ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 739 : เขตดาวโบไลด์ – สัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง
ตอนที่ 739 : เขตดาวโบไลด์ – สัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง
“มันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงอยู่แล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะฆ่ามัน เราเสียพลังไปมาก หลายคนตายและบาดเจ็บแล้ว ทำไมแม่ถึงยังคิดจะเสียเวลาต่อ” จีเหอถามขึ้นมา
แม้ว่าพวกเขาจะยื้อสัตว์อสูรตัวนี้ไว้ได้ชั่วคราว แต่ก็เสียคนในระดับที่คาดไม่ถึง ตอนนี้คนของตระกูลจีที่เลเวลไม่ถึง 150 ต่างก็โดนฆ่ากันหมด คนที่เหลือล้วนแต่บาดเจ็บ
“ไม่ต้องกังวล สัตว์อสูรนี่โดนยับยั้งโดยผู้ดูแล แม้ว่ามันจะมีความสามารถที่สูง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสลัดการจำกัดได้ในเวลาอันสั้น ถ้าจับตัวมันมาได้ งั้นมันจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตระกูลจีอย่างมาก” จีเฟยมองไปที่สัตว์อสูรที่โดนโซ่ล่ามเอาไว้ก็พูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ
จีเหอมองไปที่สัตว์อสูรและรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ทักษะของผู้ดูแลจะสามารถสยบสัตว์อสูรนี่ได้ง่าย ๆ จริง ๆ หรือ ?
จีเฟยได้ควบคุมค่ายกลทำให้โซ่สีทองนั้นเริ่มรัดตัวสัตว์อสูรแน่นขึ้นจนทำให้เลือดของมันไหลออกมา พลังวิญญาณโดนดึงออกมาจากตัวสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าวิญญาณของมันคงไม่อาจจะต้านทานได้นาน
“ไม่คิดเลยว่าฉันจะมีโอกาสได้วิญญาณที่แข็งแกร่งแบบนี้มา ถ้าจับตัวมาได้และใส่วิญญาณของมันเข้าไปในร่างกายของฉัน งั้นไม่ว่าฟู่หมิงรึเหอเจียร่วมมือกัน แต่ก็ไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันได้” จีเฟยมองไปที่วิญญาณสัตว์อสูรตรงหน้าด้วยความโลภ
เขาเดินเข้าไปในค่ายกลแล้วดึงเอาเกล็ดของสัตว์อสูรออกมา จนทำให้รู้สึกได้ถึงพลังวิญาณอันน่ากลัวของมัน จากนั้นเขาก็แสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา
เมื่อจีเหอเห็นแบบนั้นก็รีบเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น “ท่านแม่ แม้ว่าจีเฟยจะรับวิญญาณสัตว์อสูรนี้เข้าไปในตัวได้ แต่เขาอาจไม่คิดจะทำงานให้ตระกูลจีต่อ มันอาจจะเป็นปัญหากับเรา”
“ไม่ต้องกังวล เมื่อเขากล้ารับวิญญาณสัตว์อสูรนี่เข้าไปในตัว งั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหักหลังเรา” บรรพชนจีพูดขึ้นมา
จีเฟยได้ควบคุมค่ายกลให้ดึงพลังของสัตว์อสูรออกมาอย่างต่อเนื่องผ่านโซ่ ไม่นานพลังนั้นก็รวมตัวกันเป็นเส้นสีทอง เขาได้ใช้ปลายเส้นพลังนี้แทงเข้าไปในหัวใจของเขา จากนั้นเลือดของเขาก็ไหลตามเส้นพลังจนย้อมให้มันเป็นสีแดง แสงสีแดงนี้ก็ค่อย ๆ ไหลเข้าไปในหัวใจสัตว์อสูร
“การดึงวิญญาณ ตราบใดที่ฉันทิ้งตราวิญญาณไว้ในตัวแก งั้นไม่ว่าแกจะมีพลังมากแค่ไหนแต่ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน” จีเฟยพูดขึ้นมา
แต่เขาไม่เห็นเลยว่าตอนที่เขากำลังทำอยู่นั้น สัตว์อสูรได้เผยสายตาไม่พอใจออกมา
ตอนที่แสงสีแดงจะไหลเข้าไปในตัวสัตว์อสูร สัตว์อสูรกลับลืมตาขึ้นและมองจีเฟยด้วยสายตาเยาะเย้ย
กรร !
