ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 701 : ลงจอด
ตอนที่ 701 : ลงจอด
การกระทำของวานเรนนั้นทำให้คนอื่น ๆ บนเวทีหันมาสนใจและอดไม่ได้ที่จะมองมายังเด็กหนุ่มทั้งสองคน
“เดาว่าหนึ่งในนั้นคงเป็นลูกของวานเรน เขามีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง สมกับเป็นลูกของวานเรนจริง ๆ ” ชายแก่ที่นั่งข้าง ๆ วานเรนได้มองมาที่วานเซ่และพูดขึ้นมา
“คำนับผู้อาวุโส ! ” วานเซ่ไม่กล้าเสียมารยาทและรีบทำความเคารพทันที
“พ่อนายกับฉันเป็นเพื่อนกัน นายก็ถือว่าเป็นหลานของฉันคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องสุภาพไป” ชายแก่พูดขึ้นมา
หวังเย่ามองไปที่ชายแก่ ชายแก่คนนี้มีผมขาวโพลนดูอายุแก่กว่าวานเรนอย่างมาก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ชายแก่ก็แผ่พลังที่แข็งแกร่งออกมา และเทียบกับวานเรนแล้วก็ไม่ได้ด้อยกว่ามาก
“นี่คือผู้อาวุโสหยาน มาจาก 1 ใน 4 ตระกูลใหญ่ของเขตดาวโบไลด์ เขาเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเจียง” วานเรนบอกกับหวังเย่า
เมื่อรู้ว่าหวังเย่าช่วยลูกของเขาเอาไว้ วานเรนก็ประทับใจในตัวหวังเย่าอย่างมาก เขาถึงกับแนะนำชายแก่ให้กับหวังเย่ารู้จัก
เมื่อรู้ว่าชายแก่มาจากตระกูลเจียง หวังเย่าก็แสดงสีหน้าแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าชายแก่ที่ดูอ่อนแอนี้จะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเจียง
“ผู้เยาว์ขอคำนับ” หวังเย่าทำความเคารพทันที
“ไม่ต้องสุภาพไป สำหรับคนแบบนายแล้วอีกไม่กี่ปีก็คงตามเราทัน” เจียงหยานพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะบอกกับชายหนุ่มด้านหลัง “ยู่เอ๋อ สองคนนี้ก็ยังเป็นหนุ่ม นายควรเรียนรู้จากพวกเขา”
เจียงยู่กอดอกมองไปที่หวังเย่าด้วยท่าทีไม่พอใจและพูดขึ้นมา “ไอ้นี่เลเวลไม่ถึง 130 ด้วยซ้ำ ให้เรียนรู้อะไร”
“ไอ้เด็กนี่ ! ” เจียงหยานแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา “เมื่อหวังเย่าเป็นเพื่อนกับวานเซ่ก็ถือว่ามีความสามารถที่โดดเด่น ถ้าคิดจะดูถูกคนอื่น ไม่นานก็จะเจ็บตัว ! ”
“อย่าอารมณ์เสียไป เด็ก ๆ ก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ ตอนที่ฉันกับนายยังเด็ก เราก็ไม่ถูกกัน พวกคนหนุ่มก็เป็นกันแบบนี้แหละ มักจะหัวร้อน” วานเรนพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดของวานเรน เจียงหยานก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะมองไปที่หวังเย่าและวานเรนแล้วพูดขึ้น “ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก เราต่างก็คิดจะปกปิดตัวเอง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผู้อาวุโสหยานก็ได้เอาแว่นตาและลูกปัดน้ำออกมา “สองอย่างนี่ฉันได้มาในสนามรบ แว่นนี้ช่วยเพิ่มระดับการป้องกัน แม้ว่าจะเผชิญหน้าการโจมตีของพวกเลเวล 150 แต่ก็ยังรับมือได้สักพัก”
“สำหรับลูกปัดนี่แล้ว มันคือลูกปัดน้ำ มันทำให้ผู้ถือสามารถเคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างอิสระ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหยาน หวังเย่าและวานเซ่ต่างก็พากันตื่นเต้นไปตาม โดยเฉพาะหวังเย่าที่เคยโดนมันขังมาแล้ว ตัวเขาเองนั้นรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของลูกปัดน้ำ บอกได้ว่าเขาสนใจของแบบนี้อย่างมาก
