ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 512 : สัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลาง
ตอนที่ 512 : สัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลาง
เมืองนี้ราวกับเขาวงกต มันเต็มไปด้วยทรายที่บดบังถนนทุกเส้นสาย
หวังเย่าได้พาชูหยุนเดินเข้าไปเรื่อย ๆ
เพราะนาฬิกาไม่อาจจะบอกได้ว่าสมบัติอยู่ที่ไหน
เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ หวังเย่าก็พบว่ามันมีที่พักขนาดใหญ่ มันแสดงให้เห็นแล้วว่ามีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่ที่นี่
หวังเย่าเรียกเสี่ยวซวีออกมาโดยให้เสี่ยวซวีคอยปกป้องชูหยุนเอาไว้ เสี่ยวซวีเป็นสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง ดังนั้นตอนนี้หวังเย่าจึงยังไม่พบสัตว์อสูรตัวไหนที่แกร่งไปกว่าเสี่ยวซวีได้
แค่เสี่ยวซวีก็เพียงพอที่จะปกป้องชูหยุนได้แล้ว
ด้วยการที่เดินทางลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ลมและพายุทรายก็ไม่ได้น้อยลงเลย แต่มันกลับมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
นี่มันผิดปกติ
อยู่ ๆ พื้นดินก็เกิดการสั่นไหวก่อนที่พวกเขาจะพบกับสัตว์อสูรตัวแรก
มันมีเกล็ดและสะท้อนแสงสีฟ้าออกมา เกล็ดของมันเหมือนเป็นเกราะที่งดงามราวกับเพชรที่ห่อหุ้มทั้งตัวมันเอาไว้
เมื่อชูหยุนเห็นเกราะนั้นเธอก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “หวังเย่า นายอย่าทำลายเกราะนั่นได้ไหม ฉันชอบเกราะนั่น”
ถึงชูหยุนไม่พูดแบบนั้น แต่หวังเย่าก็ไม่คิดจะทำลายเกราะที่สวยแบบนั้นไป
เขาได้ใช้ระบบตรวจสอบมันทันที
ชนิด : จระเข้เกราะเพชรระดับ : สวรรค์ขั้นกลางสกิล : เกราะเพชร, ตาฟ้า , คำรามพายุทรายเมื่อเห็นข้อมูลที่ระบบให้มา หวังเย่าก็พอเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของเกราะ แต่สกิลอีกสองอย่างล่ะ ?
“ชูหยุน เธอสนใจจะสู้กับสัตว์อสูรระดับสวรรค์รึเปล่า ? ”
ตลอดหลายวันมานี้ความแข็งแกร่งของเธอพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก จากการต่อสู้มากมายกับสัตว์อสูร แต่การที่เจอกับสัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลางนั้น ชูหยุนก็ยังไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี
“นี่มันสัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลาง !” ชูหยุนกังวลอย่างมาก
“ใช่ เธอเอาชนะมันไม่ได้รึไง ? ”
“จะชนะได้ยังไง ! ฉันน่ะเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ! ” ชูหยุนเบิกตากว้างมองไปที่หวังเย่า
“เธอรู้ไหมว่าเสี่ยวซวีที่อยู่บนไหล่เธอน่ะอยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง”
“อย่ามาล้อฉันเล่นนะ”
ชัดแล้วว่าชูหยุนไม่เชื่อคำพูดของหวังเย่า เธอไม่เชื่อว่าหวังเย่าจะมีอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง
แม้ว่าชูหยุนจะรู้ว่าหวังเย่านั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ในสายตาของเธอแล้ว ความแข็งแกร่งของหวังเย่าไม่เพียงพอที่จะมีอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงอยู่กับตัว
หวังเย่าไม่คิดจะเถียงกับชูหยุนในเรื่องนี้ ยังไงซะเรื่องความแข็งแกร่งก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย
จระเข้เกราะเพชรมองไปที่ผู้บุกรุกทั้งสองด้วยท่าทีไม่พอใจ
มันหลับอยู่ที่นี่มานานแล้ว นานจนลืมเวลาว่ามีผู้บุกรุกคนสุดท้ายเข้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันนานพอที่จะลืมรสชาติของเนื้อมนุษย์ไปแล้ว
พายุทรายก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับเป่าทรายที่กลบตัวของมันออก
มันทำให้ร่างของมันเผยออกมาให้ทุกคนได้เห็น
“มนุษย์ !”
สัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลางแต่กลับพูดได้ มันทำให้หวังเย่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“เจ้ากล้าบุกเข้ามาในโลกที่ข้าดูแลอยู่ ถ้าเจ้ารีบถอยเสียตอนนี้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป !”
