ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 744 : เขตดาวโบไลด์ – โจม
ตอนที่ 744 : เขตดาวโบไลด์ – โจมตี
ในตอนนั้นทหารรับจ้างหลายคนได้เข้ามาขวางทางหวังเย่าเอาไว้ไม่ให้หนี เมื่อหันกลับไปมองก็พบกับทหารคนอื่น ๆ โผล่มาจากด้านหลังและปิดทุกเส้นทางของเขา
หวังเย่าจึงพูดขึ้นมา “ถ้าพวกแกอยากช่วยคนนัก พวกแกก็ไปช่วยเอง ทำไมต้องให้ฉันที่ตัวคนเดียวเข้าไปเสี่ยงด้วย”
“เอาจริง ๆ แล้ว ถ้าแกส่งยอมสมบัติทั้งหมดที่แกมีมาให้กับเรา เราก็จะยอมปล่อยแกไปก็ได้ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วดูจากสถานการณ์ เราก็ไม่รังเกียจที่จะให้แกสู้กับสัตว์อสูรพวกนั้น” ทหารวัยกลางคนที่นำหน้าได้พูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็รู้ว่าทหารพวกนี้คอยดักโจมตีพวกคนที่ผ่านไปมา ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะโดนทหารกักตัวไว้ที่นี่
“แล้วนายเป็นคนจากกองกำลังไหน ? พวกนายไม่กลัวว่าจะทำให้ชื่อเสียงของกองกำลังพวกนายเสื่อมเสียหรือไง ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
พวกทหารต่างก็พากันหัวเราะออกมา หนึ่งในนั้นได้พูดขึ้นมา “กองกำลังทหารควันของเราสนใจเรื่องชื่อเสียงที่ไหน ? แกนี่มันเด็กจริง ๆ ในเมื่อเรากล้าทำแบบนี้ เราจะสนชื่อเสียงไปทำไม ที่เราสนใจคือสมบัติที่แกมีต่างหาก เราให้เวลาแก 10 วินาที ส่งสมบัติทั้งหมดที่มีมา แล้วเราจะปล่อยแกไป”
ตอนนั้นหวังเย่ายกมือขึ้นพร้อมกับผลไม้ที่ปรากฏขึ้นมาในมือ ก่อนจะพูด “ของนี่น่าจะเพียงพอกับค่าผ่านทางได้”
เมื่อเห็นผลไม้ในมือของหวังเย่า เหล่าทหารก็เบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ ทหารคนหนึ่งชี้ไปที่ผลไม้ในมือแล้วพูดขึ้น “พี่น้อง ผลนี่ดูเหมือนจะเป็นผลสมองราชาภูติ มันสามารถพัฒนาเลเวลสัตว์อสูรของเราขึ้นมาได้”
ทหารคนอื่น ๆ มองไปที่ผลสมองราชาภูติในมือของหวังเย่า บางคนก็แทบทำใจเชื่อไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มจะมีผลไม้ที่ล้ำค่าแบบนี้อยู่ ทหารคนหนึ่งจึงพูดออกมา “นี่เป็นของที่ดี มันเพียงพอที่จะแลกชีวิตของแกได้” เขาหันกลับแล้วพูดต่อ “แต่แกจะปล่อยให้คนด้านล่างตายจริง ๆ หรือ ? แกมีสมบัติเท่าไหร่ อย่าให้เราต้องบังคับเลย แกเอามันออกมาเองจะดีกว่า เมื่อแกเอาผลสมองราชาภูติออกมาได้ งั้นแกก็ต้องมีสมบัติที่มีค่ามากกว่านี้”
“พวกแกนี่โลภมากกันจริงๆ ผลสมองราชาภูตินี่มีค่าอย่างมาก ผลสมองราชาภูติแค่ผลเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะแลกกับชีวิตของพวกเขา พวกแกยังไม่พอใจอีกหรือ ? ” หวังเย่าถอนหายใจออกมา
เขาเก็บผลสมองราชาภูติและมองไปที่เหล่าทหารตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้น “เมื่อพวกแกให้เวลาฉัน 10 วินาที งั้นฉันก็จะให้เวลาพวกแก 10 วินาทีเหมือนกัน ถ้าพวกแกหนีจากที่นี่ได้ใน 10 วินาที ฉันจะปล่อยพวกแกไป”
“เฮ้ยพวก เด็กนี่มันโง่ว่ะ มันกล้าพูดแบบนี้กับเราด้วย ! ” ทหารคนหนึ่งมองหวังเย่าราวกับมองคนโง่
