ระบบวงแหวนครอบจักรวาล - บทที่ 12 ความสำคัญของเงิน
บทที่ 12 ความสำคัญของเงิน
บทที่ 12 ความสำคัญของเงิน
เมื่อกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น หนิวลี่จึงเตรียมตัวกลับบ้านไปทานข้าว ขณะเก็บหนังสือเรียน ก็รู้สึกว่ามีคนสองคนมายืนขนาบข้างโต๊ะเรียนของเขา
เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นนักเรียนเกเรสองคนในห้องที่ค่อนข้างยุ่งยาก นามว่าหลี่กังกับหลี่โม่ ได้ยินมาว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กับอันธพาลนอกโรงเรียน ปกติก็เป็นคนดังในห้องอยู่แล้ว
ใบหน้าของ หนิวลี่ มืดลงอย่างผิดธรรมชาติ เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไร
พูดก็พูดเถอะ ตัวเขาเพิ่งจะกลับตัวกลับใจไม่ถึงหนึ่งวัน แต่ก็เคยต่อยเพื่อน จับตัวประกัน และฆ่าคนมาแล้ว! แค่เผชิญหน้ากับเด็กน้อยสองคนที่มีข่าวลือว่าชอบตีกันอย่างดุเดือดและสนิทสนมกับแก๊งอันธพาลไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวั่นเกรงเหมือนเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย
เด็กน้อยที่ขนยังขึ้นไม่เต็มที่ จะมีอะไรน่ากลัวกันเล่า
หลี่กังและหลี่โม่ก็รู้สึกประหลาดใจกับความสงบนิ่งของหนิวลี่ ‘ดูเหมือนว่าข่าวลือที่ว่าหมอนี่นิสัยเปลี่ยนไปจะมีมูลความจริงอยู่ แต่ถึงจะเปลี่ยนไปยังไง ก็ยังเป็นแค่ไอ้หน้าโง่คนหนึ่ง ยังจะมาทำท่าอวดดีต่อหน้าพวกข้าอีกหรือไง’
หลี่กังทำสีหน้าไม่พอใจ พูดขึ้นว่า “อ้าว ไม่พอใจที่เห็นพวกพี่หรือไง อยากจะลองเล่นกันหน่อยไหม?”
หลี่โม่ลูบกำปั้นพลางยิ้มอย่างชั่วร้าย
หนิวลี่หัวเราะเยาะ “พอได้แล้ว อย่ามาทำท่าอวดดีต่อหน้าฉันเลย ตอนเช้าเป็นพวกแกใช่ไหมที่ไปฟ้องพี่ฉางเหมา เก่งนักนะ เรียนไม่เอาไหน แต่เรื่องชั่ว ๆ นี่ทำได้คล่องแคล่วจริง ๆ”
“แกหมายความว่ายังไง ไม่พอใจเหรอ?” หลี่กังทำหน้ามืดทันที คำพูดเหน็บแนม ประชดประชันต่อหน้า ไอ้หมอนี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่
“บ้าเอ๊ย! แกนี่มันหาเรื่องตาย” หลี่โม่ตรงไปตรงมาที่สุด ยื่นมือไปคว้าปกเสื้อของ หนิวลี่ สายตาดุร้าย อยากจะต่อยเขาเต็มแก่
แววตาของหนิวลี่สว่างวาบขึ้น จ้องตาของหลี่โม่ มีประกายแปลกประหลาดผุดขึ้นในดวงตา
“สะกดจิต!”
นี่คือเวทใหม่อีกอย่างหนึ่งที่หนิวลี่เรียนรู้มา เวทสะกดจิตเป็นเวทระดับต่ำของศาสตร์จิตวิญญาณ โดยทั่วไปแล้วนักเวทส่วนใหญ่จะควบคุมได้ไม่ง่ายนัก แต่หนิวลี่มีพรสวรรค์โดดเด่น พลังจิตที่มีมาแต่กำเนิดสามารถถอดร่างจิตออกมาฝึกฝนได้ ดังนั้นเอลฟ์น้อยจึงสอนเวทนี้ให้หนิวลี่เพื่อให้โอ้อวด
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” หนิวลี่ตะโกนเสียงดัง แววตาประหลาดของเขาเปลี่ยนเป็นเงาดำมืดกระหายเลือดน่ากลัว ส่งไปยังดวงตาของหลี่โม่
“อ๊า!”
