ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 748 : เขตดาวโบไลด์ – หุบเขามังกร
ตอนที่ 748 : เขตดาวโบไลด์ – หุบเขามังกร
ดินแดนนรกนั้นคือสถานที่ลึกลับสำหรับคนภายนอก แต่สำหรับสัตว์ประหลาดเฒ่าและกองกำลังใหญ่แล้ว มันไม่ได้ลึกลับแบบที่โลกภายนอกคิด ถึงจะมีอันตรายอยู่มากมาย แต่พวกนี้ก็ยังหลีกเลี่ยงได้ อย่างในหุบเขามังกรนี้
หุบเขามังกรแห่งนี้คือที่ที่อันตรายที่สุดในชั้นสี่ มันมีสัตว์อสูรอยู่เกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่
อย่าประเมินค่า 20 เปอร์เซ็นต์นี้ต่ำเกินไป เพราะจำนวนสัตว์อสูรทั้งหมดของที่นี่มีเกือบสิบล้านตัว
20 เปอร์เซ็นต์ก็เท่ากับหลายล้านตัว จำนวนที่น่าทึ่งแบบนี้แม้แต่กองกำลังใหญ่ก็ยังไม่กล้าจะอยู่ที่นี่นาน
คนที่เข้ามา แม้จะรู้ว่าที่นี่อันตราย ก็เท่ากับเดินเข้ามาหาความตาย
ที่ด้านนอกหุบเขาภายใต้ท้องฟ้าสีแดงก่ำ ชายหนุ่มคนหนึ่งได้พุ่งเข้ามา ในพริบตาเขาก็มาถึงหุบเขาแห่งนี้
หวังเย่ามองไปยังหุบเขาตรงหน้าและเห็นว่ามันไม่ปกติ อุณหภูมิของที่นี่นั้นสูงเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แค่หายใจเข้าไปก็ทำให้ปอดแทบจะเดือดไปตาม ที่ด้านนอกนั้นมีสัตว์อสูรอยู่กว่าร้อยตัว นี่ถือว่าเป็นสัตว์อสูรกลุ่มใหญ่
ถ้าเป็นในอดีต เมื่อหวังเย่าพบกับสัตว์อสูรจำนวนมากแบบนี้ หวังเย่าคงไม่คิดจะเข้าไปใกล้ แต่ตอนนี้เขาต้องกัดฟันเสี่ยงเข้าไป เพราะมีคนไล่ล่าเขาอยู่ ถึงหนีมาหลายพันไมล์ แต่คนตระกูลหยุนก็ไม่คิดจะปล่อยเขาไป
“เมื่ออยากฆ่าฉันนัก งั้นฉันก็จะลากพวกแกไปด้วย ! ” หวังเย่ามองไปบนท้องฟ้าและพบว่ามีหลายคนไล่ตามมาติด ๆ เขาจึงกัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา “ไอ้เฒ่าหยุนซี ถ้าแกแน่จริงก็ไล่ตามฉันมา ! แต่ถ้าแกไม่กล้า งั้นก็รีบคำนับฉันซะ ! ” หวังเย่าตะโกนออกมาก่อนจะพุ่งเข้าไปในหุบเขา
หลังจากที่หยุนซีได้ยินคำพูดของหวังเย่า เขาก็สีหน้าหม่นลงทันที ปากของเขาสั่นเทาไปตาม
เมื่อเห็นหวังเย่าได้พุ่งเข้าไปในหุบเขา หยุนซีก็สีหน้าหม่นและพูดขึ้นมา “หยุนเชา โรม่า รอฉันอยู่ด้านนอก ส่วนคนอื่น ๆ ตามฉันเข้าไป ฉันอยากเห็นว่าเด็กนั่นจะมีลูกไม้อะไรอีก”
หยุนเชาพูดขึ้น “พี่สี่ อย่าเพิ่งหุนหันไป เด็กนี่ต้องมีลูกไม้ไว้หลอกเราแน่ ๆ พี่อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงเลย”
