ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 634 : การต่อสู้ที่ดุเดือด
ตอนที่ 634 : การต่อสู้ที่ดุเดือด
หลังจากที่ทำลายตึกต่าง ๆ บนดาวเฟนเซอร์ไปแล้ว หวังเย่าก็ไม่อาจจะหาตำแหน่งของรูหนอนได้อีก
โชคดีที่หลังจากที่อัพเกรดระบบให้รวมตัวกับนาฬิกา ระบบจึงได้บันทึกตำแหน่งของหวังเย่าเอาไว้ ตราบใดที่เปิดระบบนำทาง งั้นสุดท้ายเขาก็จะหาทางกลับไปได้อยู่ดี เพราะแบบนั้น หวังเย่าจึงหาทางกลับไปได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าจะอยู่ในเขาวงกตก็ตาม
บนยานหลักของดาวทมิฬ ทันทีที่แฟนธอมได้รับข้อความจากหวังเย่า ทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้นทันที
“รีบเปิดรูหนอนให้นายท่านกลับมา” เอไนน์พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
แฟนธอมกดปุ่มทันที จากนั้นบนท้องฟ้าก็มีรูหนอนสีดำปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะตึกมันถล่มลงไปแล้ว รูหนอนจึงอยู่สูงจากพื้นดินกว่า 500 เมตร ถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงยากที่จะขึ้นมาในระดับความสูงแบบนี้ได้
หวังเย่าส่ายหน้าก่อนที่จะมีไฟพุ่งออกมาจากใต้เท้าเขา ไม่นานเขาก็หายไปในรูหนอนนั้น
ผ่านไปสักพักหวังเย่าก็กลับมาที่โรงงานร้างบนดาวทมิฬ
หวังเย่าไม่ลังเลที่จะเดินทางไปยังยานก่อนจะขึ้นไปเพื่อเดินทางไปที่กองกำลังดวงดาวทันทีเพื่อรวมตัวกับคนอื่น ๆ
“ฮีโร่กลับมาแล้ว ! ”
ทุกคนพากันไปรวมตัวและแสดงความยินดีกับหวังเย่า
“รายงานแม่ทัพ กองกำลังของดาวเฟนเซอร์เริ่มถอยแล้ว ! ” ทหารคนหนึ่งเข้ามารายงานกับนอร์แมน
ตอนนี้นอร์แมนรับหน้าที่แม่ทัพอยู่ หวังเย่าเป็นแค่ว่าที่แม่ทัพ เขาจึงยังไม่รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
อัลเฟรดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ฉันคิดว่าสงครามนี้จะทำให้เราเสียหายอย่างมากถ้ายืดเยื้อต่อไป ที่มันจบลงแบบนี้คงต้องขอบคุณหวังเย่า”
“ผมเองก็เป็นแม่ทัพของกองกำลังดวงดาว นี่คือสิ่งที่ผมสมควรทำ” หวังเย่ายิ้มและตอบกลับ
ตอนนี้ในใจของทุกคนเขาคือคนที่สูงส่งที่สุด ไม่มีใครสงสัยในตำแหน่งแม่ทัพของเขา
เจนกิ้นหน้าแดงและพูดขึ้นมา “นายจะปล่อยพวกนั้นไปแบบนี้จริง ๆ หรือ ? ”
นอร์แมนหัวเราะออกมา “พวกเขาเริ่มก่อน แน่นอนว่าตอนที่พวกเขาไปเราก็ควรจะสั่งสอนด้วย สั่งการยานรบทุกลำให้ยิงเต็มกำลังเพื่อส่งโปโปวิชกลับบ้าน ! ”
“ฮ่าฮ่า…พวกหมาจนตรอก ! ” ผู้การคนอื่น ๆ พากันหัวเราะออกมา
“ใช่ เราต้องสั่งสอนพวกนั้นให้หลาบใจเพื่อที่จะได้ไม่ทำอีก อย่างน้อยพวกนี้คงไม่กล้าสร้างปัญหาไปอีกหลายสิบปี” ผู้การอีกคนพูดขึ้นมา