“ผู้พิทักษ์งั้นหรือ ? ” หูของหวังเย่านั้นไวต่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
เมื่อมันเป็นผู้พิทักษ์ งั้นมันก็ต้องมีบางอย่างสำคัญที่นี่
“มันมีสมบัติอยู่งั้นหรือ ? ” หวังเย่ามองไปที่จระเข้เกราะเพชร
“มนุษย์นั้นเป็นพวกโลภมาก !” จระเข้ที่ตัวยาวกว่าสิบเมตรส่ายหน้าไปมา “ หากไม่จำเป็น เจ้าควรจะออกจากที่นี่ไปซะ ถ้าเจ้าไม่กลับไป ข้าจะฆ่าเจ้า ! เพราะข้าเองก็ไม่ได้ลิ้มรสเนื้อมนุษย์มานานมากแล้ว”
“แกอยากกินเนื้อฉันทั้ง ๆ ที่แกอยู่ระดับสวรรค์ขั้นกลางน่ะหรือ ? ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า ชูหยุนก็ต้องแปลกใจเพราะสัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลางนั้นถือว่าแข็งแกร่งอย่างมากแล้ว ทำไมหวังเย่าถึงพูดราวกับว่ามันเป็นแค่สัตว์อสูรที่อ่อนแอ
“พ่อหนุ่ม เจ้ายังเด็กอยู่เลย ข้าว่าเนื้อของเจ้าคงต้องอร่อยเป็นแน่ ! ” เมื่อพูดจบจระเข้ก็ได้คำรามออกมาจนพื้นดินเกิดการสั่นไหว
หวังเย่าไม่คิดจะยอมแพ้ เขาได้ตะโกนบอกให้เสี่ยวซวีอยู่นิ่ง ๆ ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปหาจระเข้ทันที
การจัดการกับสัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลางนั้น หวังเย่าไม่จำเป็นต้องให้เสี่ยวซวีช่วย เขาแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว
หอกมิติก่อตัวขึ้นมาก่อนจะถูกปาเข้าใส่จระเข้
หอกมิติของหวังเย่าปะทะกับเกราะของมันก่อนจะสลายหายไป
“เกิดอะไรขึ้นกัน ? ” หวังเย่าต้องแปลกใจ พลังของหอกมิตินั้นสูงแค่ไหน หวังเย่าน่ะรู้ดี แต่การโจมตีนี้กลับทำลายการป้องกันของจระเข้นี่ไม่ได้เลย
มันแค่สัตว์อสูรระดับสวรรค์ขั้นกลางไม่ใช่หรือไง !
หวังเย่าได้สร้างหอกมิติขึ้นมาแล้วปาใส่มันอีกครั้ง แต่หอกเหล่านั้นกลับถูกป้องกันไว้ได้หมด
“การป้องกันสูงจริง ๆ ! ” หวังเย่าเริ่มปวดหัวขึ้นมา การป้องกันของจระเข้นี่สูงจนน่าตกใจ
แม้แต่หอกมิติก็ไม่อาจจะทิ้งรอยขีดข่วนไว้ได้
“มนุษย์ ถ้าเจ้าทำแบบนี้ เจ้าต้องตายแน่ ๆ ! ” จระเข้พูดจบก็ได้ฟาดหางออกไปสร้างพายุทรายลูกใหญ่
หวังเย่าไม่กล้าจะประมาทและรีบหลบทันที
“รีบหลบเร็วเข้า ! ” หวังเย่าตะโกนขึ้นพร้อมกับลองเข้าไปตรวจสอบจระเข้ดูใกล้ ๆ อีกครั้ง
ตัวมันปกคลุมด้วยเกล็ดที่หนาและแข็งราวกับเพชร มันดูไม่มีจุดอ่อนเลย
“ท้องของมันไม่น่าจะมีเกล็ด” ตอนนั้นเองเสี่ยวซวีก็พูดขึ้นมา
แต่เมื่อเสี่ยวซวีรู้ ก็เป็นธรรมดาที่หวังเย่าก็ต้องรู้ ปัญหาคือเขาจะโจมตีที่ท้องของมันได้ยังไงต่างหาก ?
ยังไงซะ ถึงรู้ว่าจุดอ่อนของมันอยู่ไหน แต่จระเข้นี่ก็ต้องรู้จุดอ่อนตัวเองและต้องทำการปกป้องเอาไว้ ดังนั้นหากหวังเย่าคิดจะโจมตีจุดอ่อนของมันก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี
ตาคือส่วนที่เปราะบางที่สุดของสัตว์ทุกชนิด
หลังจากที่คิดดูแล้ว หวังเย่าก็คิดจะโจมตีเข้าที่ตาของมัน !
หวังเย่าสร้างหอกมิติขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้เล็งไปที่ตัวมันแต่กลับเล็งไปที่ตาของมันแทน !
หอกมิติได้พุ่งเข้าใส่จระเข้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่จระเข้เห็นหอกมิติที่พุ่งเข้ามานั้น มันก็รู้ความคิดของหวังเย่าทันที