ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 730 : โดนล้อม
ตอนที่ 730 : โดนล้อม
หวังเย่าได้เดินทางไปที่น้ำตก เขาเริ่มเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้ มันราวกับว่าด้านหลังถ้ำนี้มีนักล่าที่รอเหยื่ออยู่
ดูจากนักฆ่าที่โจมตีเขามา เขาก็รู้สึกว่ามันคือแผนการของตระกูลจี
น่าแปลกใจที่ไม่ว่าจะเป็นรองแม่ทัพอย่างอี้หลง หรือตระกูลจีก็ทำเหมือนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของเขา พวกนั้นทำเหมือนรู้แค่ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น นักฆ่าที่ถูกส่งมานั้นแกร่งแค่เพียงเล็กน้อย และนักฆ่าส่วนมากก็เลเวลไม่ถึง 130 ด้วยซ้ำ
ในจดหมายก็บอกถึงตำแหน่งที่ลับของกองกำลังทหารเรือ
แม้ว่าหวังเย่าจะมองออกว่ามันเป็นกับดัก แต่เขาก็ยังจะไปที่นั่นอยู่ดี
แม้ว่าจะมีโอกาสแค่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็ไม่อาจจะปล่อยให้หยูเจียตายได้
เมื่อเข้ามาใกล้น้ำตก หวังเย่าก็พบกับม่านน้ำที่ตกลงมาจากท้องฟ้า เสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งป่า แม้แต่เสียงฝนบนท้องฟ้าก็ยังไม่ได้ยิน
ระยะทางแค่ 10 ไมล์นั้นกินเวลาแค่พริบตาเดียวเท่านั้น เขาได้ไปยืนอยู่บนก้อนหินและตรวจสอบดูรอบ ๆ นอกจากน้ำตกตรงหน้าแล้ว มันก็มีหน้าผาที่สูงชันและป่าที่อยู่ด้านหลัง แม่น้ำของน้ำตกนี้ไม่รู้ว่าจะนำไปสู่ที่ไหน
ภายใต้การปกป้องของไฟหยินหยาง หวังเย่าก็ได้กระโดดเข้าไปด้านหลังน้ำตกทันที
แสงตรงหน้านั้นดูสลัว หวังเย่าเริ่มปรับสายตาขึ้นมาได้บ้าง ถ้ำนี้เหมือนจะนำไปสู่ด้านในของภูเขาลูกนี้
มันมีร่องรอยว่ามีคนเคยมาที่นี่แล้ว เมื่อเดินตามรอยเท้ามาได้ไม่ไกล หวังเย่าก็พบกับกลุ่มคนที่พักอยู่ด้านในถ้ำ
“พี่หยู พี่อยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย” หวังเย่าก็ได้พบกับหยูเจียที่นั่งพักอยู่
หยูเจียได้ยินเสียงก็หันกลับมามองด้วยความแปลกใจ “น้องหวังเย่า นายมาที่นี่ได้ยังไง นายรู้ทางเดินลับนี้ด้วยงั้นหรือ ? ”
“เรื่องนี้ไว้คุยกันทีหลัง มันไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานนัก พี่ออกไปกับฉันก่อน” หวังเย่าเดินเข้ามาหา เขาไม่ได้อธิบายอะไร เรื่องสำคัญคือเขาต้องพาหยูเจียออกจากที่นี่ไปก่อน ที่นี่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ มันราวกับว่าจะมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้น
“เราจะไปไหน ? ที่นี่เป็นช่องทางลับที่จะนำไปสู่ใต้ถ้ำมังกร อาจารย์บอกว่าเคยมาที่นี่กับเทพธิดา เมื่อนายมาที่นี่แล้ว นายก็มากับฉันจะดีกว่า” หยูเจียบอกกับหวังเย่า
“อี้หลงน่ะหรือ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง นายสืบเรื่องฉันงั้นหรือ ? ” หยูเจียถามพร้อมกับหัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินที่หยูเจียพูด หวังเย่าก็ตัดสินได้ว่านี่คือกับดักที่ปล่อยให้หยูเจียรออยู่ที่นี่
หวังเย่าแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่มีเวลามาอธิบาย แต่ถ้าพี่เชื่อฉันก็ออกจากที่นี่กับฉันก่อน ไม่งั้นแล้วมีปัญหาเกิดขึ้นแน่”
หยูเจียโบกมือแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ฉันพาคนของฉันออกมาจากหุบเขาเพราะเจอกับวิญญาณสัตว์อสูรที่คลั่ง เราเหลือคนไม่มากนัก หลายคนกระจายตัวออกไป ในดินแดนนรกนี้ถ้ามีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอแล้ว มันถือว่าอันตรายอย่างมาก ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทหารพวกนั้น ตอนนี้ฉันไม่อยากออกไปข้างนอกและเสียเวลากับสัตว์อสูรพวกนั้น มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่” หยูเจียพูดขึ้น
“แต่ถ้าฉันเดาไม่ผิด มันไม่ใช่ทางลัดที่นำไปสู่ถ้ำมังกร แต่มันเป็นทางตันสำหรับเราทั้งสองคนต่างหาก” หวังเย่าพูดขึ้น
เมื่อเห็นว่าหยูเจียไม่เชื่อคำพูดของตัวเอง หวังเย่าก็ต้องอธิบาย “ฉันได้ยินจีเฟยคุยกับอี้หลง พวกเขาคิดจะหักหลังเทพธิดา อาจารย์ของพี่ร่วมมือกับตระกูลจี พวกเขาอยากใช้โอกาสนี้ในการยึดอำนาจและควบคุมเขตดาวโบไลด์”
“เป็นไปไม่ได้ ! ” หยูเจียไม่เชื่อคำพูดของหวังเย่า ในใจของเขาแล้วอาจารย์นั้นคือคนที่จิตใจดี เขาเป็นรองแม่ทัพที่ดีและมีความรับผิดชอบ คนแบบนั้นจะร่วมมือกับตระกูลจีได้ยังไง ?