เมื่อพูดจบที่ประตูวาร์ปก็มีไฟลุกลามขึ้น ยานรบนับไม่ถ้วนพากันหนี บางลำระเบิดไปก่อนที่จะไปถึงประตูวาร์ปเสียอีก
หวังเย่าและคนอื่น ๆ ยืนมองโปโปวิชหนีหางจุดตูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
กองกำลังดวงดาวได้ทำการถ่ายรูปเพื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ หวังเย่ายืนอยู่ตรงกลางของรูปล้อมรอบไปด้วยคนใหญ่คนโตมากมาย
จนกระทั่งประตูวาร์ปหายไปแต่ทุกอย่างก็ยังดูวุ่นวายเหมือนเดิม มันมีเศษยานรบกระจายอยู่ทั่วทุกที่ มันถึงกับมีศพของผู้คนอยู่ด้วย
ภายใต้คำสั่งของเจนกิ้น กองกำลังดวงดาวก็ได้ส่งหน่วยพิเศษเข้าไปเก็บกวาดสนามรบและนำอาวุธและอุปกรณ์ที่มีค่ากลับมา
หลายชั่วโมงผ่านไป รูปที่กองกำลังดวงดาวได้ถ่ายไว้ก็ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ
คนที่ยืนอยู่ตรงกลางคือหวังเย่า โดยด้านล่างมีข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้น
หวังเย่าเพียงคนเดียวได้ฆ่าผู้ดูแลของอีกฝ่ายไป เขาได้ฝ่าเข้าไปในดงศัตรูและเกือบจะฆ่าโปโปวิชได้ การกระทำแบบนี้จะถูกบันทึกเอาไว้
ในส่วนสุดท้ายของข่าวได้บอกถึงการที่หวังเย่าเดินทางผ่านรูหนอนไปยังดาวเฟนเซอร์ เขาได้ทำลายกฎโลกของที่นั่น แต่เพราะไม่มีรูป ส่วนนี้จึงไม่ได้น่าสนใจเท่ากับการสู้รบของกองกำลังดวงดาวกับดาวเฟนเซอร์
แต่ตอนนั้นที่ดาวเฟนเซอร์ พวกนั้นได้บันทึกรูปเอาไว้แล้วว่าหวังเย่าคือศัตรูของทั้งโลกไปตลอดกาล ถึงจะผ่านไปหลายร้อยปี แต่มันจะกระตุ้นให้คนของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นและไม่ลืมหายนะในครั้งนี้ พวกเขาจะหาโอกาสแก้แค้นอยู่เสมอ
3 วันผ่านไปหลังจากที่เก็บกวาดสนามรบเสร็จสิ้น กองกำลังดวงดาวก็ได้จัดงานฉลอง กองกำลังภาคพื้นดินและนักข่าวก็ได้รับเชิญมาด้วยพวกนั้นพากันไปล้อมหวังเย่าเอาไว้และถามถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของสงคราม
หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตหนวดปีศาจ การรุกรานของดาวเฟนเซอร์และเรื่องอื่น ๆ มาได้ ก็ทำให้ดาวทมิฬเข้าสู่ช่วงสงบสุขและฟื้นฟู ตอนนี้หวังเย่าได้กลายมาเป็นฮีโร่ที่คนมากมายต้องเคารพ คนส่วนมากถึงกับตกลงว่าจะสร้างรูปปั้นให้กับหวังเย่า โดยที่รูปปั้นนี้จะสูงถึง 100 เมตร
คนที่ได้โครงการนี้ไปกลับเป็นตระกูลมูหลาง เพื่อที่จะประชาสัมพันธ์กับผู้คนแล้ว ตระกูลมูหลางจึงได้เสนอที่ดินใกล้กับชายหาดราคาหลายพันล้านให้เป็นที่สร้างฟรี ๆ
จากนี้ไปเมื่อใครก็ตามที่เดินทางผ่านที่นี่ก็จะเห็นรูปปั้นขนาดใหญ่นี้
….
