ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 710 : หน้ากากจิ้งจอก
ตอนที่ 710 : หน้ากากจิ้งจอก
เกราะมังกรคือสิ่งที่หวังเย่าเก็บไว้มานาน มันพัฒนาจากหมัดมังกรและไฟหยินหยาง ร่างกายของเขารายล้อมไปด้วยไฟหยินหยาง ความสามารถต่าง ๆ ของเขาเพิ่มขึ้นมาเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ การโจมตีทุกอย่างจะมีคุณสมบัติของธาตุไฟ
ข้อด้อยเพียงอย่างเดียวคือมันใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก สำหรับความแข็งแกร่งที่หวังเย่ามีในตอนนี้แล้วเขาใช้มันได้แค่ 30 นาทีเท่านั้น
เล่ยหยานรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ของหวังเย่า แต่ด้วยความภูมิใจที่เขามีแล้ว แม้ว่าหวังเย่าจะแกร่งขึ้นกว่าเก่า แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคู่มือของเขาได้
ครั้งนี้เป็นหวังเย่าที่โจมตีก่อน เมื่ออยู่ในไฟหยินหยาง หวังเย่าก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้เขาสามารถจัดการกับสัตว์อสูรเทพได้ด้วยซ้ำ แต่มันก็เป็นแค่การคาดการณ์หลังจากที่รู้สึกว่าพลังเพิ่มขึ้นก็เท่านั้น
ไฟในมือทั้งสองข้างได้พุ่งเข้าหาเล่ยหยาน เล่ยหยานฮึดฮัดออกมา แต่ตอนนั้นหวังเย่าไม่ได้ปัดการโจมตีของอีกฝ่ายทิ้ง ในการต่อสู้ของทั้งสองนั้นพลังอันรุนแรงได้ปะทุออกมา แม้แต่เสาหินด้านล่างก็ยังเกิดรอยร้าวขึ้นมาได้
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนนรก มันตั้งอยู่ที่นี่มาไม่รู้กี่ปีแต่กลับไม่อาจจะรับพลังของทั้งสองได้
หลังจากที่เพิ่มพลังเป็นสองเท่า หวังเย่าไม่ใช่แค่เกือบใกล้เคียงกับเล่ยหยานได้แต่ไฟหยินหยางที่เป็นกฎไฟระดับสูงก็ยังระเบิดพลังงานที่น่ากลัวออกมาอีก พลังของมันเพียงพอจะเผชิญหน้ากับเล่ยหยานได้
ไฟได้ถูกกันไว้โดยสายฟ้าและสะท้อนกลับมาที่หวังเย่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้อาวุธใด ๆ แต่แค่มือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุธเลย เมื่ออัดเข้ากับตัวแม้แต่สัตว์อสูรเลเวลเท่ากันก็ยังไม่กล้ายืนรับการโจมตีของทั้งสอง
ปัง !
หวังเย่าเตะเข้าที่เอวของเล่ยหยาน ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังก้อง มันราวกับเตะเข้าใส่ก้อนเหล็กอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าเล่ยหยานก็ไม่ได้สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เขากลับจับขาของหวังเย่าเอาไว้ก่อนจะโยนอีกฝ่ายออกไป