“เขาพูดถูกแล้ว ที่นี่คือที่ตายของพวกนายทั้งสองคน รู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว” จีเฟยและอี้หลงเดินออกมาจากในถ้ำ ทั้งสองใส่ชุดของตระกูลจี
เมื่อเห็นแบบนั้น หยูเจียก็อึ้ง เขามองไปที่อาจารย์ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อก่อนจะถามขึ้นมา “อาจารย์หมายความว่ายังไง ? ทำไมตระกูลจีถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ นายพลวูล่ะ ? ”
อี้หลงพูดขึ้น “นายเหมือนฉลาดในด้านกลยุทธและการวางแผน แต่นายยังใสซื่อเกินไป วันนี้ฉันจะสอนเรื่องหนึ่งให้กับนาย อย่าเชื่อใจใครง่าย ๆ แม้แต่คนที่สนิทที่สุดก็ตาม”
“อาจารย์ร่วมมือกับตระกูลจีจริง ๆ ! ” สุดท้ายหยูเจียก็รู้ว่าหวังเย่าไม่ได้หลอกเขา อาจารย์ของเขาหักหลังเทพธิดาและร่วมมือกับตระกูลจีจริงๆ
จีเฟยฮึดฮัดออกมา “อี้หลงเป็นคนของตระกูลจี แต่ตลอดหลายปีมานี้เขาคอยรับตำแหน่งรองแม่ทัพกองทัพเรือ ฉันไม่อยากพูดไร้สาระกับนายแล้ว นายจะฆ่าตัวตายรึจะตายด้วยน้ำมือของฉัน นายเลือกมาได้เลย อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสนาย“
หยูเจียมองไปที่อี้หลงและจีเฟยก่อนจะพูดขึ้น “การที่หักหลังกับเทพธิดานั้นต้องมีจุดจบที่ไม่ดีแน่” จากนั้นเขาก็บอกกับหวังเย่า “นี่คือเรื่องภายในของเขตดาวโบไลด์ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย นายรีบออกจากที่นี่ไปซะ ฉันจะหยุดพวกนี้เอง”
หวังเย่ารู้แล้วว่าเมื่ออีกฝ่ายวางกับดักนี้ไว้ งั้นแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ต้องเตรียมการจัดการกับเขาไว้แล้ว
หยูเจียคิดอยู่แล้วว่าตัวเองต้องตาย หวังเย่าจับไหล่ของหยูเจียเอาไว้ ก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากถ้ำไปทันที
“ฉันบอกแล้วว่าวันนี้พวกแกไม่รอดหรอก ! ” จีเฟยฮึดฮัดออกมา ทั้งภูเขาแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยแสงสีเขียวทันที ม่านแสงนี้ได้ปิดทางเข้าของถ้ำเอาไว้
ตอนนั้นหวังเย่าพุ่งเข้าไปชนม่านแสงแล้วกระเด็นกลับมาอย่างแรง
เขากับหยูเจียมองไปที่จีเฟย ถ้าไม่จัดการกับสองคนนี้งั้นก็ไม่อาจจะออกจากที่นี่ได้แน่
ตอนนั้นทหารเรือคนอื่น ๆ ต่างก็สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่คิดเลยว่ารองแม่ทัพจะหักหลังเทพธิดา
จีเฟยสะบัดมือสั่งการนักสู้ของตระกูลจี “จัดการให้หมด อย่าให้ใครรอดไปได้ ! ”
นักสู้คนนั้นได้พุ่งเข้าหาทหารเรือที่เหลือ ทหารเรือเหล่านี้ได้หนีจากวิญญาณสัตว์อสูรคลั่งมา พวกเขาเหลือพลังไม่มาก ด้วยการที่โดนนักสู้คนนั้นโจมตี พวกเขาจึงไม่อาจจะต้านทานได้เลย
นักสู้ของตระกูลจีหลายคนได้พุ่งเข้าใส่หวังเย่าและหยูเจีย หวังเย่าได้ใช้ไฟหยินหยางสู้กับนักสู้สองคน ทั้งสองนั้นไม่ได้อ่อนแอเลย และแกร่งกว่านักฆ่าก่อนหน้านี้อย่างมาก
หวังเย่าได้ใช้หมัดไฟต่อยเข้าใส่นักสู้คนหนึ่งจนกระเด็นออกมา นักสู้อีกคนที่อยู่ด้านหลังของเขา การโจมตีของอีกฝ่ายดูรุนแรงอย่างมาก ในตอนที่เขาหันหลังให้ อีกฝ่ายก็ทำการโจมตีออกมาทันที
ตูม !