งานฉลองยังคงดำเนินต่อไป
ตอนที่หวังเย่าและนอร์แมนพูดคุยกันอยู่นั้น อยู่ ๆ โทรศัพท์ของหวังเย่าก็ดังขึ้น
เมื่อรับสายแล้วก็ได้ยินเสียงพูดดังขึ้นมาด้วยความกังวล จนทำให้สีหน้าของหวังเย่าดูไม่สู้ดีนัก
“มีเรื่องอะไรพี่เย่า ? ” แฟนธอมลุกขึ้นยืนและมองไปที่หวังเย่า
คนอื่นๆเองก็มองไปที่หวังเย่าด้วยความกังวลเช่นกัน
“ไม่มีอะไร ฉันขอตัวสักครู่ พวกนายฉลองกันต่อเถอะ”
หลังจากที่บอกทุกคนแล้ว หวังเย่าก็ออกจากห้องโถงมุ่งหน้าไปที่ดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่งทันที
เขาดูร้อนใจอย่างมาก เขาพุ่งออกไปด้วยไฟใต้เท้าของเขาก่อนจะมุ่งหน้าไปยังวังของราชวงศ์
ไม่นานหวังเย่าก็มาถึงดาดฟ้าของวัง
หลังจากที่หวังเย่าปรากฏตัว ทหารก็เข้ามายืนเรียงแถวตรงหน้าของหวังเย่าก่อนจะทำความเคารพเขา
“เจ้านายของพวกนายอยู่ไหน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
หมอคนหนึ่งเดินเข้ามาและกระซิบกับหวังเย่า “เจ้าหญิงหลินฉีบาดเจ็บหนัก ตอนแรกเธอแสร้งว่าไม่เป็นอะไร คนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าเธอบาดเจ็บ เธอไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับใครเพื่อไม่ให้ราชาต้องกังวล”
“ตอนนี้เธออยู่ไหน ? ” หวังเย่าถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
“ในห้องของเธอ ตอนนี้เธอน่าจะหลับอยู่” หมอตอบกลับ
หวังเย่าพยักหน้าก่อนจะมุ่งหน้าไปที่นั่นและเดินไปข้างเตียงที่หลินฉีนอนอยู่
มันไม่ใช่เตียงธรรมดา เตียงนี้ยังได้รับการตกแต่งอย่างดี
แม้แต่หมอกและผ้าห่มเองก็ยังปักเย็บลวดลายที่สวยงามต่าง ๆ เอาไว้ มันทั้งนุ่มและลื่น
ห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอม หลินฉีนอนอยู่บนเตียงโดยที่หางตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย
ผมของเธอปล่อยยาวสยาย เธอดูสมกับเป็นเจ้าหญิงจริง ๆ
หวังเย่ายกเก้าอี้ไปนั่งข้าง ๆ เธอ ก่อนจะยื่นมือออกมาจับที่หน้าผากของเธอเอาไว้
เมื่อรับรู้ได้ถึงความเย็นที่ส่งผ่านมือมาถึงหน้าผาก หลินฉีก็ลืมตาขึ้น
“เธอตื่นแล้วหรือ ? ” หวังเย่าทำราวกับพ่อที่เป็นห่วงลูกสาว
หลินฉีมองไปที่หวังเย่าแล้วพึมพำออกมา “การต่อสู้จบลงแล้ว นายไม่ไปฉลองกับคนอื่น ๆ ล่ะ ไม่ต้องมาสนใจฉันหรอก”
“แต่ฉันมาหาเธอแล้วนี่ไง ? ฉันให้สัมภาษณ์ไปหลายเรื่องและบอกว่านี่คือผลงานของเธอด้วย”
หลินฉีมองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้น “จริงหรือ ? ”