มีแค่ชายวัยกลางคนที่ไม่ได้หัวเราะออกมา เขามองไปที่หวังเย่าอย่างพิจารณา การที่จะพูดแบบนี้ออกมาได้ หากไม่ใช่คนโง่แล้วก็ต้องมีอะไรที่พึ่งพาได้จริง ๆ ชายวัยกลางคนไม่ได้โง่เหมือนกับคนอื่น ๆ เขาบอกได้ว่าเด็กนี่มีของที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญอยู่กับตัว นั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา หากไม่ได้แข็งแกร่งก็ต้องมีฐานะที่ร่ำรวย ด้วยประสบการณ์หลายปีในจักรวาลแล้ว สัญชาตญาณของเขาบอกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น พวกเขาไม่ควรไปหาเรื่องอีกฝ่าย แต่ในฐานะผู้ใช้อสูรแล้ว การที่จะให้สัตว์อสูรของเขาพัฒนาขึ้นมาได้นั้น หากได้ผลสมองราชาภูติไป มันก็จะช่วยลดเวลาในการเพิ่มเลเวลได้อย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะส่งมันให้กับหัวหน้า แต่ก็ยังได้รับรางวัลตอบแทนกลับมาอยู่ดี เมื่อคิดแบบนั้น ชายวัยกลางคนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก และได้บอกกับทหารคนอื่นๆ “ในเมื่อเขาไม่คิดให้ความร่วมมือ งั้นเราคงต้องสั่งสอนเขาแล้ว ! ”
ทหารคนอื่น ๆ พุ่งเข้าใส่หวังเย่าทันที หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ลนลานอะไร ไฟหยินหยางได้ลุกไหม้ขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่ทหารที่อยู่ด้านหน้า ทหารเหล่านี้เลเวลไม่ถึง 130 กฎไฟของหวังเย่ามีเลเวลที่สูงกว่า ต่อหน้าไฟที่รุนแรงแบบนี้แล้ว ทหารเหล่านี้จึงไม่อาจจะต้านทานได้เลย
ทหารด้านหลังที่เห็นแบบนั้นก็พากันหวาดกลัวขึ้นมา พวกเขารีบถอยกลับไปแต่มันสายเกินไปแล้ว ในพริบตา หวังเย่าก็โผล่ไปอยู่ที่ด้านหลังของทหารคนหนึ่ง และจับคออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะตัดศีรษะอีกฝ่ายทิ้งทันที
ทหารคนอื่น ๆ พากันใจหายวูบและรีบถอยกลับมา พวกเขาคิดว่าพวกเขาปลอดภัยกันแล้ว แต่ก่อนที่จะได้ถอนหายใจออกมาก็พบกับเงาของฉลามไฟพุ่งเข้ามากลืนกินพวกเขาไป ทหารพวกนั้นยังไม่ทันได้กรีดร้องออกมา ก็ต้องตายตามเพื่อนตัวเองไปในที่สุด
ตอนแรกคนพวกนี้มีมากกว่า 10 คน แต่แค่ไม่กี่อึดใจคนส่วนมากก็ได้รับบาดเจ็บหนักและตายไปแล้ว
ชายวัยกลางคนรู้ได้ทันทีว่าหวังเย่านั้นแข็งแกร่ง
“เจ้าหนุ่ม เราคือกองกำลังทหารควัน เรื่องนี้เป็นความผิดของเราเอง ยกโทษให้กับเราด้วย ถ้าคุณปล่อยเราไป เราจะไม่ถือสาเรื่องในวันนี้” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมา
“ฉันให้โอกาสพวกแกมานานแล้ว แต่พวกแกไม่รักษามันไว้เอง” หวังเย่าไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่าย หลังจากที่จัดการทหารคนหนึ่งเสร็จ เขาก็หันไปจัดการกับคนอื่นต่อ
ทหารที่เหลือ 4-5 คนรวมตัวกันรอบชายวัยกลางคน และมองมาที่เด็กหนุ่มที่เหมือนกับปีศาจตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มที่ดูธรรมดาคนนี้ จะฆ่าพวกเขาได้อย่างไร้ปราณีแบบนี้ได้
ชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดของหวังเย่าก็สีหน้าหม่นลง ก่อนจะพูดขึ้น “นี่เท่ากับการหาเรื่องกองกำลังทหารควันไปด้วย นายมั่นใจนะ ? ”
“มันไม่ใช่ว่าฉันไปหาเรื่องพวกแก แต่เป็นพวกแกต่างหากที่มาหาเรื่องฉัน ฉันต้องปล่อยพวกแกไปอีกงั้นหรือ ทั้งที่ให้โอกาสแล้วแท้ ๆ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
ต่อมา ก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัว หวังเย่าก็ได้ต่อยออกไป
ปัง !