“ตระกูลเจียงนี่ร่ำรวยจริง ๆ ของแบบนี้ถึงกับแทบไม่มีค่าสำหรับตระกูล งั้นฉันขอรับมันไว้เอง ฉันจะเอามันให้กับ หวังเย่าและวานเซ่” วานเรนพูดขึ้นมา
“หน้าด้านจริง ๆ ไม่รู้เลยว่านายมาจากตระกูลยากจนที่ไหน นายกล้ารับของจากคนอื่น นายนี่มันเหมือนกับเด็กที่ยังไม่โตจริง ๆ คนแบบนี้คงอยู่ไม่รอด” เจียงยู่มองไปที่หวังเย่าแล้วฮึดฮัดออกมา
“ไอ้บ้านี่…” วานเซ่ไม่พอใจอย่างมากเมื่อเห็นท่าทีดูถูกของอีกฝ่าย แต่พ่อของเขากับเจียงหยานอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นจึงไม่อาจจะเสียมารยาทได้
“ไม่เอาน่า ไม่ต้องสนใจเขาหรอก” หวังเย่ามองไปที่เจียงยู่และถือของบางอย่างออกมาก่อนจะบอกกับเจียงหยาน “ผมคงไม่กล้ารับของใครง่าย ๆ ผมขอใช้ดินพลังงานนี้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับลูกปัดน้ำก็แล้วกัน”
“นายนี่ใจกว้างจริง ๆ ” เจียงหยานมองไปที่หวังเย่า ก่อนจะรับดินพลังงานเอาไว้ ดินพลังงานนี่ถือว่าเป็นของที่หาได้ยาก ในเขตดาวโบไลด์แล้วมันคือสมบัติที่หายาก แม้แต่สำหรับคนใหญ่โตก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
จากนั้นคนอื่น ๆ ก็ตามมาสมทบ เมื่อเห็นลูกสาวตัวเอง วานเรนที่แสดงสีหน้าจริงจังมาโดยตลอดก็ยิ้มออกมา “เด็กน้อย ลูกออกจากบ้านไปนานไม่เคยติดต่อพ่อเลย”
“หนูก็แค่ออกมาเดินทางข้างนอก ! พี่น่ะมักจะไปคนเดียว หนูได้แต่ต้องอยู่บ้านตลอด” วานซิดพูดขึ้น
สำหรับลูกสาวแล้ว แม้แต่แม่ทัพของพันธมิตรดาวเองก็ไม่อาจจะขัดใจได้ ตอนที่มองไปที่โม่ยู่หลิน เขาก็ต้องแปลกใจและรีบทำความเคารพทันที “วานเรน แม่ทัพพันธมิตรดวงดาวขอทำความเคารพ”
“โม่ยู่หลิน” โม่ยู่หลินตอบกลับ
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย่าได้ยินชื่อของโม่ยู่หลิน ในอดีตนั้นเขาเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสมาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีชื่อเช่นนี้
“หวังเย่า นายมาแล้วสินะ” จู่ ๆ ก็มีคนมาตบไหล่หวังเย่า เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นฟู่หมิง
“พี่ ! ” หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ตอนอยู่บนเวที พี่นี่ดูน่าเกรงขามจริง ๆ ”
ฟู่หมิงส่ายหน้า “เขตดาวโบไลด์นี่ไม่ใช่ว่าจะอ่อนแอ ตระกูลทั้งสี่นั้นแข็งแกร่ง ฉันแค่ทัดเทียมกับพวกนั้นได้ มันถึงกับมีเผ่าสามตาที่โดดเด่นยิ่งกว่าฉันอีก”
หวังเย่ารู้ว่าฟู่หมิงไม่อยากทำตัวโดดเด่น ถ้าไม่ใช่เพราะฐานะเทพไฟของเขา แม้ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่ของเขตดาวโบไลด์แต่ก็ต้องเคารพเขา
หยานเทียนที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มและพูดขึ้นมา “ฉันไม่คิดเลยว่านายจะมาพึ่งแม่ทัพแบบนี้ ฉันดูถูกนายไปจริง ๆ ”
“ฉันคิดว่าหวังเย่าน่ะแข็งแกร่งดี แต่ไม่คิดเลยว่าพวกนายจะรู้จักเขาด้วย” วานเรนพูดขึ้นมา
“ไอ้บ้านี่…รู้จักเทพไฟด้วยหรือ ! ” เจียงยู่มองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าตกตะลึง
ตะกี้เขายังด่าอีกฝ่ายอยู่เลย แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับรู้จักกับคนใหญ่โต การที่หวังเย่าเรียกฟู่หมิงว่าพี่ มันไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าตัวเองเลย
