ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 699 : เข้ามาสู่ดินแดนนรก
ตอนที่ 699 : เข้ามาสู่ดินแดนนรก
หวังเย่ายืนอยู่บนท้องฟ้าของทวีปที่ใหญ่โตจนแทบมองไม่เห็นที่สิ้นสุด ภูเขาและแม่น้ำที่นี่รวมถึงป่านั้นมีอยู่นับไม่ถ้วน ที่นี่คือโลกที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันราวกับอยู่คนละจักรวาล
ชั้นอากาศดูเบาบาง หวังเย่าเห็นหมู่ดาวอย่างชัดเจนราวกับว่านี่คือรูปภาพ ที่นี่กว้างใหญ่กว่าเขตดาวโบไลด์เสียอีก !
ประตูพรมแดนลอยอยู่เหนือยานขนาดใหญ่
ผู้คนที่ผ่านไปมานี้มุ่งหน้าไปที่ยาน หวังเย่าและคนอื่น ๆ ก็พากันมุ่งหน้าไปที่ยานเช่นกัน ที่ใจกลางยานนั้นมีอาคารรูปวงกลมขนาดใหญ่กินพื้นที่กว่า 2 ใน 5 ของทั้งยาน แม้ว่าจะอยู่นอกยาน แต่ก็ยังเห็นมันได้อย่างชัดเจน
“นี่คือโรงละครที่พังลงในสงครามโลกทั้งสาม พลังของพวกนั้นได้หลอมรวมกับยานนี้ ไม่ใช่แค่ยานจะไม่มีทางตกลงไปแล้วแต่ยังลอยอยู่เหนือทวีปอยู่ตลอด มันคือความพิศวงของดินแดนนรก” โม่ยู่หลินอธิบายให้หวังเย่าและคนอื่น ๆ ฟัง
ในฐานะสัตว์อสูรที่อยู่มานานแล้ว ในสายตาของคนทั่วไปแล้วนี่คือเรื่องในตำนานแต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นแค่เรื่องในอดีตเท่านั้น
“สงครามโลกทั้งสามงั้นหรือ ? ” หวังเย่ามองไปที่โม่ยู่หลินด้วยความสงสัย
“มันคือพื้นที่ของเขตดาวโบไลด์ ในฐานะคนนอกแล้วคงไม่ดีที่จะพูด แต่มันก็ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด พวกตระกูลเก่าแก่ต่างก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี” หลังจากที่พูดจบโม่ยู่หลินก็เดินไปที่อาคาร
อาคารหลังนี้ทำด้วยหินสีดำ มันมีรูปร่างเป็นวงรี มี 12 ประตูที่ใช้เป็นทางเข้าออก หลังจากที่หวังเย่าและคนอื่น ๆ เข้าไปด้านใน พวกเขาก็พบว่าด้านในนั้นดูสลัวขึ้น และมันคือโรงละครขนาดใหญ่
ตอนนั้นพวกเขายืนอยู่ในโรงละครที่เต็มไปด้วยผู้คน
“ยานนี้แต่เดิมแล้วเป็นโรงละคร แต่ตอนนี้กลับใช้เป็นที่พักของคนที่มาที่นี่ มันมีค่ายกลอยู่ คนทั่วไปไม่อาจจะเข้ามาได้ ค่ายกลของเกาะมีใช้ไว้เพื่อเอายานลงจอด”
“ใครดูแลที่นี่ ? ” หวังเย่ามองไปรอบ ๆ มันมีผู้คนจำนวนมาก แต่พวกเขาไม่ได้สร้างความวุ่นวายเลย และได้แต่จับกลุ่มรวมกันและพูดคุยกันเท่านั้น
ในส่วนด้านหน้านั้นที่เวทีขนาดใหญ่ มันมีผู้หญิงนั่งอยู่ใจกลางเวที เธอใส่ชุดสีฟ้าถือไม้เท้า เธอดูงดงามและสูงส่งอย่างมาก
มันมีชายอีกสองคนนั่งอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนว่าทั้งสามจะรู้จักกัน
“ลุงหยานเทียนกับพี่ฟู่หมิงงั้นหรือ ? ” หวังเย่ามองไปยังทั้งสามคน ทั้งสองคนบนเวทีเองก็หันมายิ้มให้กับหวังเย่า
โม่ยู่หลินที่อยู่ข้าง ๆ มองไปที่หยานเทียนราวกับทักทาย
เทพธิดาน้ำแข็งยกมือขึ้นและพูดขึ้นมา “ดูเหมือนว่าจะมีคนรู้จักเทพไฟอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นชายตัวสูงคนนั้นรึเด็กหนุ่มคนนั้นกัน ? ”
“หือ ? มีคนได้รับความสนใจจากเทพไฟ ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าเป็นใคร” ชายแก่ผมขาวอีกคนพูดขึ้นมา
