ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 741 : เขตดาวโบไลด์ - พบเพื่อนเก่า
ตอนที่ 741 : เขตดาวโบไลด์ – พบเพื่อนเก่า
เมื่อเห็นว่าฟู่หมิงสยบสัตว์อสูรได้ เจียงหยานและหยานเทียนก็ไม่ได้ดีใจอะไรนัก พวกเขาพากันมองสัตว์อสูรด้วยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา ครั้งที่แล้วสัตว์อสูรยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ แต่ก็ฆ่ายอดฝีมือไปได้หลายคน
แม้ว่าฟู่หมิงจะเป็นคนที่แข็งแกร่งในจักรวาล แต่ก็ไม่อาจจะสยบสัตว์อสูรนี้ได้ง่ายๆ แบบนี้แน่
และตอนนั้นเอง ที่ร่างของสัตว์อสูรกลับเปลี่ยนไป มันมีหัวสองหัวงอกออกมา ตอนนี้มันได้กลายเป็นงูสามหัวไปแล้ว
ทันทีที่หัวซ้ายงอกออกมา มันก็ได้ยิงสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ฟู่หมิง สายฟ้านี้รวดเร็วจนแทบไม่อาจจะหลบได้ในระยะใกล้ ก่อนหน้านี้ ผู้พิทักษ์เมฆที่โดนสายฟ้าเข้าไปก็ยังต้องบาดเจ็บหนัก และตอนนี้ฟู่หมิงกลับต้องมาเจอกับการโจมตีที่รุนแรงแบบนี้
แต่ฟู่หมิงระวังตัวอยู่ตลอด เขารู้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้สามารถเปลี่ยนร่างได้ สายฟ้านั้นโดนต้านเอาไว้ก่อนที่จะมีมือไฟขนาดใหญ่ตบเข้าที่หัวของมัน
หัวสีเทาที่อยู่ข้างขวาเห็นแบบนั้นก็ได้ยิงลำแสงออกมา อัดเข้าใส่ฝ่ามือไฟ ซึ่งทำให้ฝ่ามือนี้กลายเป็นหินไปในทันที
หลังจากที่แช่แข็งฝ่ามือไฟไปแล้ว ลำแสงก็ได้พุ่งเข้าใส่ฟู่หมิงต่อ จนทำให้ฟู่หมิงต้องถอยออกมาเพื่อหลบการโจมตีแต่สัตว์อสูรนั้นแค้นฟู่หมิงอย่างมากที่ทำกับมันก่อนหน้านี้ มันจึงได้ไล่ตามฟู่หมิงไป
ถึงตัวมันจะใหญ่แต่ก็รวดเร็วอย่างมาก ทุกครั้งที่ฟู่หมิงหลบการโจมตีได้ มันก็รีบไล่ตามทันที ความเร็วของทั้งฟู่หมิง และสัตว์อสูรต่างก็น่าทึ่งอย่างมาก พวกเขาเคลื่อนไหวได้ในพริบตา
หากไม่ใช่เพราะมิตินี้ใหญ่มากพอ งั้นกลัวว่าทั้งสองคงพุ่งทะลุออกที่ไปด้านนอกแล้ว ถึงที่นี่จะกว้างก็จริง แต่ด้วยร่างขนาดใหญ่ของสัตว์อสูรก็ทำให้การเคลื่อนไหวของมันโดนจำกัดอยู่บ้าง
สัตว์อสูรได้ใช้หางฟาดเข้าใส่ฟู่หมิงอยู่ตลอดเวลา แต่ก็โดนหลบได้จนหางของมันฟาดเข้ากับกำแพง และทำให้ภูเขาถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นก็เริ่มมีรอยร้าวกระจายไปทั่ว ทุกคนต่างก็ต้องพากันหลบเศษหินที่ตกลงมา เศษหินก้อนเล็ก ๆ ที่กระจายออกมานั้น ทำให้พวกคนที่เลเวลต่ำต่างก็พากันบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย
สัตว์อสูรไม่ได้ใส่ใจถ้ำที่เสียหายนัก มันคอยใช้กรงเล็บตะปบก้อนหินแล้วโยนเข้าใส่ฟู่หมิงทันที หัวที่อยู่ตรงกลางของมันก็คอยพ่นไอเย็นเข้าใส่เขาจนทำให้เขาโดนแช่แข็งไป