มันได้คำรามออกมาพร้อมกับโซ่ที่สั่นไหว โซ่ที่มัดมันอยู่เริ่มสั่นไหวไปมาเหมือนจะยื้อไม่ไหว
จีเฟยเห็นแบบนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไป เขาพยายามควบคุมเส้นพลังของตัวเองก่อนจะบอกกับคนตระกูลจีรอบตัว “รักษาค่ายกลเอาไว้ ! ทุกคนยื้อเอาไว้ อย่าให้มันสลัดโซ่ออกมาได้”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงแตกหักดังขึ้นมา โซ่สีทองที่รัดสัตว์อสูรเอาไว้แตกออกเป็นชิ้น ๆ มันขาดการเชื่อมต่อกับค่ายกล จุดพลังงานอยู่นอกการควบคุมทันที
“มันหลุดออกมาแล้ว ! ” เมื่อเห็นว่าสัตว์อสูรแทบจะหลุดออกไปได้ จีเฟยก็รู้ว่ามันยากแล้วที่จะจับวิญญาณสัตว์อสูรตรงหน้าได้
สุดท้ายสัตว์อสูรก็ได้อิสระกลับมา แผลที่ตัวฟื้นฟูขึ้นมาด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า มันกางปีกออกก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนที่มันบินออกไปนั้นมันก็ได้พ่นคลื่นพลังออกมา พื้นดินด้านล่างกลับระเบิดออกเพราะคลื่นพลังนี้ทันที
ด้วยพลังอันน่ากลัวที่พุ่งลงมานี้ทำให้มิตินี้ถึงกับต้องสั่นไหว หลังจากนั้นไม่นานคลื่นพลังงานก็กระจายไปทุกทิศทาง มันได้ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
พื้นดินและหินแตกออกเป็นส่วน ๆ พื้นดินแยกตัวออกจากกัน ภูเขารอบข้างถึงกับถล่มเพราะคลื่นพลังนี้ แม้แต่ท้องฟ้าก็ถึงกับสั่นไหวและแยกออก
บรรพชนจีเห็นแบบนั้นก็รู้ว่าอันตราย เธอได้สั่งให้คนของตระกูลมาหลบอยู่ที่ด้านหลัง ก่อนจะพาหนีออกมา แต่การโจมตีนั้นรวดเร็วเกินไป แม้แต่บรรพชนจีที่เป็นยอดฝีมือก็ยังถือว่าช้าไปมาก
พวกคนที่แข็งแกร่งไม่เพียงพอ เมื่อโดนคลื่นพลังงานนี้ไปต่างก็ถูกลบ จนกลายเป็นเถ้ากระจายไปในอากาศ
เมื่อคลื่นพลังงานแผ่กระจายไปแล้ว ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบแต่กลับเผยให้เห็นฉากอันน่ากลัวตรงหน้าทุกคน พื้นดินราบเป็นหน้ากอง ค่ายกลของพวกเขาได้หายไปแทนที่ด้วยหลุมลึกราวกับหุบเหว ที่ลึกหลายร้อยฟุตลากยาวไปกว่าร้อยไมล์ มันราวกับประตูที่นำไปสู่อีกโลก มันราวกับหุบเหวที่จะกลืนกินทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลจีรึแม้แต่พื้นดินก็ตาม
จีเหอที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นใจและพูดขึ้น “ นี่คือฝีมือของสัตว์อสูรที่บาดเจ็บหรือ ? ”
การโจมตีที่น่ากลัวแบบนี้แม้แต่เขาที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลจีในอนาคต ที่ตอนนี้เลเวล 160 ก็ยังไม่อาจจะทำได้ เขาถึงกับตัวสั่นไปทั้งตัว นี่ไม่ใช่พลังที่มนุษย์จะมีได้ แม้แต่กองกำลังทหารอากาศของเทพธิดาที่ใช้ยานก็ยังไม่อาจจะโจมตีได้รุนแรงแบบนี้
ตะกี้นี้การโจมตีของสัตว์อสูรแทบจะทำให้ภูเขาสูงกลายเป็นหุบเหวไปในทันที
บรรพชนจีมองไปรอบ ๆ มันเหลือคนตระกูลจีไม่ถึงร้อยคนแล้วในตอนนี้ จากนั้นเธอก็แสดงสีหน้าหม่นและกังวลออกมา
“สัตว์อสูรนี่ปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อหลอกเรา ! ” สุดท้ายบรรพชนจีก็รู้แล้วว่าการที่จับสัตว์อสูรนี่ได้ง่าย ๆ นั้นเป็นเพราะมันไม่ต้านทาน มันกลับไม่ได้เอาจริงเลยแม้แต่น้อย มันก็แค่เล่นกับพวกเขา แต่ในการเล่นนี้ตระกูลจีกลับเป็นฝ่ายเสียหายอย่างหนัก พวกเขาเสียสมาชิกไปกว่า 2 ใน 3 ของคนที่มา คนที่รอดต่างก็ได้รับบาดเจ็บหนัก