“น้องของฉันน่ะเป็นคนมีความสามารถ แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่ได้มากนัก อย่าไปใส่ใจเขาเลย” ฟู่หมิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดของฟู่หมิง ชายแก่ก็ฮึดฮัดออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ชัดแล้วว่าฟู่หมิงไม่คิดจะบอกพวกเขา พวกเขาจึงไม่อาจจะพูดอะไรได้ อีกฝ่ายน่ะอยู่ระดับเดียวกับเทพธิดาน้ำแข็ง
ฟู่หมิงรู้ว่าคนเหล่านี้ต่างก็มีกองกำลังเป็นของตัวเอง เขาไม่อยากให้คนเหล่านี้รู้ว่าหวังเย่ากับเขารู้จักกัน เพราะความแข็งแกร่งของหวังเย่าตอนนี้ไม่อาจจะรับมือกับพวกระดับสูงได้ การทำตัวไม่ให้สะดุดตานั้นจะดีที่สุด
“ครั้งนี้เทพไฟเดินทางมาเองเลย ถ้านายลงมือก็คงจะได้อสูรมิติมาอย่างง่ายดาย ฉันคงต้องขอให้นายออมมือให้เด็ก ๆ กันบ้าง” หญิงชราคนหนึ่งบอกกับฟู่หมิง
หญิงชราคนนั้นมีผมสีขาว ที่หัวของเธอมีวิหคเพลิงสีทองประดับอยู่ มันทำให้เธอดูโดดเด่นกว่าเก่า พลังของเธอเองก็โดดเด่นอย่างมากเช่นกัน
ฟู่หมิงมองไปที่อีกฝ่าย เขาไม่ได้สนใจท่าทีของอีกฝ่ายและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “บรรพชนตระกูลจีมาที่นี่ด้วย แม้ว่าเราคิดจะทำแบบนั้นแต่คงไม่สำเร็จง่าย ๆ เป็นเราต่างหากที่คงวางใจไม่ได้ ”
ในอีกด้านหยานเทียนก็ได้โบกมือและพูดขึ้น “ในเขตดาวโบไลด์นั้น ธุรกิจของตระกูลจีไม่ด้อยไปกว่าใคร ฉันได้ยินชื่อเสียงของเธอมานานแล้ว ฉันล่ะอยากพบเธอตัวจริง ๆ และวันนี้ก็ได้พบ”
หลายคนได้ยินคำพูดของทั้งสองคนก็มองไปที่บรรพชนตระกูลจีด้วยท่าทีไม่พอใจ หัวหน้าตระกูลอีกสามตระกูลต่างก็ไม่พอใจกับมุมมองของบรรพชนตระกูลจีด้วยเช่นกัน
บรรพชนตระกูลจีตัวสั่นด้วยความโกรธ ทั้งสองคนกลับมาสร้างปัญหาให้กับเธอ แต่เธอไม่อาจะเอาคืนได้ เธอฮึดฮัดแล้วพูดขึ้นมา “ฉันหวังว่านายจะทำแบบที่พูดได้นะ”
โม่ยู่หลินได้ทำการแนะนำให้กับหวังเย่า “พวกนั้นคือคนระดับสูงในจักรวาล เทพไฟและหยานเทียนคงไม่ต้องพูดถึง ส่วนคนอื่น ๆ มาจาก 4 ตระกูลในเขตดาวโบไลด์ มันมีกองกำลังอื่นในจักรวาลด้วย แม้แต่พันธมิตรดวงดาวเองก็มาด้วยเช่นกัน”
“เรื่อง 4 ตระกูล ข้าก็ยังไม่รู้รายละเอียดนัก ตอนที่ข้าเพิ่งมาที่เขตดาวโบไลด์ ข้าก็อยู่ในมิติลับตลอดและไม่ค่อยรู้เรื่องโลกภายนอกมากนัก” โม่ยู่หลินพูดขึ้น
หวังเย่าแสดงสีหน้าจริงจังออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น กองกำลังเหล่านี้สำหรับหวังเย่าแล้วคือยักษ์ใหญ่ มันยังมีพันธมิตรดวงดาวอีก นี่คือกองกำลังระดับสูงในจักรวาล พวกนี้มีฐานะที่ไม่ด้อยไปกว่าเทพไฟเลย
“หวังเย่า พี่เองก็มาที่นี่ด้วยหรือ” ไม่ไกลจากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
หวังเย่าหันไปมองตามก็พบกับสองพี่น้องตระกูลวานที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา วานเซ่มองไปที่หวังเย่าด้วยความดีใจและพูดขึ้น “ฉันรู้แล้วว่าพี่ต้องมา”
“ฉันก็เดาไว้อยู่แล้ว ! ” วานซิดพูดขึ้น
ตั้งแต่ที่ช่วยวานเซ่มา ชายคนนี้ก็เลิกเรียกหวังเย่าว่าผู้อาวุโส แต่ก็ยังถือว่าหวังเย่านั้นน่าเคารพอยู่ดี แม้ว่าหวังเย่าจะไม่คิดว่าเขาแก่กว่า แต่อีกฝ่ายน่ะรบเร้าสุดท้ายเขาก็ต้องยอม
มันก็คงดีกว่าถูกเรียกว่าผู้อาวุโสไม่ใช่รึไง ?
