ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 633 : เปิดประตู
ตอนที่ 633 : เปิดประตู
หวังเย่ามองไปยังโลกที่โดนทำลายอยู่ เขารู้ว่าเขาได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย สงครามนั้นโหดร้าย พวกเขาจะไม่ยอมยั้งมือจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้ไป
หวังเย่าเงยหน้าขึ้นมองชั้นกฎรอบโลกที่เริ่มบางลงมาเรื่อย ๆ สุดท้ายมันก็มีรูขนาดขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาบนหัวของเขา
“กฎโลกคงยากจะฟื้นฟูได้ใน 10 ปี นี่แค่มังกร 10 ตัว ถ้ามีมังกรเพิ่มขึ้นมาอีกตัว กฎโลกต้องหายไปอย่างสมบูรณ์แน่นอน และมนุษย์ที่นี่คงโดนกลืนกิน”
หวังเย่าทึ่งกับทักษะที่เขาสร้างขึ้นมา พลังกฎนั้นแกร่งที่สุดในโลก แต่ทักษะของเขากลับทำลายมันได้อย่างง่ายดาย มันเหนือกว่าอาวุธใด ๆ แต่มันอาจจะไม่ง่ายที่เขาจะได้ค่ายกลแบบนี้มาอีก
สำหรับว่าหวังเย่าจะใช้ค่ายกลนี้ออกมาได้เต็มที่รึไม่นั้น หวังเย่าเองก็ยังไม่มั่นใจ
“ฉันปล่อยให้โลกนี้หายไปอย่างสมบูรณ์ก็ได้ แต่ฉันจะให้โอกาสพวกเขา ! ” หวังเย่าพึมพำกับตัวเองแล้วชูมือขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็มีจุดแสงสีเขียวนับไม่ถ้วนกระจายออกไปยังหนวดโดยรอบ
ภายใต้การควบคุมของหวังเย่า หนวดนั้นก็เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกหนวดนี้ก็ยังลังเลอยู่ แต่เมื่อพบรูที่เกิดขึ้นกับชั้นกฎโลก มันก็ได้พุ่งเข้ามาในรูนี้ทันที คนในดาวเฟนเซอร์ต่างก็ทำการโจมตีเพื่อยับยั้งมันเอาไว้
ตอนนี้แม้ว่าหวังเย่าจะไม่คอยควบคุม แต่หนวดนี้ก็ยังทำการโจมตีอย่างบ้าคลั่งอยู่
เพราะก่อนหน้านี้อยู่ภายใต้การปกป้องของกฎโลก หนวดจึงไม่อาจจะเข้ามาด้านในได้
เมื่อรับรู้ถึงพลังที่กดทับโลกนี้อยู่ซึ่งทำให้กฎโลกนั้นเริ่มลดพลังลงไป หนวดก็สามารถเข้ามาในโลกนี้ผ่านรูนั้นได้อย่างง่ายดาย
หวังเย่าได้ทำลายกฎโลกที่นี่ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือหนวดปีศาจอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าหนวดเริ่มโจมตีโลกแล้ว หวังเย่าก็ได้ดึงพลังกลับมาและหยุดให้ความช่วยเหลือหนวดนี่
จากระยะห่างตอนนี้ระหว่างหนวดกับโลกแล้ว มันคงใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมงก่อนที่จะมาถึงโลก
บอกได้ว่ามันเหลือเวลาที่จะให้โปโปวิชได้ถอยกลับมาทันอยู่ หากเขายังกล้าที่จะช้าอีกสักครึ่งชั่วโมง งั้นความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับดาวเฟนเซอร์นั้นก็ยากที่คนที่นี่จะต้านทานได้ และตอนนั้นคงเป็นหายนะที่แท้จริง
จากนั้นที่เท้าของหวังเย่าก็มีไฟพ่นออกมาก่อนที่เขาจะบินไปยังฝ่ายตรวจสอบของดาวเฟนเซอร์
ในห้องโถงนั้นนายพลทุกคนต่างก็ยุ่งกันจนหัวหมุน
น้ำได้ระเหยไปหมด พลังงานไม่เพียงพอ อุปกรณ์ต่าง ๆ โดนทำลายไปทันที ตอนนี้มีแต่ปัญหารอให้พวกเขาแก้
เพียสันที่เป็นแม่ทัพก็ได้สติกลับมา เขาเองก็มีฝีมือเหมือนกัน ถึงจะแก่และมีความดันสูงแต่ก็ไม่ใช่ปัญหากับเขามากนัก ใช้เวลาไม่นานเขาก็สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ แต่ตอนนี้เขากลับเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เขาเอาหนังสือขึ้นมาพัดไม่หยุด ก่อนจะมองไปที่จอด้วยความกังวลและสั่งการออกมา “ตอนนี้ทรัพยากรเหลือน้อย จากเดิมให้น้ำคนละขวดให้เปลี่ยนเป็นสองคนต่อหนึ่งขวด”
“ได้” ทหารคนหนึ่งตอบกลับ
เขาแลบลิ้นออกมาและมองไปยังภาพของพื้นที่ต่างๆ จนสักพักก็มีทหารเข้ามาในห้อง
“แม่ทัพ หนวดปีศาจเริ่มบุกเข้ามาในโลกเราแล้ว ! ”
“อะไรนะ ! ” เพียสันลุกขึ้นยืนทันที
“คาดว่าอีก 12 ชั่วโมงน่าจะถึง เราจะทำยังไงกันดี ? ”
เพียสันเบิกตากว้าง ตัวของเขาสั่น สุดท้ายเขาก็ต้องทรุดกลับไปนั่งที่เก้าอี้
“นายถามฉันว่าจะทำยังไง…แค่ช่วยผู้คนก็เป็นปัญหาแล้ว เราจะรับมือกับหนวดนั่นยังไง ? ” เพียสันพึมพำออกมาก่อนจะนึกถึงหวังเย่า “มันเป็นเพราะไอ้บ้านั่น..”
