ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 740 : เขตดาวโบไลด์ - ตัดผ่าน
ตอนที่ 740 : เขตดาวโบไลด์ – ตัดผ่าน
พื้นที่ด้านล่างถ้ำมังกรนั้นกว้างกว่าที่ทุกคนคาดเอาไว้อย่างมาก ตอนแรกคิดว่ามันน่าจะเป็นแค่ชั้นใต้ดินเท่านั้น แต่หลังจากที่เข้าไปด้านในแล้วทุกคนก็พบว่ามันกลับเป็นโลกใต้ดินแทน มันราวกับว่าภูเขาทั้งลูกนั้นเป็นโพรง กำแพงหินด้านบนสูงหลายพันฟุต ขนาดของมิติแห่งนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองเมืองหนึ่งเลย
แต่สิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือ ถ้ำนี้ไม่ได้มีความหนาวเย็นแต่อย่างใด มันมีแค่อากาศที่เย็นสบายเท่านั้น
“ที่นี่คือจุดเชื่อม มันเต็มไปด้วยพลังหยางแต่ไม่ได้ส่งผลต่อมนุษย์” หยานเทียนพูดขึ้น เขาดูไม่ได้แปลกใจกับที่นี่เลย
เมื่อฟู่หมิงดับไฟลง ทุกคนก็รู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้หนาวเย็นอะไรแต่กลับอบอุ่นแทน
และเมื่อหวังเย่าลองก้มลงไปแตะที่พื้น ก็พบว่าหินที่นี่กลับอุ่น งั้นมันก็น่าจะเป็นจุดเชื่อมตามที่หยานเทียนบอกมาจริง ๆ
ชั้นใต้ดินแห่งนี้ไม่มีอะไรอยู่นอกจากพื้นดิน และมันก็มีแค่รูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ใจกลางถ้ำก็เท่านั้น
รูปปั้นนี้สูงกว่าร้อยฟุต มันดูราวกับราชันที่ยิ่งใหญ่
“เขาเป็นใคร ? ” หวังเย่ามองไปที่รูปปั้น แล้วถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“นี่คือเจ้าของสัตว์อสูรตัวนั้น” หยานเทียนมองไปที่รูปปั้นแล้วแสดงสายตาเหม่อลอยออกมา
“เจ้านายของมันงั้นหรือ ? ” วานเซ่แปลกใจ ไม่คิดเลยว่างูที่ดุดันแบบนี้จะมีเจ้าของด้วย
หวังเย่ามองที่รูปปั้นแล้วถามขึ้นมา “แล้วทำไมรูปปั้นถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ ? ”
“ใช่ เพราะรูปปั้นนี้จะสร้างความวุ่นวายขึ้นมา และคนที่สร้างมันขึ้นมาก็ดูเหมือนว่าจะจงใจทำแบบนี้ จึงไม่ได้นำมันออกไปยังโลกภายนอก” หยานเทียนพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน “คนที่สร้างรูปปั้นนี้ขึ้นมาได้ต้องเป็นคนที่เก่งกาจอย่างมากแน่ ๆ เพราะแม้แต่นักสร้างที่โด่งดังที่สุดก็ยังไม่อาจจะอธิบายความสามารถของเขาได้”
เจียงหยาน มองไปที่รูปปั้นตรงหน้าและเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา จากนั้นเขาก็แสดงท่าทีโกรธแค้นและไม่พอใจออกมา
เมื่อได้ยินที่พวกนั้นพูดคุยกัน เจียงหยานก็ได้พูดด้วยท่าทีเฉยเมย “เราต้องเปิดการทำงานค่ายกลเคลื่อนย้ายโดยเร็วที่สุด ไม่งั้นถ้าสัตว์อสูรนั่นกลับมาแล้ว เรามีปัญหาแน่ ! ”