ชั่วพริบตา หลี่โม่รู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้าง ร่างทั้งร่างร่วงลงสู่นรก รอบด้านเต็มไปด้วยโครงกระดูก และเลือดที่น่าสยดสยอง เสียงร้องเจ็บปวดโหยหวนดังไม่สิ้นสุด
ใบหน้าของหลี่โม่ซีดเผือดในพริบตา เขาปล่อยมือที่จับปกเสื้อของหนิวลี่ถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความตกใจกลัว ตะโกนด้วยเสียงอันดัง “ผี มีผี!”
ตอนนี้มีนักเรียนบางคนที่ยังไม่ออกจากห้องเรียน เหมือนรอชมเรื่องน่าสนใจ
เมื่อเห็นสีหน้าตกใจกลัวของหลี่โม่ ทุกคนก็อดหัวเราะไม่ได้ รู้สึกประหลาดใจที่หนิวลี่สามารถทำให้หลี่โม่กลัวได้ขนาดนี้ หนิวลี่มีจิตสังหารสูงมากเหรอ ถึงขนาดทำให้หลี่โม่ที่ปกติใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนั้นตะโกนว่า ‘ผี!’
ใบหน้าของหลี่กังร้อนวูบวาบ การแสดงออกของหลี่โม่อ่อนหัดเกินไป นี่คือท่าทีของคนที่มีเป้าหมายจะเอาดีในวงการมาเฟียที่ไหนกัน เขาจ้องมองไปที่หนิวลี่อย่างเกรี้ยวกราด พูดเสียงเย็นชา “ไอ้หนู นายมันหยิ่งยโสเกินไปแล้ว”
พูดจบ หลี่กังก็ชกหมัดใส่หน้าของหนิวลี่โดยตรง
หนิวลี่หลบหมัดของหลี่กังได้อย่างง่ายดาย เขารวบรวมพลังเวทเป็นประกายไฟเล็ก ๆ ในฝ่ามือ และตีลงบนหน้าอกของหลี่กังอย่างเงียบเชียบ
“ป๊าบ!”
แรงของหนิวลี่ไม่หนักไม่เบา แต่ประกายไฟนั้นเป็นการรวมตัวกันอย่างหนาแน่นของธาตุไฟ ขณะที่หนิวลี่ตีกระทบโดนหลี่กัง มันก็ระเบิดออกอย่างเงียบ ๆ พลังกระแทกที่รุนแรงแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของหลี่กัง ทำให้ใบหน้าของเขาแดงก่ำสลับซีดเผือด อกของเขาปั่นป่วนเหมือนคลื่นยักษ์ซัดสาดจนอยากจะอาเจียนเป็นเลือด
“นาย!”
หลี่กังเกร็งคอ จับไหล่ของหนิวลี่แน่นอย่างไม่อยากเชื่อ แต่ไม่ว่าจะพยายามพูดยังไงก็พูดไม่ออก
“ขยะ!”
หนิวลี่ปัดมือของหลี่กังออกอย่างดูถูก ผลักเขาล้มลงกับพื้น เหลือบมองหลี่โม่ที่ยังคงมีแววตาหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ถ้าไม่มีฝีมือก็อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่งั้นจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง”
พูดจบ หนิวลี่ก็เก็บหนังสือแล้วเดินออกจากห้องเรียนอย่างเป็นธรรมชาติ
ทิ้งให้นักเรียนในห้องเรียนตาค้างปากหวอ
“เฮ้ย! เมื่อกี้นายเห็นไหม”
“อืม! เห็น นั่นมันกังฟูชัด ๆ”
“จริงหรือเปล่า ดูเหมือนหนิวลี่จะแค่ตบเบา ๆ เองนะ ทำไมถึงมีพลังมากขนาดนั้น”
“พูดมากน่า นั่นคือหนิวลี่ใช้ ‘ท่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ จัดการหลี่กังอย่างง่ายดายต่างหาก ฉันดูชัดที่สุดแล้ว”
“บ้าเหรอ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ บ้านแกสิ นั่นมัน ‘ท่าฝ่ามือหยกเทพชัด ๆ’ โอ๊ย! ไม่คิดเลยว่าหนิวลี่จะเรียนวิชาลับของยุทธภพได้ด้วย ไม่ได้แล้วฉันต้องขอเป็นศิษย์เขา”
เพื่อน ๆ ที่ชอบก่อกวนตอนนี้วุ่นวายไปหมด ถกกันจ้อกแจ้กจอแจ แต่น่าเสียดายที่หนิวลี่ออกไปแล้ว ไม่งั้นคงตาค้างปากหวอเหมือนกัน จินตนาการของพวกเขาช่างล้ำเลิศจริง ๆ
หนิวลี่เดินออกมาจากโรงเรียน ไม่ได้ไปร้านอาหารที่บ้าน แต่ไปหาร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อซินเจียงที่มีชื่อเสียงหน้าโรงเรียนแล้วสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อสองชาม