สัตว์อสูรอ้าปากของมันออกเพื่อที่จะกัดร่างของฟู่หมิงที่โดนแช่แข็ง แต่ในตอนวิกฤตนั้นไฟสีทองก็ได้ลุกไหม้ขึ้นมาเพื่อเผาน้ำแข็งทิ้ง ก่อนเขาจะหลบการโจมตีไปได้ทันเวลา
“ผู้อาวุโส คุณอยากให้คนของคุณตายที่นี่กันหมดรึไง ? ” ฟู่หมิงหันไปถามเจียงหยาน
สัตว์อสูรนี่แกร่งเกินไป แค่คนเดียวก็ยากที่จะสยบมันได้ โดยเฉพาะในชั้นใต้ดินแบบนี้ เพื่อที่จะไม่ทำลายค่ายกลเคลื่อนย้าย ฟู่หมิงจึงไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ เขาแค่พยายามที่จะยื้อเวลาเอาไว้ แต่ก็มีแค่เขาเท่านั้นที่ลงมือ คนอื่น ๆ กลับได้แต่ยืนนิ่งเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของฟู่หมิง เจียงหยานก็ไม่อยู่เฉย เขาโผล่ไปที่ด้านหลังของสัตว์อสูรแล้วทำการโจมตีทันที
สัตว์อสูรรับรู้ได้ถึงอันตรายที่อยู่ด้านหลัง ก็ได้หันกลับมาอ้าปากของมันก่อนจะทำการกลืนเจียงหยานเข้าไปทันที
“ผู้อาวุโส ! ” เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสของตัวเองโดนสัตว์อสูรกินไป คนของตระกูลเจียงต่างก็พากันแสดงสีหน้ากังวลออกมา
ฟู่หมิงใช้โอกาสนั้นรวบรวมไฟทองแล้วโจมตีเขาใส่หัวอีกข้างของสัตว์อสูรทันที
มันเกิดการระเบิดขึ้นพร้อมกับหัวสายฟ้าของสัตว์อสูรที่ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ
สัตว์อสูรร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะใช้กรงเล็บตะปบเข้าใส่ฟู่หมิงอีกรอบ
ในอีกด้าน หยานเทียนที่คอยป้องกันค่ายกลและคนอื่น ๆ อยู่นั้น ก็ได้ทำการลงมือโจมตีเพื่อช่วยฟู่หมิงกับเจียงหยาน ด้วย เขายกมือขึ้นพร้อมกับยันต์ที่โผล่ออกมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นจารึกสีดำ
จารึกขนาดเท่ากับฝ่ามือได้พุ่งออกไป ภายใต้การควบคุมของหยานเทียน จารึกนี้ก็กดลงที่ตัวของสัตว์อสูรเพื่อจะจำกัดการเคลื่อนไหวของมันไว้
แม้ว่าจารึกนี้จะมีขนาดไม่ถึง 1 ใน 10 ของสัตว์อสูร แต่ทันทีที่จารึกนี้ปรากฎขึ้นมา สัตว์อสูรก็หยุดชะงัก มันเหมือนกับกลัวจารึกนี้ ก่อนที่จะกระพือปีกของมันเพื่อสร้างพายุแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและหลบจารึกนี้ไปได้
พายุนี้รุนแรงอย่างมาก หยานเทียนและฟู่หมิงไม่กล้าที่จะประมาท พวกเขาจึงใช้จี้เทพของตนเพื่อกันพายุนี้เอาไว้ แต่จารึกก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น หยานเทียนยังควบคุมมันให้พุ่งผ่านพายุไล่ตามสัตว์อสูรไปต่อ
สัตว์อสูรคลั่งขึ้นมา มันยกหางของมันขึ้นเพื่อฟาดเข้าใส่จารึก จารึกสั่นไหวอย่างรุนแรงกับการโจมตีนี้ แต่แทนที่จะกระเด็นออก มันกลับยังพุ่งไล่ตามสัตว์อสูรต่อ มันทำให้สัตว์อสูรนั้นแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
