คิงโพแดงได้ยังไง!” อวิ๋นเส่าถามด้วยความเหลือเชื่อ
หนิวลี่ยักไหล่เหมือนอับจนหนทางแล้วพูดว่า “ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่วันนี้โชคของผมดีมาก ๆ เลยละ ตอนอยู่ข้างล่างผมเดิมพันชนะรวดมาสามตาแล้ว ดูท่าโชคดีนี่จะยังคงอยู่ต่อไปอีกสักพักแน่ ๆ”
“โชคดี? ฉันว่าแกโกง แกต้องโกงแน่ ๆ ฉันจะตรวจไพ่!” อวิ๋นเส่าตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้
แม้ว่าการเดิมพันจะสนุก แต่ถ้าแพ้จริง ๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบรวมห้าสิบล้านหยวนไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ ‘ถ้าพ่อรู้ละก็ ซวยแน่ ๆ’
ก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหา นั่นเป็นเพราะยังรู้จักที่จะถอย และด้วยสถานะที่วางไว้ก็ไม่มีใครกล้าโกง กำไรขาดทุนไม่มาก คนเล่นก็สนุกไปด้วย วันนี้ไม่ว่าจะโดนหนิวลี่โกงหรือไม่นั้้น แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็เพราะความเย่อหยิ่งของอวิ๋นเส่าด้วย ทำให้เขาแพ้ภัยตัวเอง
“ตรวจไพ่?” หนิวลี่ยิ้มเล็กน้อยมองไปที่คุณหนูหลงและพูดอย่างน่าสงสาร “พี่สาว เขาบอกว่าผมโกง จะทำยังไงดี?”
คุณหนูหลงตอนนี้ยังตกใจอยู่บ้าง มองหนิวลี่ไม่ออกมากขึ้น ได้ยินประโยคที่หนิวลี่กล่าวแล้วมองไปที่อวิ๋นเส่าอย่างดูถูก
อวิ๋นเส่าสบตากับคุณหนูหลงพอดี เขายังไม่ทันรู้สึกสบายใจ ก็ถูกความเย็นชาในดวงตานั้นทำให้ร่างกายหนาวสั่น
“ที่นี่คือเยี่ยเยี่ยหลาย ไม่ใช่ที่ที่ใครก็ตามจะมาโกงได้ พวกเราโกงหรือไม่ ทุกคนก็เห็นกันอยู่ ตรวจไพ่ได้ แต่ถ้าตรวจแล้วพบว่าพวกเราไม่ได้โกง คุณต้องรับผิดชอบนะ” คุณหนูหลงพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน
อวิ๋นเส่ามองหญิงสาวที่มีใบหน้ายิ้มแย้มน่ารัก แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างงุนงง ในใจรู้สึกหนาวยะเยือกอย่างไม่มีสาเหตุ
“ผม…”
“ไม่ต้องมาผมเผิมอะไรแล้ว ตอนนี้เริ่มตรวจไพ่ ถ้าพวกเราไม่ได้โกง ฉันต้องการมือข้างนั้นของคุณ!” คุณหนูหลงพูดเสียงเย็นชา ยื่นมือชี้ไปที่มือขวาของอวิ๋นเส่าที่เคยชี้หน้าหนิวลี่
“อ๊ะ!”
ผู้คนที่ดูเรื่องราวอยู่ตลอดตอนนี้ตื่นตระหนก ทุกคนมีเงินก็จริง แต่พอเกี่ยวข้องกับเรื่องรุนแรงแบบนี้ ต่างก็ใจหายใจคว่ำ
นี่มันสถานที่บันเทิงระดับสูง ไม่ใช่ตรอกซอกซอยที่นักเลงจะมาตีกัน
“คุณหนูหลง อวิ๋นเส่าเขาก็แค่หนุ่มใจร้อน ผมขอโทษแทนเขาที่เผลอล่วงเกินไปด้วย เรื่องนี้ก็แค่นี้แหละ” ชายหนุ่มผมสั้นที่อยู่ข้าง ๆ อวิ๋นเส่าลุกขึ้นยืน พูดอย่างอ่อนใจพร้อมกับส่งสายตาให้อวิ๋นเส่าไม่หยุด หวังว่าเพื่อนสนิทของตระกูลที่ไปมาหาสู่กันจะสามารถยับยั้งชั่งใจได้บ้าง
อวิ๋นเส่าไม่สนใจแล้ว ‘ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ทำไมพูดจาใหญ่โตนัก ฉันเที่ยวเล่นในเมืองเอชมาหลายปีแล้ว แม้แต่หลี่เตาปา เจ้าพ่อใต้ดินของเมืองเอช ยังให้เกียรติฉันอยู่บางส่วน แล้วเธอมาขู่ฉันได้ยังไง?’