โรม่าเห็นด้วย “ท่านห้าพูดถูก เด็กนี่น่ะเจ้าเล่ห์ ระหว่างที่มันหนีมันยังหลอกเราได้ ถ้าเป็นคนทั่วไป คงตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว อุณหภูมิที่นี่สูงกว่าที่อื่น ไม่ต้องเดาเลยว่าด้านในจะอันตรายแค่ไหน”
คนอื่น ๆ พากันขมวดคิ้วและมองไปที่สัตว์อสูรด้านนอกหุบเขารวมถึงหุบเขาที่แปลกประหลาดนี้ ในใจพวกเขานั้น หวังเย่าคือคนที่เจ้าเล่ห์ที่สุด การไล่ตามคนแบบนี้ต้องระวังตัวอย่างมาก
หวังเย่าล่อพวกเขามาที่หุบเขา อีกฝ่ายคงรู้ว่ามีอะไรที่นี่ ไม่งั้นแล้วคงไม่มีทางวิ่งมาที่หุบเขาแบบนี้
คนอื่น ๆ ต่างก็เข้าใจความจริงเรื่องนี้ดี แต่หยุนซีกลับทำเหมือนไม่รู้
เขาในฐานะคนสำคัญของตระกูลหยุนนั้นโกรธจัด แม้ว่าจะรู้ว่ามีอันตรายอยู่ แต่เขาก็ต้องไล่ตามไป ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็รู้ว่าหวังเย่าไม่ใช่คนที่จะฆ่าเขาได้ เมื่อหวังเย่ากล้าเข้าไป งั้นทำไมเขาจะต้องกลัว ?
“หากพี่สี่ตัดสินใจที่จะเข้าไป งั้นทุกคนก็จะเข้าไปด้วย ฉันเชื่อว่าแม้เราจะมีปัญหา แต่เราก็น่าจะรอดมาได้” หยุนเชา พูดขึ้น
“งั้นเมื่อทุกคนจะเข้าไปก็ระวังตัวด้วย ฉันไม่เชื่อว่าจะมีอะไรในชั้นสี่ที่หยุดเราได้” หยุนซีพูดขึ้นมา
สุดท้ายพวกเขาก็ตามหวังเย่าเข้าไปในหุบเขา สัตว์อสูรที่อยู่ด้านนอกหุบเขาเห็นพวกนั้น นอกจากจะคำรามใส่ก็ไม่ได้ไล่ตามไป พวกมันยังคอยอยู่ด้านนอกหุบเขาต่อ
หวังเย่ารู้เรื่องนี้มาจากปากมังกรถึงรายละเอียดของที่นี่ เขานึกถึงส่วนที่อันตรายต่าง ๆ ซึ่งได้ยินมา และหนึ่งในนั้นคือหุบเขาแห่งนี้
ตามที่มังกรบอกมาแล้ว บอกได้ว่าคนที่เข้ามาในหุบเขาแห่งนี้ใช่ว่าจะรอดไปได้ทุกคน
ทันทีที่หวังเย่าเข้าไปในหุบเขา เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมังกรถึงได้พูดแบบนั้น
ที่นี่คือเขตห้ามบิน ไม่แปลกเลยที่มันจะอันตราย หากมีสัตว์อสูรจำนวนมาก ตราบใดที่บินได้ สัตว์อสูรก็ไม่อาจจะทำอะไรพวกเขาได้ ระดับการบินสูงสุดแค่ 50 เมตร สำหรับเหล่าสัตว์อสูรที่นี่แล้ว นี่คือระดับความสูงที่เอื้อมถึงได้ ถึงอย่างนั้นสำหรับหวังเย่าแล้ว นั่นถือว่าเป็นเรื่องดี เขาไม่อาจจะบินได้ งั้นคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน นี่จะลดความได้เปรียบในด้านความเร็วในการบินของอีกฝ่ายลง
หวังเย่าเดินเข้ามาในหุบเขาและพบว่ารูปร่างมันเหมือนกับแตร ทางเข้านั้นแคบ หลังจากที่ผ่านทางเข้ามาได้ก็พบว่าพื้นที่ด้านในนั้นกว้างขึ้นมา ผาทั้งสองข้างห่างกันกว่า 100 เมตร ที่นี่และโลกด้านนอกนั้นเหมือนจะเป็นคนละโลกกัน ที่นี่มีต้นไม้อยู่ด้วยแต่รูปร่างของต้นไม้นั้นค่อนข้างแปลกประหลาด หญ้าที่พื้นมีสีแดงก่ำราวกับไฟ ดอกไม้เองก็เป็นสีแดงเช่นกัน แม้แต่ผลไม้ที่งอกออกมาตามต้นก็ยังเป็นสีแดง