“พวกกึ่งหุ่นยนต์นี่ตัวแข็งจริง ๆ ! ” หวังเย่ารับรู้ได้ถึงการป้องกันของเล่ยหยานก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าการโจมตีของเขาส่งผลต่อเล่ยหยานอยู่ แม้ว่าเล่ยหยานจะไม่ใช่ทหารที่มีตำแหน่งสูงนัก แต่แน่นอนว่าเขาก็แข็งแกร่งอยู่พอตัว
แม้แต่สัตว์อสูรเลเวล 140 ก็อาจจะไม่ได้เปรียบในด้านพลังเมื่อสู้กับเขา ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มเลเวล 125 กลับยังรับมือได้
“ฉันบอกแล้วว่าจะหักกระดูกแกและถลกหนังแกทั้งเป็น ” เล่ยหยานพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ฉันกลัวว่าเหล็กของแกจะหลุดจากตัวซะก่อน ตอนนั้นแกคงไม่มีโอกาสได้กลับไปที่หลุมศพตัวเองแน่” หวังเย่าฮึดฮัดออกมา
ความแข็งแกร่งของทั้งสองเหนือกว่าคนส่วนมากที่อยู่บนเสาหิน การต่อสู้ของทั้งคู่นั้นทำให้ผู้คนโดยรอบพากันถอยออกมาและไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ไม่งั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นการโจมตีไหนของทั้งคู่ก็เพียงพอที่จะฆ่าคนที่เลเวลต่ำกว่า 120 ได้อย่างง่ายดาย
มีคนสองคนที่หนีไม่ทัน พวกนั้นยังอยู่ในพื้นที่ต่อสู้ สุดท้ายก็โดนการโจมตีของเล่ยหยานเข้าอย่างจังและบาดเจ็บหนัก
ชายคนหนึ่งได้เรียกสัตว์อสูรของตนออกมาและเล็งเป้าไปที่หวังเย่า แต่เมื่อเข้าไปใกล้ สัตว์อสูรเลเวล 130 นั้นกลับโดนเผาโดยไฟของหวังเย่าทันที
แม้แต่พวกที่เลเวลมากกว่า 130 ก็ยังมองดูการต่อสู้ระยะประชิดของทั้งคู่และไม่อยากเข้าไปยุ่ง
ปัง ปัง ปัง…
ไฟได้ห่อหุ้มตัวของหวังเย่าเอาไว้ สายฟ้าห่อหุ้มตัวของเล่ยหยาน ทั้งสองคนต่างก็ใช้ทักษะที่รุนแรงที่สุดของตัวเองออกมา มันราวกับสัตว์อสูรเก่าแก่ได้ปะทะกัน พวกเขาพุ่งเข้าหากันซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาใช้การโจมตีทั้งหมดโดยหวังว่าจะจัดการอีกฝ่ายลงให้ได้
ด้วยแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นมา เล่ยหยานก็พึ่งร่างกายหุ่นยนต์ของตัวเองที่แกร่งกว่าร่างกายทั่วไป เขาไมได้ใช้ทักษะต่อสู้อะไรออกมามากนัก แต่หมัดของเขานั้นสามารถจัดการกับคู่ต่อสู้มานับไม่ถ้วนแล้ว แต่ทว่าในอดีตเขาก็เจอกับพวกที่อ่อนแอกว่ามาก ๆ ในการต่อสู้ระยะประชิดนั้นเมื่อใช้แรงโน้มถ่วงออกมาแล้ว เขาจึงไม่ได้กดดันอะไร
หวังเย่าไม่เคยสู้ดุเดือดแบบนี้มานานแล้ว แม้ว่าไฟหยินหยางและฝ่ามือฉลามดำนั้นสามารถนำมาใช้กับการต่อสู้ระยะประชิดได้ แต่หวังเย่าก็เชื่อว่าการต่อสู้แบบดิบเถื่อนคือสิ่งที่ลูกผู้ชายที่แท้จริงควรจะทำ
ไฟพุ่งออกมาและเข้ากลืนกินที่ไหล่ของเล่ยหยาน หวังเย่าจับแขนของเล่ยหยานเอาไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างจับไปที่คอของอีกฝ่ายแล้วฟาดเล่ยหยานลงกับพื้น
ตูม !
