ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 519 : ความหงุดหงิดของหวังเหยา
ตอนที่ 519 : ความหงุดหงิดของหวังเหยา
เมื่อสัตว์อสูรบุกมาที่โลกนี้ ฉิงจีก็ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาไม่อาจจะปกป้องดินแดนที่นี่ได้ และได้แต่ปล่อยให้โลกที่เขาชอบโดนทำลายลงไป ตอนนั้นเขาพยายามที่สุดเพื่อจะช่วยที่นี่เอาไว้ ที่ผ่านมาเมื่อนึกถึงเมื่อก่อน เขาเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าเจ็บปวด ทุกอย่างที่เขารักถูกทำลายไป สุดท้ายเขาก็ได้แต่มองดูทุกอย่างที่เสื่อมโทรมลงไปเรื่อย ๆ แต่เขาไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
เขาคิดว่าสักวันโชคชะตาคงจะส่งใครสักคนให้มาที่นี่ แต่เขาแค่ต้องรอ และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน
ตอนที่ฉิงจีเห็นหวังเย่า ฉิงจีก็รู้ว่านี่คือคนที่จะมาแทนที่เขา
“คนที่กลับมาเกิดใหม่ คือคนที่สามารถมองเห็นอดีตหรือระลึกชาติได้” คำอธิบายของฉิงจีนั้นถือเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับชูหยุน
ชูหยุนมองไปที่ประตูนั้นและรู้สึกว่ามันกำลังเรียกเธออยู่
ทางเข้านี้มันเหมือนกับว่าได้ย้อนกลับไปในอดีต ชูหยุนรู้สึกว่าชายแก่ได้พาเธอมายังสถานที่ลึกลับ
หลังจากที่เดินมาสักพัก สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงที่หมาย มันมีประตูหินตั้งอยู่
หากหวังเย่าอยู่ที่นี่ เขาคงสับสนอย่างมาก เพราะประตูหินนี้คือประตูที่หวังเย่าเคยทำลายมาก่อน ทำไมมันถึงได้มาโผล่ที่นี่อีก !
“เปิดประตูสิ” ฉิงจีบอกกับชูหยุนที่อยู่ด้านหลัง
ชูหยุนมองไปที่ฉิงจีด้วยสีหน้าสับสน เธอไม่รู้ว่าทำไมชายแก่ถึงได้บอกให้เธอเปิดประตู
“เปิดประตู อย่าถามอะไรมาก เมื่อเปิดประตูออกแล้ว เธอจะรู้เองว่าทำไมฉันถึงให้เธอทำแบบนี้” ฉิงจีไม่ได้อธิบายอะไร เขามองไปที่ประตูด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความหมาย ชัดแล้วว่าเขาจะให้ชูหยุนเปิดประตูนี้
เมื่อรู้ว่าชายแก่ไม่คิดจะอธิบายอะไร ดังนั้นชูหยุนจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
เธอเดินไปข้างหน้าแล้วผลักประตูออก แม้ว่ามันจะหนักแต่ก็ยังพอเปิดออกได้
หากเทียบกับการเปิดประตูของหวังเย่าแล้ว การเปิดประตูของเธอนั้นง่ายกว่าอย่างมาก หวังเย่าต้องใช้เวลาหลายวันในการทำลายประตู แต่เธอกลับแค่ผลักออกด้วยแรงปกติของเธอ
หากชูบ้าให้ชูหยุนเปิดประตูตั้งแต่แรก เดาว่าพวกเขาคงได้สมบัติของเผ่าชูมิมาตั้งนานแล้ว
ชูหยุนเปิดประตูออกและพบกับฉากตรงหน้า มันทำให้เธอรู้แล้วว่าทำไมชายแก่ถึงได้ให้เธอเปิดประตูนี้ออก
เธอเห็นพ่อและคนอื่น ๆ พวกเขานั่งอยู่รอบกองไฟ
ชูหยุนเห็นสีหน้าสลดของพ่อเธอแล้วหันกลับไปถามชายแก่ “ทำไมพ่อฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่ ? นี่มันที่ไหนกัน ? ”
“ ลองเรียกพ่อเธอดูว่าเขาได้ยินเธอรึเปล่า”
ชูหยุนพยายามเรียกพ่อของตัวเองอยู่หลายครั้ง แต่พ่อของเธอกลับยังแสดงท่าทีเฉยเมยออกมา ชูหยุนยื่นมือไปแตะชูบ้า แต่มือเธอกลับทะลุตัวเขาไปได้
“ทำไมพ่ออยู่ที่นี่ ? เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ? ทำไมพ่อไม่ได้ยินที่ฉันพูด ? ”