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นอยู่ที่เท้าของรูปปั้น ระยะ 100 ฟุตจากรูปปั้นนั้นล้วนแต่เป็นค่ายกล ตามที่ฟู่หมิงบอกมาแล้ว วิธีการเปิดค่ายกลนั้นง่าย มันแค่ต้องการพลังงานก็เท่านั้น
เจียงหยานเอาผลึกพลังงานออกมาและวางไว้ที่ลานหินตรงหน้ารูปปั้น ทันใดนั้นพลังงานในผลึกก็ถูกดึงออกแล้วกระจายไปทั่วค่ายกล พร้อมกับเปิดการทำงานของค่ายกลขึ้นมาทันที
“ใช้เวลาสักพักกว่าที่ค่ายกลขนาดใหญ่แบบนี้จะทำงาน เราต้องรอประมาณ 15 นาที ค่ายกลถึงจะเปิดทำงานได้อย่างสมบูรณ์” ฟู่หมิงพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของฟู่หมิง หวังเย่าก็รู้แล้วว่าทำไมพวกเขาถึงต้องเข้ามาในรังนี้ตอนที่สัตว์อสูรออกไป ไม่งั้นแล้วหากมีผู้พิทักษ์อยู่ที่ แม้แต่คนแข็งแกร่งอย่างฟู่หมิงและคนอื่น ๆ ร่วมมือกันก็อาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะการจะยื้อเวลาเอาไว้กว่า 15 นาทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อเห็นค่ายกลแต่ละส่วนเริ่มทำงาน ทุกคนต่างก็พากันเครียดไปตาม เพราะก่อนหน้านี้ด้านนอกมีการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรกับตระกูลจี ฟู่หมิงยังบอกว่าสัตว์อสูรรู้แล้วว่าพวกเขาได้เข้ามาในถ้ำ มันคงรีบกลับมาที่นี่โดยเร็วที่สุด และอีกไม่นานก็คงจะมาถึง
“หวังว่าตระกูลจีจะยื้อสัตว์อสูรนั่นได้บ้าง และคงไม่โดนวิญญาณสัตว์อสูรนั่นจัดการในคราวเดียวหรอกนะ” วานเซ่พึมพำออกมา
ในตอนที่ทุกคนกำลังพูดกันอยู่นั้น ก็มีคลื่นพลังงานพุ่งตัดผ่านเข้ามาในถ้ำ คลื่นพลังนี้รุนแรงอย่างมาก ที่แม้แต่วานเซ่ก็ยังต้องตกตะลึง
คลื่นพลังนี้กดดันยิ่งกว่าแรงกดดันที่แผ่ออกมาก่อนหน้านี้เสียอีก หลายคนตัวแข็งทื่อและล้มลงไปกองกับพื้น
โชคยังดีที่พวกเขาอยู่ห่างจากถ้ำมาไกลแล้ว คลื่นพลังนี้จึงไม่อาจจะทำอันตรายต่อพวกเขาได้มาก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงอันตราย
“สัตว์อสูรนั่นน่าจะสลัดตระกูลจีได้แล้ว พวกโง่นั่นทำให้สัตว์อสูรโกรธ” ฟู่หมิงพูดขึ้นมา “ตอนนี้สัตว์อสูรได้กลับมาแล้ว เราต้องเตรียมตัวเอาไว้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันกังวลขึ้นไปตาม แม้แต่ตระกูลจีที่คิดจะจับสัตว์อสูรนั่นก็ไม่อาจจะทำได้ ตอนนี้สัตว์อสูรกำลังมุ่งหน้ากลับมาที่รัง มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าวิญญาณสัตว์อสูรนี้จะมีวิธีอะไรบ้างในการเพิ่มพลังของตัวเองเมื่ออยู่ในรังของมัน ก่อนหน้านี้แม้แต่คนจากหลายกองกำลังร่วมมือกันก็ยังแทบไม่อาจจะรับมือมันได้ มันยังฆ่าคนไปได้หลายร้อยคน