เสาหินสั่นไหวเล็กน้อย มันมีเศษหินกระเด็นออกมาด้วย แต่เล่ยหยานกลับยังไม่เป็นอะไร
“เด็กนี่ยุ่งยากจริง ๆ เล่ยหยาน ไม่อาจจะจัดการเขาได้” เมื่อเห็นว่าหวังเย่ารับมือเล่ยหยานได้ทุกครั้ง หยุนซีก็ต้องคิ้วขมวดและบ่นออกมา
สถานการณ์มันเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ในฐานะนักรบที่แกร่งที่สุดในตระกูลหยุนแต่กลับไม่อาจจะจัดการกับเด็กที่เลเวลไม่ถึง 130 ได้
“โคล ไปจัดการเด็กนั่น” หยุนซีสั่งการออกมา
ความสูงของเสาตอนนี้ลดลงไปกว่าครึ่ง หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปแล้วมันก็ไม่มีความหมายอะไรกับการที่จะยึดเสานี้ สัตว์อสูรในทะเลรอบ ๆ เสานั้นไม่ได้ใจดี มันสามารถกระโดดขึ้นมาจากน้ำได้หลายสิบเมตร หากเสาหินทรุดลงไปถึงระดับนั้นแล้วก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีเท่าไหร่
ในการต่อสู้ นักสู้จากตระกูลหยุนหลายคนได้จัดการคนอื่น ๆ ไปเกือบหมดแล้ว คนส่วนมากพากันออกจากเสาหินไปภายใต้แรงกดดันจากคนของตระกูลหยุนและคนอื่น ๆ ที่ร่วมมือกับตระกูลหยุน มีแค่ไม่กี่คนที่ยังสู้อยู่
ตอนนั้นคนของตระกูลหยุนคนหนึ่งซึ่งใส่หน้ากากหมาจิ้งจอกได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของหวังเย่า เขาใช้ดาบฟันเข้าใส่ที่คอของหวังเย่า คนคนนี้ไม่เหมือนกับเล่ยหยาน เพราะเขานั้นรวดเร็วอย่างมาก ตอนที่ถูกโจมตี หวังเย่าก็เพิ่งรับรู้ได้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย
ติ๊ง
ใบมีดถูกหยุดไว้โดยกรงเล็บ การปะทะกันทำให้ทั้งสองกระเด็นออกจากกัน กรงเล็บนั้นเหมือนจะเร็วกว่าซึ่งปัดการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้ได้
ตอนที่คนจากตระกูลหยุนเข้าโจมตีหวังเย่า แมวก็ได้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่มากกว่าและกันการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้
แมวได้สะบัดกรงเล็บออกมาสามอันราวกับเคียวแห่งความตายที่พุ่งเข้าหาโคล
เมื่อการลอบสังหารโดนแมวกันเอาไว้ได้ โคลนก็ต้องถอยกลับมา เขาเลือกที่จะหลบการโจมตีของแมวไปก่อน ตอนนี้ หวังเย่าเองก็ถอยออกมาจากเล่ยหยาน มายืนอยู่ข้างแมวด้วยเช่นกัน
เขาเห็นได้ว่าคนที่โจมตีเขานั้นเป็นผู้หญิง ใบหน้าของเธอซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากจิ้งจอกที่ไม่อาจจะเห็นได้ แต่หวังเย่า รู้ว่าเมื่อวินาทีก่อนนั้นเขาเกือบตายเพราะเธอไปแล้ว
หากไม่ใช่เพราะแมวมาช่วย บางทีเขาอาจจะโดนเธอฆ่าไปแล้วจริง ๆ
“เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ต้องมาช่วยฉัน ! ” เล่ยหยานมองไปที่ผู้หญิงข้าง ๆ และพึมพำออกมา
“นายท่านหมดความอดทนแล้ว นายเสียเวลากับเด็กนี่มากไป” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมา
เล่ยหยานเงียบไป ก่อนจะมองไปที่หวังเย่าและแมวแล้วพูดขึ้น “ฉันจะจัดการพวกมันเอง”
เมื่อพูดจบแขนข้างขวาของเขาก็เปลี่ยนไป มันมีโล่ขนาดเท่ากับตัวเขาปรากฏขึ้นมาแทน
“แกทำให้ฉันต้องใช้โล่นี่จนได้” เล่ยหยานมองไปที่หวังเย่าโดยไม่ได้ดูถูกแบบเดิมอีก “ถ้าแกกับฉันเลเวลเท่ากัน บางทีฉันอาจจะจัดการแกไม่ได้ แต่โชคร้ายที่แกไม่มีโอกาสนั้น”