“รึว่า….เรียกผู้การกลับมา ถ้าเขาไม่รีบกลับมา เราจบสิ้นแน่” ทหารคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
เพียสันมองออกไปที่ด้านนอกก่อนจะพูดขึ้น “แต่ผู้การบอกก่อนจะไปว่าถ้าไม่ชนะ เขาจะไม่กลับมา ฉันก็ได้รับมอบหมายมาให้ดูแลที่นี่ จากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ฉันจะรับมือยังไงดี ? ”
“ถ้านายไม่กล้าพูด ฉันพูดเอง ! ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในห้อง เมื่อทุกคนหันกลับไปมองก็พบกับชายคนหนึ่งที่แสดงท่าทีเยือกเย็นเดินเข้ามา
“นาย…อย่ามาล้อเล่นแถวนี้ ! ”
ทหารข้าง ๆ ดึงปืนออกมาเล็งไปที่หวังเย่า
แต่หวังเย่ากลับไม่ได้สนใจ เขายังไม่ทันได้ทำอะไรปืนนั้นก็ละลายไปทันที ก่อนที่ทหารคนนั้นต้องรีบโยนปืนทิ้งลงไป
หลังจากที่ทำลายกฎโลกที่นี่แล้ว การควบคุมไฟหยินหยางของหวังเย่าก็ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก
มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะใช้ไฟละลายเหล็กได้ในพริบตา
“แก…แกคงไม่..” ทหารคนนั้นมองหวังเย่าด้วยความกลัวก่อนจะมองไปที่ปืนที่ละลายที่พื้นแล้วเงยหน้าขึ้นมอง หวังเย่าอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าหวังเย่าทำแบบนั้นได้ นายพลคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับเขา
เพียสันมองไปที่หวังเย่าพร้อมปากที่กระตุก ใบหน้าของเขาแสดงความกลัวออกมา
หวังเย่าไปนั่งข้าง ๆ เพียสัน แล้วเอาบุหรี่ออกมาจากซองก่อนจะหยิบไฟแช็คจากกระเป๋าเสื้อของเพียสันขึ้นมาจุด
เขาพ่นควันออกมาแล้วพูดขึ้น “บุหรี่ของที่นี่ดีจริง ๆ ”
จากนั้นก็ยิ้มออกมาและมองไปที่เพียสัน แต่อีกฝ่ายกลับไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
“พวกนายจะรออะไร ? โทรหาโปโปวิชสิ ถ้าพวกนายไม่กล้าพูด ฉันจะพูดกับเขาให้เอง”
ปากของเพียสันกระตุก สุดท้ายเขาก็ต้องรวบรวมความกล้าแล้วพูดขึ้นมา “นาย…นายคิดจะทำอะไร ? ”
“แน่นอน ฉันไม่ชอบการฆ่าใคร ฉันรักความสงบ ฉันอยากให้สงครามนี้จบลงโดยเร็วที่สุด” หวังเย่าสูบบุหรี่เข้าไปเต็มปอดก่อนจะมองไปยังทหารรอบ ๆ “ พวกนายสบายใจได้ ฉันไม่ชอบการฆ่าใครจริง ๆ ฉันไม่ใช่ฆาตกร และไม่คิดทำอะไรกับพวกนายหรอก ที่พวกนายต้องทำตอนนี้คือไปช่วยเหลือคน อย่าชักช้า”
เพียสันยิ้มออกมา เขารวบรวมความกล้ามองไปยังคนของเขาแล้วตะโกนขึ้น “พวกนายไปช่วยคนซะ ฉันจะรับผิดชอบผลที่จะตามมาเอง ! ”
“ได้”
ทหารรอบ ๆ พากันออกจากห้องไปเหลือแค่เพียสันกับหวังเย่าในห้องสองคน
เพียสันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าจอก่อนจะเข้ารหัสเพื่อติดต่อกับโปโปวิช
บนจอนั้นโปโปวิชได้มองไปยังเพียสันที่เหงื่อชุ่มไปทั่วทั้งใบหน้า “ไอ้แก่ แกมีอะไร ? ”