แม้ว่าจะรู้ว่าสองพี่น้องนี่ได้ตั๋วมา แต่หวังเย่าก็ไม่คิดว่าทั้งสองจะมาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย วานเซ่น่ะแกร่งพอตัวแต่สิ่งที่หวังเย่าไม่มั่นใจคือวานซิดที่เลเวลแค่ 100
“หึหึ พี่เย่าไม่ต้องกังวลเรื่องเราสองคนไป การเปิดของดินแดนนรกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มันมีคนอยู่จำนวนมาก ไม่ใช่แค่ 4 ตระกูลของเขตดาวโบไลด์ กองกำลังระดับสูงของพันธมิตรดวงดาวก็เข้าร่วมด้วย มันทำให้การแข่งขันยากขึ้นไปอีก” วานเซ่ พูดขึ้น
“นายรู้เยอะจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนว่านายไม่รอบคอบเท่าไหร่” หวังเย่ามองไปที่วานเซ่ด้วยสีหน้าแปลกใจ เขาไม่คิดเลยว่าวานเซ่จะรู้เรื่องนี้ด้วย
“ฉันตรวจสอบมาเยอะ” วานเซ่พูดขึ้นและมองไปยังคนบนเวที “พี่เห็นผู้หญิงที่นั่งตรงกลางนั่นไหม ? เธอคือเทพธิดาน้ำแข็ง ว่ากันว่าเธอสวยที่สุดในเขตดาวโบไลด์”
“เทพธิดาแบบนั้นถ้าใครได้แต่งงานด้วยคงตายตาหลับ ! ” วานเซ่พูดขึ้นมา
หวังเย่าแค่ยิ้มออกมาเขา ไม่ได้สนใจผู้หญิงแบบนั้น แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่เดินทางท่องจักรวาลอย่างฟู่หมิงก็ถือว่ามีความชอบที่ทัดเทียมกับเขาเลยก็ว่าได้
หวังเย่าอยากรู้เรื่องตระกูลทั้งสี่มากกว่าว่าพวกนั้นส่งคนเข้าร่วมกี่คนกัน
“ตระกูลทั้งสี่คือกองกำลังชั้นสูงในเขตดาวโบไลด์ นอกจากนี้ยังมีตระกูลเหิงของเทพธิดาน้ำแข็งอยู่อีก พวกที่เข้าร่วมต้องเป็นพวกระดับสูงในสามตระกูลและเป็นเด็กที่ต้องการประสบการณ์ แต่พวกนั้นใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ ”
“สงครามดวงดาว…” เมื่อพูดถึงพันธมิตรดวงดาว วานเซ่ก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมา “เท่าที่รู้มา มันไม่ได้มีปัญหามากนัก พี่ไม่ต้องกังวลหรอก”
ในหมู่ผู้คน คนจากตระกูลทั้งสี่ไม่คิดจะปิดบังตัวตนเลย
“คนที่เข้าร่วมก็เพื่อแย่งเอาอสูรมิติงั้นหรือ ? พวกนี้ดูอ่อนแอจริง ๆ นอกจากพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่แข็งแกร่งแล้ว ฉันไม่เห็นใครน่าสนใจเลย” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดกับเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ
“พวกนี้ก็แค่พวกระดับต่ำ และคิดหวังพึ่งโชคว่าจะได้สัตว์อสูรมา มันมีแต่พวกโง่เราไม่ต้องไปใส่ใจหรอก” ชายอีกคนตอบกลับ
ในฐานะคนจากสี่ตระกูลใหญ่แล้ว เขาเป็นคนจากตระกูลหยาน มีอายุ 200 ปี เขาได้กลายเป็นผู้นำของรุ่นเยาว์ เป็นธรรมดาที่มุมมองของเขาจะสูงกว่าคนทั่วไป
ไม่ใช่ทุกคนที่มีความคิดแบบพี่น้องตระกูลวาน มันมีหลายคนที่เลเวล 100 ที่คิดหวังพึ่งโชคชิงเอาอสูรมิติไป
สำหรับพวกคนจากตระกูลใหญ่แล้ว คนแบบนี้ถือว่าเป็นพวกโง่
“พี่จีฮี ด้วยความแข็งแกร่งของพี่แล้ว ครั้งนี้พี่ต้องได้สัตว์อสูรนั่นไปแน่” จีหลิงบอกกับพี่ของตัวเอง
“ครั้งนี้แม้แต่เทพธิดาน้ำแข็งก็ยังลงมือด้วย ถึงจะไม่ง่าย แต่..” จีฮีมองไปทางคนอื่นๆจากตระกูลระดับสูงและพูดขึ้น “นอกจากพวกบนเวทีแล้ว คนอื่น ๆ ก็ดูไม่น่ากังวลอะไร ! ”