ฉิงจียิ้มและอธิบายออกมา “ พ่อเธอไม่ได้ยินเธอ เพราะเราไม่ได้อยู่ที่เดียวกันกับเขา เธอก็แค่เห็นเขาแต่สัมผัส พูดคุยไม่ได้”
“ แต่ฉันเห็นพ่อชัดเจน เขาน่ะอยู่ตรงหน้าฉันแท้ ๆ ! ” ชูหยุนไม่เข้าใจ พ่อของเธอนั้นอยู่ตรหน้าเธอแล้ว แต่ทำไมเธอเรียกเขาแล้วเขาไม่ได้ยิน เธอจะแตะตัวเขา แต่ก็ไม่อาจจะทำได้
“นี่มันก็แค่สิ่งที่เธอเห็น ? มันมีหลายอย่างในโลกที่เธอเห็น แต่ใช่ว่ามันจะเป็นความจริง และก็มีหลายอย่างที่เธอไม่อาจจะมองเห็นได้” สายตาของฉิงฉีแสดงความเศร้าออกมา
การมีชีวิตมานานอาจจะไม่ใช่เรื่องดี เวลาส่วนมากอาจจะจมไปกับความเศร้า
“คุณเหมือนจะมีประสบการณ์เยอะ” ชูหยุนเห็นว่าฉิงจีสีหน้าเปลี่ยนไป เธอจึงถามขึ้น นี่อาจจะเป็นประสบการณ์ที่น่าเศร้าของชายแก่ก็เป็นได้
ฉิงจีถามขึ้นมา “ท่านจำฉันได้รึเปล่า ? ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ย่นของฉิงจี ชูหยุนก็ส่ายหน้า
“ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อน เดี๋ยวนะ คุณเรียกฉันว่า…ท่านงั้นหรือ ? ”
“ท่าน ! ” ฉิงจีพูดซ้ำ
“ท่านอะไร ! ” เธอเริ่มสับสน
ฉิงจีปิดประตูลงแล้วเปิดออกอีกครั้งและพบว่าชูบ้าหายตัวไปแล้ว
ด้านในกลายเป็นห้องขนาดใหญ่ มันมีแสงที่ส่องประกายออกมาจากลูกปัด
ชูหยุนมองไปที่ลูกปัดนั้น เธอรู้สึกดีกับมันอย่างบอกไม่ถูก และเธอก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากมัน
“นี่มันอะไร ? ” ชูหยุนชี้ไปที่ลูกปัดแล้วถามขึ้นมา
“นั่นคือลูกปัด”
เมื่อเห็นลูกปัดนั้น ชูหยุนก็รู้สึกได้ว่าเหมือนกับโชคชะตาพาเธอให้มาเจอกับสิ่งนี้ เธอเดินเข้าไปที่นั่นพร้อมกับยื่นมือออกไป
“มันเป็นของฉันงั้นหรือ ? ” ชูหยุนถามขึ้นมา
“ใช่แล้ว”
ตอนนั้นชูหยุนก็เหมือนจะเข้าใจ เธอรู้แล้วว่าทำไมชายแก่ถึงได้พูดถึงการกลับมาเกิด
และการมาที่นี่ก็อาจจะหมายถึงการเกิดใหม่ของเผ่าชูมิด้วยเช่นกัน
……….
ตอนนั้นหอกมิติไม่ได้ทะลุตัวงูทันที
พูดตามตรงคือหอกของเขาแค่ทำลายเกล็ดของมัน แต่เมื่อหวังเย่าพยายามใช้โอกาสนั้นแทงหอกให้ลึกเข้าไปอีกเพื่อปลิดชีวิตมัน เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าตอนที่ยกหอกนั้น งูกลับสลัดเกล็ดออกไป
“นี่มันบ้าอะไร ! ”
ตอนนั้นงูได้สลัดตัวไปมาเพื่อให้ตัวมันหลุดพ้นจากโซ่มิติ
“ยอมแพ้ได้แล้ว !”
เมื่อรู้สึกว่าโซ่จะหลุด หวังเย่าก็หงุดหงิดขึ้นมา โซ่มิตินั้นรัดแน่นขึ้นไปอีก
งูที่กำลังจะสลัดตัวออกมาได้ก็ต้องโดนรัดอีกครั้ง
ตอนนั้นตาของมันเริ่มแดงก่ำขึ้นมา
ฉิงจีรับรู้ถึงอาการของอสูรตัวเองและพูดขึ้น “กลับทำให้อสูรของฉันโกรธ ฮ่าฮ่า เด็กน้อย นายนี่เหมาะจะสู้กับงูของฉันจริง ๆ ”
งูนั่นยังคงดิ้นไปมาแต่ยิ่งมันดิ้นเท่าไหร่ โซ่ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเท่านั้น
“ถ้าจัดการแกไม่ได้ ฉันก็จะรัดแกไว้แบบนี้แหละ”
หวังเย่าคิดหาทางกำจัดมันไม่ได้ ดังนั้นเขาคงทำได้แค่มัดมันไว้ที่นี่
ถึงอย่างนั้น หวังเย่าก็ยังหงุดหงิดในใจอยู่ดี
อัจฉริยะของหัวเซี่ยที่มีถึงอสูรมิติ ทำไมต่อหน้าสัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นสูง แต่กลับทำอะไรมันไม่ได้