หวังเย่าก้มลงไปหยิบหญ้าขึ้นมาดูและพบว่ามันร้อนยิ่งกว่าอากาศที่นี่เสียอีก หากไม่ใช่เพราะร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาแล้ว เขาคงโดนมันเผาไป แม้แต่นิ้วของเขาก็ยังรู้สึกร้อนไปด้วย และตอนที่โยนหญ้าทิ้งลงไปที่พื้นนั้น สีของมันก็ได้จางหายไปก่อนที่จะกลายเป็นเถ้าไปทันที
เมื่อเห็นแบบนั้น หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับที่นี่ เขายังเดินต่อไปเพื่อพยายามดูว่าที่นี่มีอะไรต่างจากด้านนอกบ้าง
กรร
ตอนที่หวังเย่าเดินเข้ามา ไม่ไกลนักก็มีเสียงคำรามดังขึ้น
ตรงหน้าเขามีกลุ่มสัตว์อสูรประมาณ 20-30 ตัว พวกมันเลเวลแค่ 110 ความแข็งแกร่งระดับนี้ไม่ได้เป็นภัยต่อหวังเย่า แต่สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ได้สนใจเรื่องความแข็งแกร่งของเป้าหมาย
ตราบใดที่รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังชีวิตแล้ว พวกมันก็ไม่ลังเลที่จะโจมตี เมื่อรับรู้ตัวตนของหวังเย่า พวกมันจึงแห่กันเข้ามาหาเขาทันที
ตอนที่สัตว์อสูรเหล่านี้พุ่งมาตรงหน้าของหวังเย่า ร่างของหวังเย่ากลับระเบิดเปลวไฟออกมา
ไฟสีแดงทองครอบคลุมตัวของเขาเอาไว้ ไฟหยินหยางได้ปิดกั้นคลื่นพลังชีวิตของเขาจนทำให้สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่อาจจะรับรู้ตัวตนของเขาได้ พลังที่ไฟแผ่ออกมานั้นราวกับไฟจากดวงอาทิตย์ มันทำให้สัตว์อสูรพากันร้องออกมาและแยกย้ายออกไป
“ที่อื่นอาจจะทำแบบนี้ไม่ได้ แต่ในชั้น 4 ไฟระดับนี้เพียงพอจะไล่สัตว์อสูรส่วนมากไปได้” หวังเย่าพอใจกับผลของไฟหยินหยางอย่างมาก
ตอนที่ช่วยพี่น้องตระกูลซู หวังเย่าก็พบว่าไฟหยินหยางนั้นสามารถไล่สัตว์อสูรเหล่านี้ได้ หลังจากที่ทดสอบอยู่หลายครั้งเขาก็รู้เหตุผลว่าทำไม ชั้นที่สี่นี้พลังของไฟไม่ว่าจะมาจากอุกกาบาต หรือมาจากพื้นดิน มันล้วนแต่กำเนิดขึ้นโดยพลังไฟ ดังนั้นสำหรับคนที่ฝึกฝนกฎไฟแล้ว บอกได้ว่าที่นี่คือสนามรบของพวกเขา ยิ่งใช้ไฟออกมาได้ระดับสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยับยั้งสัตว์อสูรที่นี่ได้มากเท่านั้น
ยิ่งเดินเข้ามาในหุบเขาลึกเท่าไหร่ หวังเย่าก็ยิ่งแปลกใจมากเท่านั้น เพราะฉากในหุบเขานี้ต่างจากโลกภายนอกไปอย่างสิ้นเชิง เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเป็นโลกเดียวกัน แต่นอกจากสีแดงก่ำที่แตกต่างแล้วที่นี่เหมือนไม่ใช่พื้นที่แห้งแล้ง แต่มันเต็มไปด้วยพลังชีวิต