เมื่อเห็นว่าจารึกนี้กำลังจะกดทับตัวของสัตว์อสูรได้ ฟู่หมิงก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขารีบหันไปบอกกับหยานเทียน “ระวังตัว ! มันหลอกเรา ! ”
ต่อมาหยานเทียนกลับปรากฏตัวขึ้นในจุดที่สัตว์อสูรอยู่แทน สัตว์อสูรกับเขากลับสลับตำแหน่งกัน
เมื่อเห็นแบบนั้น หวังเย่าก็ต้องแปลกใจและพึมพำออกมา “ใช้สกิลแบบนี้ได้ด้วยหรือ ? ”
สัตว์อสูรนี่ต้องแข็งแกร่งและมีสกิลที่ดีแค่ไหน ถึงได้เปลี่ยนตำแหน่งได้ตามใจตัวเองได้
“และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ลุงหยานเทียนนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจจะต้านสกิลนี้ได้เลย สัตว์อสูรนี่โดดเด่นจริง ๆ ”
ปัง !
จารึกอัดลงกับพื้นจนทำให้เกิดหลุมลึกขึ้นมา คนที่โดนจารึกนี้กดทับต้องแหลกเป็นเศษเนื้อแน่ หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะกังวล หยานเทียนใช้พลังแทบทั้งหมดไปกับจารึกนี้ แต่เขาต้องรับการโจมตีนี้ไว้เอง เขากังวลว่าหยานเทียนจะเป็นอะไรไป
ในตอนที่เขากังวลอยู่นั้น ก็มีร่างที่เปื้อนดินโผล่ออกมาจากหลุม หยานเทียนได้ปีนขึ้นมาจากหลุมในสภาพที่ตัวเต็มไปด้วยฝุ่น
“อึก ! ” เขากระอักเลือดออกมาแล้วมองไปที่สัตว์อสูรที่กำลังสู้กับฟู่หมิงอยู่ ก่อนจะพูดขึ้น “สัตว์อสูรนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ มันถึงกับกล้าหลอกฉัน วันนี้ฉันต้องเอาคืนให้ได้ ! ”
หัวอีกหัวของสัตว์อสูรได้ระเบิดออกพร้อมกับหมอกเลือดที่กระจายออกมา จากนั้นก็มีร่างหนึ่งโผล่มาจากหมอกเลือด นี่คือคนที่เพิ่งโดนกินไปเมื่อตะกี้ ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหนถึงหนีออกจากปากของสัตว์อสูรได้ แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายนั้นก็ไม่ได้น้อยเลย มือซ้ายของเขาแข็งเป็นหินไม่อาจจะขยับได้ ในตอนที่เขาหนีออกจากระยะการต่อสู้ระหว่างฟู่หมิงกับสัตว์อสูรมาได้นั้น เขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้มันง่าย ๆ อีก
สัตว์อสูรสามหัวเมื่อตะกี้ ตอนนี้โดนกำจัดจนเหลือแค่สองหัว จึงทำให้ความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของมันลดลงอย่างมาก ตอนนี้ฟู่หมิงจึงสามารถรับมือกับมันได้สบาย ๆ
คลื่นพลังงานที่แปลกประหลาดก่อตัวขึ้นจนทำให้ทุกคนหันไปสนใจ มันกลับเป็นคลื่นพลังงานที่ส่งผ่านมาจากค่ายกล ตอนนี้ค่ายกลได้เปิดทำงานแล้ว
เมื่อเห็นว่าค่ายกลทำงานแล้ว หวังเย่าและคนอื่น ๆ ก็แสดงสีหน้ายินดีออกมา
สัตว์อสูรรับรู้ได้ว่าค่ายกลทำงานแล้ว และเห็นว่าทุกคนพากันเดินไปที่ค่ายกลก็แสดงสายตาโกรธแค้นออกมาอีกครั้ง