ชายวัยกลางคนรู้ตัวช้าเกินไป ตอนนั้นหมัดของหวังเย่าได้พุ่งเข้ามาใกล้ตัวของเขา ก่อนที่ตัวของเขาจะระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด แม้ว่าเขาจะเลเวลสูงกว่าหวังเย่า แต่ร่างกายของหวังเย่าในตอนนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์อสูรเลเวลเท่ากันเลย เขาสามารถแสดงพลังที่เหนือกว่าเลเวลออกมาได้
ทหารคนอื่น ๆ ไม่กล้ารอช้า พวกเขาพากันกรีดร้องและหนีออกไป แต่หวังเย่าไม่คิดปล่อยคนเหล่านี้ไป เมื่อเขาได้ลงมือแล้ว เขาก็ไม่คิดจะหยุดจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบ แทนที่จะปล่อยให้พวกนี้กลับไปฟ้องพวกของตัวเองแล้ว เขาเลือกที่จะจัดการพวกนี้ทิ้งให้หมดจะดีกว่า
แค่ 10 วินาที ร่างของทหารทุกคนก็ต้องร่วงลงจากอากาศ ทีมทหารนี้ถูกหวังเย่าจัดการหมดทุกคน
อ๊า !
เสียงกรีดร้องจากด้านล่างดังขึ้น หวังเย่าก้มลงไปมองก็พบว่ากลุ่มคนที่กำลังวิ่งหนีมานั้นโดนไล่ล่าโดยสัตว์อสูรอยู่
เมื่อเห็นชายหญิงที่โดนสัตว์อสูรไล่ตาม สุดท้ายหวังเย่าก็เลือกที่จะช่วยทั้งสองคน
ตูม !
สัตว์อสูรที่ไล่ตามหลังมาโดนโยนลงอัดกับพื้น ร่างไฟของมันแตกออก ก่อนจะสลายไป
แต่สัตว์อสูรพวกนี้เสียสติไปแล้ว พวกมันไม่ได้สนใจชีวิต ความตายของเพื่อนไม่ได้ส่งผลต่อการกระทำของมันเลย หวังเย่าเพิ่งจะจัดการกับเพื่อนมันได้ แต่สัตว์อสูรตัวอื่นก็ยังวิ่งเข้าหา สัตว์อสูรเหล่านี้สามารถสูบเลือดจากตัวคนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองจนกว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะตาย แต่สำหรับหวังเย่าแล้ว ไฟของพวกมันทำอะไรเขาไม่ได้เลย ร่างกายของเขาคือไฟทีรุนแรงที่สุดในโลกนี้แล้ว ไฟส่วนมากล้วนแต่ด้อยกว่าไฟอาทิตย์ แม้แต่ไฟจากสัตว์อสูรเหล่านี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เขาต่อยออกไปหลายครั้งก่อนที่สัตว์อสูรที่พุ่งใส่เขาจะตัวระเบิดออก ไฟบนตัวพวกนั้นดับลงก่อนจะเผยร่างของศพแห้ง ๆ ให้เห็น
สัตว์อสูรตัวอื่นเห็นว่าไฟของหวังเย่ายับยั้งไฟของพวกมันได้ก็เกิดกลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ พวกนั้นหยุดไล่ตาม หลังจากที่ลังเลได้สักพักก็เริ่มพากันถอยกลับไป
สองพี่น้องคิดว่าจะต้องตายแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การปรากฏตัวของหวังเย่า ทำให้ทั้งสองได้เห็นความหวัง
ซูเสี่ยวซวนมองไปที่ด้านหลังและหยิกต้นขาของพี่อย่างแรงเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป
ซูเชิงเอามือจับต้นขาและมองไปที่น้องสาว ก่อนจะพูดขึ้น “เธอหยิกฉันทำไม ? ”
ซูเสี่ยวซวนพูดขึ้นมา “ฉันอยากยืนยันว่าไม่ได้ฝันไป”
“แล้วทำไมเธอถึงไม่หยิกตัวเอง..” ซูเชิงบ่นออกมาและมองไปที่น้อง จากนั้นเขาก็ขอบคุณหวังเย่า “ขอบคุณที่ช่วยพวกเรา ไม่รู้ว่าคุณชื่ออะไร”
หวังเย่ามองไปที่ทั้งสองคนก่อนจะโบกมือแล้วพูดขึ้น “อย่าใส่ใจเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ”
ทั้งสองมองไปที่หวังเย่า ไม่คิดเลยว่าคนที่ช่วยพวกเขาเอาไว้จะเป็นแค่เด็กหนุ่มที่อายุดูได้ต่างอะไรจากพวกเขาเลย
ส่วนเด็กสาวก็มองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าทึ่งราวกับได้เจอวีรบุรุษ