แต่เมื่อเห็นยอดฝีมือทั้งสามอยู่ที่นี่ ทุกคนต่างก็พากันโล่งอกขึ้นมาบ้าง แม้ว่าสัตว์อสูรตัวนั้นจะแข็งแกร่ง แต่บางทีมันอาจจะหยุดพวกเขาไม่ได้
เมื่อเห็นค่ายกลเริ่มทำงาน ทุกคนต่างก็พากันภาวนาในใจ หวังว่าจะไปยังขั้นต่อไปได้ก่อนที่สัตว์อสูรจะกลับมา
แต่โชคร้ายที่ความเร็วของสัตว์อสูรนั้นมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก คลื่นพลังแผ่ออกมาได้ไม่นานก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาจากด้านนอกถ้ำ ราวกับว่าสัตว์ประหลาดกำลังมาเยือน
ในพริบตา หวังเย่าก็รู้สึกว่าทางเข้าชั้นใต้ดินนั้นมีเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา
ร่างของสัตว์อสูรได้เดินเข้ามาในทางเดิน เมื่อเห็นว่าทุกคนยืนอยู่ใกล้กับค่ายกล มันก็แสดงสายตาโกรธแค้นออกมา ปีกของมันกระพือไปมา หางได้ฟาดเข้าใส่ทุกคนด้วยแรงมหาศาลเกินกว่าที่ใครจะคาดถึง
ผู้คนไม่กล้ารับการโจมตีเอาไว้จนต้องรีบถอยกลับมาทันที แต่ก็มีหลายคนที่ตอบโต้ได้ช้าและโดนหางของมันฟาดเข้าใส่อย่างจัง พวกเขายังไม่ทันได้กรีดร้องอะไรออกมา ตัวก็ได้ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดไปในทันที
ชัดแล้วว่าสัตว์อสูรนี้จะไม่หยุดแค่การฆ่าคนไม่กี่คน ก่อนหน้านี้ตระกูลจีได้หาเรื่องมัน มันก็ได้ฆ่าคนในตระกูลจีไปจำนวนมาก เมื่อเห็นมนุษย์เข้ามาในรังของมันและเปิดการทำงานของค่ายกล ก็พอจะเดาได้ว่ามันจะโกรธแค้นแค่ไหน
หน้าที่ของมันคือดูแลค่ายกลนี้กันไม่ให้ใครเข้าไปยังขั้นต่อไปได้
แต่ตอนนี้ค่ายกลที่มันดูแลกลับเริ่มทำงานแล้ว มันได้อ้าปากของมันออกแล้วเริ่มดูดพลังงานออกจากค่ายกลอย่างต่อเนื่อง
เมื่อไม่มีพลังงานคอยสนับสนุน ความเร็วในการเปิดการทำงานของค่ายกลก็หยุดลง แสงที่จุดเชื่อมเริ่มหม่นลงก่อนจะหยุดทำงานไปในที่สุด เมื่อเห็นแบบนั้นหยานเทียนก็ถึงกับอึ้ง เขาไม่คิดเลยว่าสัตว์อสูรนี่จะมีความสามารถในการดูดพลังงานจากค่ายกลได้
“ เราต้องหยุดมันไว้ เราไม่อาจจะปล่อยให้มันหยุดการทำงานของค่ายกลได้” ฟู่หมิงบอกกับเจียงหยานและหยานเทียน
ฟู่หมิงเริ่มเปิดฉากก่อน มันมีไฟลุกไหม้รอบตัวของเขา ก่อนจะอัดแน่นจนเป็นรูปดอกบัว พุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรทันที
ทันทีที่ดอกบัวไฟปรากฏขึ้นมา อุณหภูมิก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ดอกบัวสีแดงได้ระเบิดขึ้นที่หัวของสัตว์อสูรเพื่อขัดการเคลื่อนไหวของมัน