เพราะมันมีทั้งต้นไม้และดอกไม้รวมถึงสัตว์อสูรอยู่จำนวนมาก กระเรียนที่ตัวใหญ่ยิ่งกว่าคน บินไปมาคอยพ่นไฟเผาสัตว์อสูรที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ด้านล่าง จงอยของมันยังคาบหัวของสัตว์อสูรและคอยสูบพลังของสัตว์อสูรเหล่านั้น
ต่อหน้ากระเรียนนี้แล้ว สัตว์อสูรที่นี่ไม่อาจจะต้านทานได้เลย พวกมันต้านทานได้ไม่นานก็โดนกระเรียนนี่จัดการและสูบพลังจนหมดตัว
หวังเย่ามองไปที่ฉากนั้นพร้อมกับสงสัยและกลัวในตัวกระเรียนนี้ขึ้นมา
เขาเดินเข้ามากว่า 10 ไมล์แล้ว ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรนั้นไม่น้อยกว่านักสู้เลเวล 130 เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจจะต้านทานกระเรียนไฟตัวนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือกระเรียนไฟกลับคอยสูบพลังงานจากตัวสัตว์อสูรไฟ ไม่ใช่แค่กระเรียนเท่านั้น แต่ยังมีสัตว์อื่น ๆ อย่างอินทรีย์, หมาป่า, จิ้งจอก, ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรไฟจะเป็นตัวตนที่ต่ำต้อยสุดในห่วงโซ่อาหารที่นี่
ระหว่างทาง หวังเย่าพบว่าจำนวนสัตว์อสูรไฟเพิ่มขึ้นมาจนน่าตกใจ เดินหน้าได้ไม่กี่ร้อยเมตร หวังเย่าก็พบกลุ่มสัตว์อสูรไฟแต่ละกลุ่มนั้นมีจำนวนหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน
เมื่อเห็นแบบนั้น หวังเย่าก็ยิ้มออกมา หากหยุนซีและคนอื่น ๆ ไล่ตามเข้ามาจริง ๆ แล้ว งั้นก็ไม่น่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่นี่ได้ง่าย ๆ
และมันก็เหมือนกับที่หวังเย่าคาดการณ์เอาไว้ หลังจากที่เข้ามาในหุบเขาแล้ว หยุนซีและคนอื่น ๆ ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าพวกเขาไม่อาจจะบินได้เพราะมีพลังที่แปลกประหลาดคอยดึงพวกเขาลงมา เมื่อพยายามจะขึ้นบิน พวกเขาก็พบว่าบินได้สูงสุดแค่ระยะไม่กี่เมตรเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นเป้าเดินได้ สัตว์อสูรใกล้ ๆ ต่างก็พากันแห่มาหาพวกเขา ในพริบตาก็มีสัตว์อสูรไฟหลายร้อยตัวพุ่งเข้าไปหาพวกเขา
“ที่นี่มีสัตว์อสูรไฟมากเกินไป ฉันคิดว่าเราควรออกจากที่นี่จะดีกว่า”
หยุนซีมองไปด้านหน้าแล้วพึมพำออกมา “สัตว์อสูรไฟพวกนี้ไม่ได้แกร่งอะไร มันไม่ได้เป็นภัยต่อเราเลยสักนิด เดินหน้าต่อ ฉันไม่เชื่อว่าเด็กนั่นจะไม่โดนสัตว์อสูรไฟพวกนี้ล้อมเอาไว้ ! ”