เล่ยหยานยกโล่ขึ้นและกระโดดขึ้นไป รอบตัวโล่มีสายฟ้าก่อตัวขึ้น มันได้สร้างพายุสนามแม่เหล็กขึ้นมา แม้แต่พื้นที่รอบตัวก็ได้รับผลกระทบไปด้วย มันเกิดพายุสายฟ้าขึ้นด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
“พายุสายฟ้า…” เล่ยหยานตะโกนออกมา พายุยังไม่ทันพุ่งออกมา แต่ผู้คนที่เสาหินก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของมัน พายุสายฟ้านี่มีความร้อนสูงหลายพันองศา มันปกคลุมทั้งเสาหินเอาไว้ หากโดนกลืนเข้าไปในพายุ งั้นอาจจะต้องละลายเพราะความร้อนเลยก็ได้
“จ้าวแห่งแมว ไปเถอะ ! ” หวังเย่าเห็นท่าไม่ดีก็คิดจะหนี เขารู้ว่าไม่อาจจะอยู่ต่อได้
ทันทีที่เขาออกจากเสาหินมา เขาก็เห็นว่าทั้งเสาหินปกคลุมไปด้วยพายุสายฟ้า คนที่หนีออกมาไม่ทันต่างก็โดนย่างไม่ก็กรีดร้องจนสลบไป
หวังเย่าหันกลับไปมองตระกูลหยุนด้านหลังก่อนที่สุดท้ายจะมองไปที่ดูฉีชุยแล้วหนีออกไป
ตอนนั้นหวังเย่ารู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างมาก เขารับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นจากด้านหลัง เขาพยายามที่จะหลบแต่ก็สายเกินไป โล่สีเทาได้ปรากฏขึ้นรอบตัวหวังเย่าในทันที
ในตอนที่โล่ปรากฏขึ้นนั้น ก็ได้มีมีดฟันเข้าใส่หวังเย่า แต่โชคดีที่เขามีโล่เงาซึ่งกันการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้ได้
แค่การโจมตีครั้งเดียวก็ทำให้ทั้งสองกระเด็นกลับมา นี่คือฝีมือของผู้หญิงที่ใส่หน้ากากหมาจิ้งจอก
“พวกแกนี่เหมือนปลิงจริง ๆ เลย” หวังเย่าพึมพำออกมา เขาไม่อยากจะสู้กับเธอต่อ ไม่งั้นแล้วถ้าคนอื่นจากตระกูลหยุนเข้ามายุ่ง เขาคงไม่อาจจะหนีได้
โชคร้ายที่เขาประเมินผู้หญิงคนนี้ต่ำเกินไป ความเร็วของเธอนั้นสูงกว่าเขามาก แม้แต่แมวก็ยังด้อยกว่า แค่สองอึดใจระยะห่าง 100 เมตรก็เหลือไม่ถึง 1 เมตร
“ฉันไม่อยากสู้กับผู้หญิง” หวังเย่าหันกลับและตะโกนออกมา แต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจคำพูดของเขา เธอสนแต่จะฆ่าเขาอย่างเดียวเท่านั้น
หวังเย่ากัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา “อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”
เขาหยุดและหันกลับไปหาเธอ ผู้หญิงคนนั้นไม่คิดว่าหวังเย่าจะหยุดแต่ก็ยังพุ่งเข้าหาเขาต่อ
แต่เธอตอบรับได้รวดเร็วอย่างมาก ตอนที่หวังเย่าพุ่งเข้าใส่เธอ เธอก็เตรียมพร้อมที่จะสู้แล้ว แต่สิ่งที่เธอไม่คิดคือต่อหน้าการโจมตีของเธอนั้น หวังเย่ากลับไม่ได้หลบ เขากลับใช้โล่รับการโจมตีของเธอเอาไว้
เธอยังไม่ทันได้โจมตีรอบสอง แต่ก็พบว่ามือของเธอโดนหวังเย่าจับเอาไว้แล้ว แม้ว่าเธอจะรวดเร็วและว่องไวกว่าเล่ยหยาน แต่แรงของเธอนั้นก็น้อยกว่าเล่ยหยานอย่างมาก
เธอดิ้นรนแต่ไม่อาจจะสลัดมือของหวังเย่าให้หลุดได้ ด้วยเกราะมังกรนี้ทำให้พลังของหวังเย่าเพิ่มขึ้นไม่ได้ด้อยไปกว่า เล่ยหยานเลย เขายังมีไฟหยินหยางกับตัว การป้องกันของเธอที่ไม่ได้สูงเท่ากับเล่ยหยาน นั้นจึงแทบทำให้เธอหมดหนทางที่จะตอบโต้
“ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าหน้าตาเธอจะเป็นยังไง ! ” หวังเย่าพูดขึ้นพร้อมกับถอดหน้ากากของเธอออก
ตอนนั้นเองได้มีการโจมตีพุ่งเข้ามา กระสุนที่เร็วกว่าเสียงหลายเท่าตัวพุ่งอัดเข้าที่ไหล่ของหวังเย่า
ไฟหยินหยางไม่อาจจะสลายพลังของกระสุนได้ในทันที มันทำให้ไหล่ของหวังเย่ามีเลือดไหลออกมาพร้อมกับที่ร่างของเขาซึ่งร่วงลงไปในทะเล