ไฟหยินหยางก่อตัวเป็นเกราะป้องกันตัวของหวังเย่าเอาไว้ หากอีกฝ่ายคิดจะโจมตีหวังเย่า งั้นเขาก็ต้องโดนไฟหยินหยางเผาไปด้วย
ทั้งสองคนเลเวลถึง 135 แต่ต่อหน้าไฟหยินหยางของหวังเย่าในตอนนี้แล้ว พวกนั้นก็ต้องกลัว
หากเป็นแค่ไฟธรรมดา พวกเขาคงไม่ต้องระวังตัวแบบนี้ แต่ไฟที่มีพลังกฎนั้นไม่ง่ายที่จะรับมือ
นักสู้รู้สึกได้ถึงพลังของไฟจนต้องถอยออกมา แต่กลับมีมือไฟมาจับที่ไหล่ของเขาเอาไว้
จากนั้นไฟก็กระจายจากไหล่ของเขาลามไปทั่วทั้งตัวอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกกก” ชายคนนั้นกรีดร้องออกมา เขาพยายามที่จะสลัดมือของหวังเย่าและดับไฟ
เลเวลของชายคนนี้สูงกว่าหวังเย่า แต่ไฟหยินหยางนั้นก็ยังอันตรายสำหรับเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดับมันได้ การใช้ไฟกับคนที่เลเวลสูงกว่านั้นสุดท้ายก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง ความแข็งแกร่งของนักสู้ตระกูลจีนั้นไม่อาจจะเอาคนทั่วไปมาเทียบได้ พวกนี้ต่างก็มีทักษะที่โดดเด่น
หลังจากที่หวังเย่าจัดการกับคนหนึ่งได้ เขาก็รีบเข้าไปจัดการนักสู้อีกคนทันที
หลังจากที่เปิดเกราะมังกรแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้น การป้องกันของนักสู้เลเวล 135 นั้นด้อยกว่าอย่างมาก ต่อหน้าหวังเย่าที่แกร่งขึ้นแล้ว อีกฝ่ายไม่อาจจะสู้ได้เลย หลังจากที่ปะทะกันไม่ถึง 10 รอบ อวัยวะภายในของอีกฝ่ายก็โดนเผาจนกลายเป็นเถ้า
คู่ต่อสู้ของหยูเจียนั้นมากกว่าหวังเย่า ภายใต้การล้อมของนักสู้ทั้งสี่คนแต่หยูเจียก็ยังรับมือได้
นักสู้เหล่านี้ต่างก็แข็งแกร่ง แต่พวกนี้กำลังเผชิญหน้ากับแม่ทัพของกองกำลังทหารเรือ
แม้ว่าหยูเจียจะอ่อนแอที่สุดในบรรดาแม่ทัพ แต่การจัดการกับคนพวกนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
หยูเจียนั้นเลเวล 150 แต่เขาแกร่งกว่าวานเซ่อย่างมาก
นักสู้ทั้งสี่ร่วมมือกันแต่ก็ทำได้แค่พอรับมือกับหยูเจียเท่านั้น หยูเจียกดดันให้พวกเขาถอยกลับมาได้ง่าย ๆ แค่สะบัดมือก็ทำให้นักสู้คนหนึ่งกระเด็นออกมาได้แล้ว พร้อมกับคอยตรวจสอบม่านแสงเพื่อคอยหาจุดอ่อน
เมื่ออีกฝ่ายวางกับดักที่นี่เอาไว้ งั้นอีกฝ่ายก็ต้องคำนวณแล้วว่าจะไม่มีใครหาที่นี่เจอ ทั้งสองไม่อาจจะหนีออกไปได้แน่
ดังนั้นเขาจึงต้องการหาจุดอ่อนของค่ายกลและทำลายม่านแสงนั่นทิ้ง เขาตรวจสอบค่ายกลนี้กว่าครึ่งวัน แต่ก็พบว่าเขาไม่เคยเห็นค่ายกลแบบนี้มาก่อน เขาไม่รู้ว่ามันใช้พลังธาตุไหนบ้าง มันเหมือนว่าจะเป็นธาตุที่พัฒนาขึ้นมา
ทหารเรือที่ตามหยูเจียมา ตอนนี้โดนกำจัดไปหมดแล้ว
หยูเจียรู้ว่าเมื่อทหารโดนกำจัดไปแล้ว เขากับหวังเย่าจะต้องโดนนักสู้พวกนั้นมาล้อมเอาไว้เยอะกว่าเดิมแน่ สถานการณ์จะแย่ยิ่งขึ้น
“น้องหวังเย่า มากับฉัน ! ” หยูเจียตะโกนบอกกับหวังเย่า ก่อนจะพาหวังเย่าทะลวงผ่านวงล้อมแล้วพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