มันดึงพลังกฎน้ำแข็งกลับมา แล้วบิดตัวก่อนจะพุ่งไปอยู่เหนือหัวของทุกคน
เมื่อเห็นว่าสัตว์อสูรได้พุ่งมาหาพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลเจียงหรือทหารเรือ ต่างก็รีบวิ่งไปที่ค่ายกลด้วยความกลัวกันทันที
หวังเย่าเองก็รู้สึกแย่ เขารีบวิ่งออกไปที่ค่ายกลทันที แต่เขาอยู่ไกลกว่าคนอื่น และตอนนั้นสัตว์อสูรก็ได้มาถึงตัวของเขาแล้ว
สัตว์อสูรดูจะหงุดหงิดอย่างมาก มันมองว่ามนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด มันได้ใช้กรงเล็บจับตัวหวังเย่าเอาไว้
แม้ว่าหวังเย่าพยายามที่จะหนีแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะหนีจากกรงเล็บของมันได้ และโดนสัตว์อสูรนั่นจับไป
หวังเย่ารู้สึกแค่ว่าโดนพลังอันแข็งแกร่งกดทับเอาไว้ กรงเล็บนี้ราวกับคีมเหล็กที่คีบตัวของเขาเอาไว้ไม่ให้หลุดง่าย ๆ
ชัดแล้วว่าสัตว์อสูรนี่คิดจะระบายความโกรธที่มีใส่เขา แค่พลังของมันเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนหวังเย่าให้กลายเป็นผงได้แล้ว
อย่ามองว่าร่างกายของเขาพัฒนาขึ้นมากว่าเดิมแล้ว ถึงจะดูแข็งแกร่งแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์อสูรนี้แล้ว เขาก็ไม่ต่างอะไรจากสำลีเลย
ตอนที่หวังเย่ากำลังสิ้นหวังและคิดว่าคงจะโดนสัตว์อสูรนี่ฆ่า เขากลับพบว่ามันกลับมองมาที่เขาแทน
ฟู่หมิงและหยานเทียนเห็นว่าหวังเย่าโดนสัตว์อสูรจับไป ก็พากันพุ่งเข้ามาเพื่อที่จะช่วยเขา
สัตว์อสูรมองไปยังทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะสะบัดปีกยิงกระสุนน้ำแข็งนับไม่ถ้วนเข้าใส่ทั้งสองคน ทั้งสองต้องชะงักเพราะการโจมตีนี้ ตอนที่พวกเขาชะงักนั้นก็โดนหางของสัตว์อสูรฟาดเข้าใส่จนทำให้กระเด็นไปที่ค่ายกลทันที
ตอนนั้นคนส่วนมากก็ได้เข้าไปในค่ายกลแล้ว พวกที่ยังไม่ได้เข้ามาในค่ายกลต่างก็โดนกระสุนน้ำแข็งไล่จนต้องรีบหนีตายไปที่ค่ายกล
เจียงหยานมองไปที่หวังเย่าที่โดนสัตว์อสูรจับ ก่อนจะพุ่งเข้าไปในค่ายกลทันที
หยูเจียและวานเซ่มองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้ากังวล พวกเขาอยากจะเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ สุดท้ายก็โดนลมที่เกิดจากการกระพือปีกของสัตว์อสูรพัดเข้าไปในค่ายกล
ตอนที่พวกเขาเข้าไปในค่ายกลนั้น พวกเขาก็หายตัวไปจากชั้นที่สามทันที
แสงจากค่ายกลได้จางหายไป พร้อมกับที่ทุกคนโดนส่งไปที่ชั้นสี่ เหลือแค่สัตว์อสูรกับหวังเย่าเท่านั้น ที่อยู่ที่นี่
สัตว์อสูรมองไปที่หวังเย่าด้วยสายตาแปลกใจ ก่อนจะพึมพำออกมา “ไม่คิดเลยว่าผ่านมาหลายปี แต่กลับต้องมาเจอกันในสภาพนี้”