“จริงสิ” หวังเย่าตอบกลับ
หลินฉียิ้มออกมาด้วยท่าทีเขินอายและพูดขึ้น “เมื่อนายเป็นห่วงฉัน ทำไมนายไม่ถามเรื่องอาการบาดเจ็บของฉันบ้างล่ะ ? ”
“ ฉันกลัวว่าจะรบกวนเวลาเธอพักผ่อน”
“แต่ฉันตื่นแล้วไง นายจะไม่ดูแลหน่อยรึ ? ”
“ ได้ ฉันจะดูเองว่าเธอบาดเจ็บตรงไหน”
หวังเย่ายิ้มออกมาก่อนจะลุกขึ้นแล้วเปิดผ้าห่มออก
กลิ่นหอมจากตัวเธอกระจายฟุ้งไปทั่วก่อนที่หวังเย่าจะต้องตัวแข็งทื่อไป
หวังเย่าตาแทบถลนพร้อมกับน้ำลายที่ไหลออกมา
ภาพตรงหน้าทำให้เขาตกใจจริง ๆ…
ร่างอันขาวเนียนมัดด้วยเชือกแดงทำให้เขารู้สึกเลือดในร่างกายร้อนผ่าวตามไปด้วย
เมื่อเห็นท่าทีของหวังเย่า หลินฉีก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เธอได้บิดตัวไปมาด้วยท่าที่ยั่วยวน
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้น มือขาว ๆ ของเธอจับไปที่ไหล่ของเขาเอาไว้แล้วกระซิบที่ข้างหูของหวังเย่าเบา ๆ
ตอนนั้นมันถึงกับทำให้หวังเย่าใจเต้นรัวขึ้นมา
“เธอ…หาเรื่องเจ็บตัวรึไง ? ”
“ นายอยากให้ฉันเจ็บงั้นหรือ ? นายท่าน …” หลินฉีดึงคอของหวังเย่าให้ล้มตัวลงที่เตียง
เมื่อทั้งสองมองตากัน หัวใจของทั้งสองก็เต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก
“นายท่าน ฉันอยาก…”
ตอนนั้นหวังเย่าก็เลือดร้อนขึ้นมาเต็มที่
สักพักที่พื้นถึงกับสั่นไหว ทั้งสองราวกับไฟอันร้อนแรงที่เข้าพัวพันกันอย่างบ้าคลั่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน สุดท้ายหลินฉีก็นอนซบอยู่ที่อกของหวังเย่า
“นายท่าน นายนี่ดีจริง ๆ….” หลินฉีกอดหวังเย่าเอาไว้แล้วยิ้มออกมา
เมื่อมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะพลิกตัวเธอและกดเธอไว้อีกครั้ง
ตอนนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกรอบพร้อมกับการต่อสู้ของทั้งสองที่เริ่มขึ้นอย่างดุเดือด
กริ๊ง…
อยู่ ๆ โทรศัพท์ของหลินฉีก็ดังขึ้น
“โทรศัพท์เธอน่ะ” หวังเย่าพูดขึ้นมา
“ช่างมัน” หลินฉีไม่คิดจะสนใจ
“รับสิ บางทีอาจจะเป็นเรื่องด่วน ? ” หวังเย่าไม่ใช่สัตว์ที่ปล่อยให้ส่วนล่างครอบงำ เขาก็พอมีเหตุผลอยู่บ้าง เขาไม่ได้สนใจแค่เรื่องอย่างว่าเพียงอย่างเดียว
หลินฉีต้องลุกขึ้นนั่งแล้วกางมือออก จากนั้นก็มีภาพของพ่อเธอปรากฏขึ้นมาบนจอ
“พ่อ…” หลินฉีลนลานและรีบหาเสื้อคลุมมาใส่ก่อนจะกลับไปนั่ง
หวังเย่ากระแอมออกมาเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเข้าห้องน้ำไป