“ฉันบอกนายไปก่อนแล้วว่าโลกนี้น่ะใหญ่โต อย่าคิดว่าเป็นคนของตระกูลเจียงแล้วจะยิ่งใหญ่ การเข้าไปในดินแดนนรกน่ะเป็นโอกาสที่หลายคนจะได้พัฒนาตัวเอง อย่าทำให้ฉันผิดหวัง” ในฐานะที่เจียงหยานมองเจียงยู่ว่าเป็นผู้สืบทอดของตระกูล เขาจึงได้พูดเตือนขึ้นมา
เมื่อคนอื่น ๆ เห็นสถานการณ์ที่นี่ก็พากันแปลกใจที่เทพไฟและคนอื่น ๆ พากันมาพูดคุยกับเด็กน้อย ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากมองมาที่หวังเย่า
“พี่ ไอ้เด็กนั่นมันอะไรกัน ? ” จีหลิงมองไปที่หวังเย่าด้วยความแปลกใจ
จีฮีคิ้วขมวดและพูดขึ้นมา “ไม่ต้องกังวล ความเป็นความตายในดินแดนนรกเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ขนาดเทพไฟที่ต้องการจะฝ่าเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือไม่ปล่อยผู้สืบทอดของตระกูลอื่นไป ”
“เขาสนิทกับเทพไฟแบบนั้นได้ยังไง ? รึว่าเขาเป็นคนจากกองกำลังใหญ่ ? ” ยู่จีถามกับหยุนหยวนซูที่อยู่ข้าง ๆ
ทั้งสองคนเป็นนายพลที่โด่งดัง ทั้งสองต่างก็เป็นแม่ทัพที่โด่งดังในเขตดาวโบไลด์ ยู่จีนั้นเอาตรง ๆ ก็ดูไม่เหมือนกับแม่ทัพ เขาเหมือนกับนักเลงข้างถนนมากกว่า
แต่สองคนนี้คือมือซ้ายและขวาของเทพธิดาน้ำแข็ง ไม่มีใครกล้าดูถูกทั้งคู่
ในสายตาของเขาแล้ว หวังเย่านั้นต่างจากคนอื่น ในฐานะแม่ทัพแล้ว เขาไม่อาจจะมองข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนนรกได้โดยเฉพาะกับคนใหญ่โตอย่างฟู่หมิง
เขาพอได้ยินเรื่องของเด็กนี่มาบ้าง หวังเย่าเหมือนจะสนิทกับฟู่หมิง แม้แต่เจ้าของร้านอย่างหยานเทียนก็ยังรู้จักกับ หวังเย่าด้วย
“ตระกูลหยุนของนายก็เข้าร่วม นายคงไม่คิดจะเข้าไปยุ่งหรอกนะ ? ” ยู่จียิ้มและพูดขึ้นมา
“ฉันจะพูดอีกครั้ง นายจะเชื่อรึไม่ก็ตามใจ ฉันจะเอาสมบัติทั้งหมดที่นายมีไปไว้ที่ตระกูลฉัน” หยุนหยวนซูยิ้มออกมา
ตอนนั้นเองหวังเย่าที่กำลังพูดคุยกับเทพไฟอยู่ก็ได้มองไปรอบ ๆ
“มีอะไร ? ” ฟู่หมิงถามขึ้นมา
“ไม่มีอะไร” หวังเย่าส่ายหน้าแต่ในใจของเขากลับรู้สึกแปลก ๆ
ตะกี้นี้เขารู้สึกได้ถึงสายตาอาฆาตที่มองมาที่เขา มันไม่ได้รุนแรงนักแต่เขาก็รับรู้ได้ หวังเย่ามั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องหมายหัวเขาอย่างแน่นอน
รึว่าจะเป็นดูฉีชุย ?
หวังเย่ารู้ว่าครั้งนี้เขาทำให้คนจำนวนมากหันมาสนใจ ดูฉีชุยคงเห็นเขา แต่หลังจากที่มองไปที่ดูฉีชุยแล้ว เขาก็ทิ้งความคิดนี้ไป
อีกฝ่ายน่ะยืนรอยู่ด้านหลังคนของตระกูลหยุน และไม่ได้สนใจเขารึแผ่รังสีอาฆาตออกมาเลยแม้แต่น้อย
“หือ ? ” หวังเย่ามองไปที่มุมหนึ่ง มันคือมุมที่อยู่ไกลออกไปจากตัวเขา ถ้าไม่สังเกตดี ๆ คงไม่เห็น แต่หวังเย่าเห็นว่าที่มุมนั้นมีชายหนุ่มยืนพิงกำแพงและมองมาที่เขาอยู่
“เป็นเขานี่เอง ! ” เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย หวังเย่าก็มั่นใจว่ารังสีอาฆาตเมื่อตะกี้นั้นมาจากชายหนุ่มคนนี้
แต่เขาไม่เข้าใจ ทั้งที่เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายแต่ทำไมอีกฝ่ายถึงคิดจะฆ่าเขา
ตอนนั้นสุดท้ายเขตนอกของดินแดนนรกก็ปิดตัวลง
“ค่ายกลปิดแล้ว ทุกคนจะได้เข้าไปยังทวีปของดินแดนนรก” เทพธิดาน้ำแข็งประกาศขึ้นมา