จากนั้นก็หาที่เงียบสงบ แบ่งให้เอลฟ์น้อยหนึ่งชาม จากนั้นคนกับเอลฟ์ก็กินกันอย่างตะกละตะกลาม
หนิวลี่ยังพอไหว แต่เอลฟ์น้อยต่างกัน หนิวลี่สงสัยจริง ๆ ว่าตอนสร้างเธอนั้น ระบบเกิดผิดพลาดหรือเปล่า เหมือนตายอดตายอยากมาจากไหนก็ไม่รู้ ดูดก๋วยเตี๋ยวเนื้อเหนียวนุ่มในปากเธอไม่หยุด เหมือนกำลังกินตับมังกรกับถั่วพูเลย
‘เฮ้! ถึงจะไม่มีคนอื่นเห็น แต่เธอก็ไม่ควรทำแบบนี้นะ’ หนิวลี่หมดคำจะกล่าว ส่งเสียงดูถูกเอลฟ์น้อย
เอลฟ์น้อยไม่ยอมเงยหน้า ดูดก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวเส้นหนึ่งแรง ๆ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นกลอกตาบอกว่า [ไม่เข้าใจพวกมนุษย์จริง ๆ กินข้าวก็ต้องกินให้มีความสุขสิ ทำไมต้องค่อย ๆ เคี้ยวด้วย ทำให้คนเห็น รู้สึกหงุดหงิด]
หนิวลี่ไม่พูดอะไร
[ได้แล้ว ของพวกนี้ก็ดีอยู่หรอก แต่ฉันกินไม่อิ่ม เดี๋ยวไปซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อขนมให้ฉันหน่อยนะ ฉันว่าที่นั่นดูไม่เลว] เอลฟ์น้อยพูดถึงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนของ ที่นั่นดูคึกคักมากเพราะมีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสาย
หนิวลี่เงียบอีกคร้ัง
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อหมด ภายใต้การชักชวนของเอลฟ์น้อย หนิวลี่จำต้องเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตนี้อย่างจนใจ เอลฟ์น้อยชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทั่ว ไม่นานขนมก็เต็มรถเข็นหนึ่งคัน เมื่อเห็นว่าเกินงบที่หนิวลี่มีแล้วจึงยอมหยุดอย่างไม่เต็มใจ
หนิวลี่ถึงกับน้ำตาไหลพรากหลังจากคิดเงิน ชัดเจนว่าเอลฟ์น้อยเป็นตัวกินเปล่า ไปไม่ถึงวันก็ทำให้เงินเก็บส่วนตัวที่สะสมมาหลายปีของตัวเองเกือบหมดลงแล้ว ต่อไปยังมีเวลาอีกนานขนาดนั้น จะเลี้ยงไหวได้ยังไงกัน
ทันใดนั้น หนิวลี่ก็เหลือบไปเห็นฉางเหมาและอีกสองคนกำลังเดินไปทางโรงเรียนพอดิบพอดี รีบจ่ายเงินแล้วโยนถุงขนมสองใบใหญ่เข้าไปในแหวนสรรค์สร้างในมุมที่ลับตาคน จากนั้นก็วิ่งไปหาฉางเหมา
“พี่ฉางเหมา”
เมื่อหนิวลี่ไปถึงก็ทักทายด้วยความสุภาพ จริง ๆ แล้ว การทักทายของเขาดูสุภาพมาก แต่ไร้ซึ่งความเคารพใด ๆ
ฉางเหมาขมวดคิ้ว ความไม่พอใจผุดขึ้นในดวงตา แต่คืนนี้ยังต้องพึ่งหนิวลี่ให้ช่วยหาเงินซื้อเรดบูลเลยไม่พูดอะไร
“ดูเหมือนว่าเงินจะใช้ได้ผลจริง ๆ นะ ตอนเช้าดูนายไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ทำไมตอนนี้ถึงรู้ข้อดีของเงินแล้วล่ะ?” ฉางเหมาหัวเราะเยาะเย้ยอย่างประหลาดใจ
หนิวลี่คิดในใจว่าเขาต้องการเงินจริง ๆ แต่บนใบหน้ากลับแสดงรอยยิ้มเก้อเขินเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องที่พี่ฉางเหมาฝากให้ทำ ต่อให้ไม่มีเงินผมก็ต้องให้เกียรติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ พี่ฉางเหมา คืนนี้จะให้ทำอะไรครับ?”
ฉางเหมาพึงพอใจกับความเข้าใจของหนิวลี่มาก พยักหน้าหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก รับรองว่านายจะชอบมากเลยละ”