พลังของดอกบัวนี้รุนแรงอย่างมาก แม้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้จะแข็งแกร่งแต่ก็ยากจะรับพลังของดอกบัวไฟแบบซึ่งหน้าได้
ไฟได้ลุกไหม้และเผาเกล็ดของมันจนกลายเป็นสีดำ แต่การป้องกันของสัตว์อสูรนี้ก็น่าทึ่งอย่างมาก การโจมตีที่เพียงพอจะฆ่าสัตว์อสูรทั่วไปในพริบตาได้ แต่กลับไม่อาจจะทำให้สัตว์อสูรนี่บาดเจ็บมากนัก
เมื่อการดูดพลังของสัตว์อสูรโดนขัด มันก็หันไปสนใจฟู่หมิงทันที เมื่อเห็นความแข็งแกร่งของฟู่หมิง สายตาของมันก็แสดงความกลัวออกมาเล็กน้อย มันรู้ว่ามนุษย์คนนี้ต่างจากมนุษย์คนอื่นที่มันเคยเจอมา
“ฉันไม่อยากทำร้ายแก แกแค่ต้องปล่อยเราออกจากที่นี่” ฟู่หมิงพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของฟู่หมิง สัตว์อสูรก็คำรามออกมาก่อนจะพ่นหมอกเข้าใส่ฟู่หมิง
พลังของหมอกนี้ทุกคนเคยเห็นมาแล้ว ยอดฝีมือหลายคนโดนหมอกนี้กลืนกินไป ไม่ว่าหมอกนี้จะผ่านไปที่ไหนก็ต้องโดนกัดกร่อน แม้แต่ก้อนหินก็ยังแหลกกลายเป็นผง พื้นที่ที่ฟู่หมิงเคยยืนอยู่ก็ได้กลายเป็นหลุมไปในพริบตา
เป้าหมายของสัตว์อสูรไม่ใช่แค่ฟู่หมิงแต่เป็นทุกคนที่นั่น เมื่อหมอกพุ่งเข้ามาใกล้ทุกคนก็มีแสงสีเขียวพุ่งลงมาจากฟ้าส่องประกายใส่หมอก แสงนี้ได้ต้านทานหมอกเอาไว้และทำให้หมอกนั้นสลายไปในทันทีที่สัมผัสกับแสงสีเขียวนี้
ในหมอกที่ยังไม่ได้สลายไป ก็มีไฟลุกไหม้ขึ้นมาก่อนจะลามออกไปทั่ว มันทำให้เพดานของถ้ำนี้เต็มไปด้วยไฟ ไม่ว่าที่ไหนมีเมฆที่นั่นก็จะมีไฟ นี่คือไฟทอง ไฟที่สามารถเผาทุกอย่างในโลกได้
แม้แต่หมอกพิษของสัตว์อสูรเองก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย ต่อหน้ากฎไฟที่เลเวล 190 แล้ว แค่หนึ่งถึงสองอึดใจก็ทำลายหมอกนี้ได้แล้ว
สัตว์อสูรเห็นว่าหมอกพิษของมันไม่อาจจะทำอะไรได้ ก็ได้ยกกรงเล็บขึ้นก่อนจะฟาดลงมา ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของสัตว์อสูร แม้แต่ฟู่หมิงก็ยังไม่กล้ารับการโจมตีไว้โดยตรง ตอนที่กรงเล็บกำลังจะฟาดเข้าใส่ตัวเขา เขาก็กลายเป็นเปลวไฟก่อนจะหายไปจากที่นั่นในทันที
ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ได้ไปยืนอยู่บนหัวของสัตว์อสูรแล้ว ตอนนั้นเขาก็ใช้มือข้างหนึ่งกดลงไปที่หัวของมันก่อนจะมีไฟอันรุนแรงปะทุออกมาจากมือ
เมื่อไฟนี้ระเบิดออกมามันก็ได้เผาไหม้หัวของสัตว์อสูรทันที ภายใต้เปลวไฟนี้ สัตว์อสูรได้กรีดร้องออกมา มันบิดตัวไปมาและพุ่งอัดเข้ากับกำแพงจนทำให้กำแพงเริ่มที่จะร้าว
เมื่อเห็นฟู่หมิงยื้อสัตว์อสูรเอาไว้ได้ ทุกคนก็พากันโห่ร้องออกมาราวกับว่าสัตว์อสูรนี่ไม่ได้น่ากลัวแบบที่พวกเขาคิดเอาไว้