“ได้ งั้นก็ตกลงตามนี้ เราตรวจสอบไพ่กัน” อวิ๋นเส่ายิ้มเย็นชา สายตายังคงจ้องมองไปที่หนิวลี่ด้วยแววตาเย็นยะเยือก
หนิวลี่ไม่สะทกสะท้าน แต่กลับหยอกล้อกับเอลฟ์น้อยอยู่ในใจ
‘เตียวเสี้ยนที่รักของพี่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ ไม่งั้นพี่คงเสียหน้าแย่เลย ฮ่า ๆ’
[นึกว่าลืมกันไปแล้วซะอีก ทำไมไม่ไปคุยกับนางจิ้งจอกนั่นล่ะ] เอลฟ์น้อยทำจมูกฟุดฟิดใส่ เชิดหน้าขึ้นสูง
หนิวลี่หัวเราะอย่างเอาอกเอาใจ ‘ไม่มีใครเทียบเตียวเสี้ยนได้หรอก เวทมนตร์ของเตียวเสี้ยนนี่มันเจ๋งอะไรขนาดนี้ เหมือนพลังพิเศษเลย น่าตื่นเต้นจริง ๆ’
[พลังพิเศษอะไร นี่มันเป็นเวทมนตร์ที่ใช้พลังจิตควบคุมธาตุ สามารถใช้พลังจิตขับเคลื่อนพลังเวทเพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ได้ ไม่ใช่ของหายากอะไร แต่พี่ยังมีพลังจิตไม่พอ ตอนนี้ยังใช้ไม่ได้หรอก] เอลฟ์น้อยพูดอย่างภาคภูมิใจ ความหมายชัดเจนมาก ‘หากขาดน้องสาวอย่างฉันไป นายก็คงอ้าปากค้าง’
หนิวลี่ย่อมไม่กล้าเมินเฉยต่อเอลฟ์น้อยอย่างแน่นอน ต่อไปยังต้องพึ่งเจ้าตัวเล็กนี่อีกเยอะ
ขณะตรวจสอบไพ่ สามหนุ่มที่เฝ้าดูอยู่ในห้องควบคุมที่ชั้นห้าก็รู้สึกไม่ดีแล้ว ครั้งนี้มีเรื่องยุ่งยากแน่ ๆ รีบออกจากห้องควบคุมไปที่ชั้นแปดทันที
คนแจกไพ่เป็นมือฉมังคนหนึ่ง ไพ่หนึ่งสำรับในมือเขาหมุนสับไพ่จนตาลาย จากนั้นไพ่แต่ละใบก็ถูกแยกออกมา เริ่มจากเอซแล้วก็ สอง สาม สี่ … เรียงลงไปเป็นแถวยาว ชั่วพริบตา ไพ่ทั้งสำรับก็ถูกแบ่งออกเป็นสิบสามกอง
จำนวนไพ่ไม่ขาดไม่เกิน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย มองไม่ออกเลยว่าหนิวลี่โกง
ใบหน้าของอวิ๋นเส่าซีดเผือดไปชั่วขณะ จากนั้นก็ขบฟันยิ้มเย็นชา “ในเมื่อโกงไพ่ได้อย่างแนบเนียนขนาดนี้ ต้องเป็นมือโปรในกาสิโนแน่ ๆ งั้นการสับไพ่ก็คงมองไม่ออกอะไรหรอก”
คราวนี้อวิ๋นเส่าทำตัวไร้เหตุผลไปหน่อย
แต่หนิวลี่ก็ยังคงนิ่งเฉย ดึงอวิ๋นเส่าที่กำลังจะระเบิดอารมณ์ไว้ พลางยิ้มพูดว่า “งั้นคุณหมายความว่ายังไงล่ะ?”
[1] ออลอิน (All in) คือภาษาไพ่โป๊กเกอร์ แปลว่าเทหมดหน้าตัก
[2] ริเวอร์ (River) คือรอบการเดิมพันสุดท้ายใน Hold’em ซึ่งจะมีการแจกไพ่ชุมชนใบสุดท้าย (ไพ่ริเวอร์)