“ จีเฟยนี่โง่จริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา งั้นตระกูลของเราคงไม่เสียคนมากแบบนี้ ถ้าเขาไม่ตาย ฉันจะฆ่าเขาด้วยตัวเอง ! “ บรรพชนจีพูดขึ้นมา
ที่ด้านหลังของหินก้อนหนึ่ง จีเฟยหน้าอาบไปด้วยเลือด ที่หน้าอกของเขามีแผลขนาดใหญ่ คลื่นพลังของเขาอ่อนแออย่างมาก การโจมตีตะกี้ของสัตว์อสูรแทบจะฆ่าเขาได้ทันที ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะการเอาตัวรอดด้วยการแลกสัตว์อสูรของเขา 3 ตัวเพื่อรับการโจมตีเอาไว้ งั้นเขาคงตายไปแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของบรรพชนจี จีเฟยที่ตอนแรกจะเรียกให้อีกฝ่ายช่วย ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาพยายามปกปิดคลื่นพลังของตัวเองเอาไว้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ได้
บนท้องฟ้านั้นร่างของสัตว์อสูรได้หายตัวไปเหลือทิ้งไว้แค่พื้นที่ที่เสียหายและผู้คนที่บาดเจ็บ
ในถ้ำไกลออกไป หวังเย่าและคนอื่น ๆ รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากด้านนอกถ้ำก็รู้ว่าต้องมีคนสู้กับสัตว์อสูร แต่พวกเขาสงสัยว่าใครกันที่กล้าทำแบบนี้
“กล้าสู้กับวิญญาณสัตว์อสูรที่แกร่งถึงขนาดนี้” ฟู่หมิงกัดฟันแน่นและพูดออกมา “เป็นหยางเสี่ยวงั้นหรือ ? ”
เผ่าสามตานั้นหยิ่งทะนง ไม่เคยมองใครอยู่ในสายตา โดยเฉพาะคนอย่างหยางเสี่ยว เขาหยิ่งทะนงยิ่งกว่าใคร เขาอยากได้สัตว์อสูรนี่มาเป็นของตัวเอง หากบอกว่าใครกล้าสู้กับวิญญาณสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งนั่น งั้นก็ไม่อาจจะตัดเผ่าสามตาออกไปได้
หวังเย่าส่ายหน้าและพูดขึ้น “ถึงเขาจะเป็นคนจากเผ่าสามตา แต่เขาก็ไม่ได้โง่ ครั้งที่แล้วเขาได้สู้กับสัตว์อสูรแต่ก็ไม่อาจจะรับมือกับสัตว์อสูรนั่นได้”
เขาแค่ไม่คิดว่าใครกันที่จะกล้าแบบนั้น นี่ไม่ต้องพูดถึงหวังเย่าเลย คนอื่น ๆ ก็คิดไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายจะต้องมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองขนาดไหน ถึงทำแบบนี้ได้
“ตระกูลจี” เจียงหยานพูดขึ้นมา
ตระกูลจี ?
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันแปลกใจ จากนั้นหวังเย่ากับหยูเจียก็มองหน้ากัน ทั้งสองต่างก็พากันแสดงสายตายินดีออกมา
“คนของตระกูลจีมั่นใจจริง ๆ หรือว่าจะสยบสัตว์อสูรนี่ได้ ? ” หวังเย่าคิดสักพักแล้วถามขึ้นมา
คนของตระกูลจีไม่ได้โง่ หากไม่มีเหตุผลพวกเขาคงไม่ไปหาเรื่องสัตว์อสูรที่น่ากลัวแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลพิเศษที่พวกนั้นทำแบบนี้
ฟู่หมิงฮึดฮัดออกมา “พวกโง่ คิดจริง ๆ รึว่าค่ายกลทลายจะจับสัตว์อสูรนั่นได้ ฝันเฟื่อง ! ”
ถ้าจะพูดถึงว่าใครที่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนนรกนี้แล้ว นอกจากเทพธิดาน้ำแข็ง ก็คงมีแค่ฟู่หมิงที่เข้าใจมากที่สุด เพราะบางเหตุผล จึงทำให้เขารู้ถึงต้นกำเนิดของงูนี่ เขารู้ว่าวิญญาณของมันนั้นอาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย
ตัวตนที่แข็งแกร่งแบบนั้น แม้ว่าจะใช้พลังของคนทั้งตระกูลจี ก็อาจจะจับมันไม่ได้ และนี่ก็เป็นอาณาเขตของมัน ตระกูลจีมีคนไม่ถึง 300 คนด้วยซ้ำ