เพียสันมองไปที่โปโปวิชด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขากัดปากอยากจะพูดบางอย่างออกมา แต่หวังเย่ากลับผลักเพียสัน ออกแล้วเข้าไปคุยแทน
“สวัสดี คุณโปโปวิช ไม่ได้เจอกันซะนาน ! ”
โปโปวิชเบิกตากว้างและมองไปยังหวังเย่าบนจอ เขารู้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“หวังเย่า…ทำไม…ทำไมแกถึงไปอยู่ที่นั่นได้ ? ”
หวังเย่ายิ้มออกมา “แปลกใจใช่ไหมล่ะ ? ”
“แก…แกคงไม่คิดจะลักพาตัวคนของฉันหรอกนะ ? ” โปโปวิชควบคุมสติได้อย่างรวดเร็ว “ฉันไม่สนหรอก แกฆ่าเขาได้ตามใจเลย ยังไงซะมันก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อฉันอยู่แล้ว”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น…” หวังเย่าส่ายหน้า “นายประเมินฉันต่ำเกินไปแล้ว เพื่อจะให้นายกลับมาอย่างเต็มใจ ฉันเลยเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้ ไม่งั้นแล้วนายจะกลับมาได้ยังไง”
“จากจำนวนยานที่เดินทางผ่านประตูวาร์ปมา พวกนายคงเอาทหารไปด้วยเยอะ ถ้าต้องสู้กันจริง ๆ ฉันกลัวว่าคงกินเวลาไปหลายสิบปีสินะ ? ”
“อะไรที่ทำให้แกคิดว่าฉันจะถอย ? ” โปโปวิชพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“งั้น…ถ้าบอกว่า…ฉันได้ทำลายกฎโลกของที่นี่ไปแล้วล่ะ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ฮึ่ม..! แกเนี่ยนะ ? ” โปโปวิชยังแสดงท่าทีหยิ่งทะนงออกมาดังเดิม
หวังเย่าส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ดูเหมือนว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา คุณเพียสัน แสดงสถานการณ์ของดาวให้เขาดูที”
เพียสันพยักหน้าก่อนจะกดปุ่มบนโต๊ะ จากนั้นภาพจากดาวเทียมก็ถูกส่งไปหาโปโปวิชทันที
“พระเจ้า” เมื่อเห็นภาพพวกนั้น โปโปวิชก็ร่วงลงจากเก้าอี้ จนลูกน้องต้องเข้ามาประคองเขาเอาไว้
“หวังเย่า! ฉันจะฆ่าแกให้ได้ ! ” คีปิงมายืนอยู่หน้ากล้องแล้วมองมาที่หวังเย่า
หวังเย่าเอามือขึ้นมาแคะขี้หู “ได้ ฉันจะรอละกัน”
เขามองไปที่โปโปวิชที่ตอนนี้หน้าซีดเผือด “เห็นไหมว่าฉันไม่ได้โกหกนาย ตอนนี้มันยังไม่หนักหนานัก ฉันขอบอกนายละกันว่าหนวดนั่นจะเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกนี้ในอีก 12 ชั่วโมง ถ้านายช้าไปอีกสักนาที โลกนี้อาจจะถูกทำลายไปก็ได้”
“แก…”
อึก !
โปโปวิชถึงกับกระอักเลือดออกมา
“ฉันจะบอกเป็นครั้งสุดท้าย ฉัน หวังเย่า ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น ฉันอยากให้แกจำความทรงจำที่เจ็บปวดนี้เอาไว้ ฉันหวังว่าแกจะจำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ ลาก่อน ! ”
หวังเย่าได้ทำการตัดสายทันทีก่อนจะติดต่อไปหาแฟนธอม “เปิดประตู ! ”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แม้ว่าเพียสันจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องเดินออกไปเปิดประตูให้กับหวังเย่าด้วยเช่นกัน