ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 346-2 ร้อยดาบต่อเนื่อง (2)
ตอนที่ 346 ร้อยดาบต่อเนื่อง (2)
“ขั้นสี่และขั้นสี่ด้วยกันยังคงมีความแตกต่างอยู่จริงๆ”
เช้าของวันที่สิบห้า ฟางผิงเดินไปก็เผยรอยยิ้มกับหน้ากล้องไปด้วย “ฝีมือโดยรวมของโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวนั้นไม่อ่อนด้อย แต่เจอกับมหาวิทยาลัยหนานเจียงคงแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เซียวอวี้หมิงประธานสมาคมโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจว แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุด ทั้งเข้าสู่ร้อยอันดับแรกเช่นกัน แต่อยู่อันดับท้ายๆ เจอกับหวังจินหยางต้องแพ้อยู่แล้ว หากเขาแพ้ หวังจินหยางก็เอาชนะรวดอย่างสบายๆ”
หลิวต้าลี่เอ่ยอย่างสงสัย “ประธานหวังจินหยางถูกจัดในอันดับท้ายๆ เหมือนกัน ไม่ได้ห่างจากอีกฝ่ายเท่าไหร่ ทำไมประธานฟางถึงมองว่าประธานหวังดีกว่าล่ะ?”
“นายไม่เข้าใจหรอก ระดับที่สองที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้มีแค่สามคน เหยาเฉิงจวิน หลี่หานซง และหวังจินหยาง เซียวอวี้หมิงทำได้แค่จัดในระดับสามเท่านั้น อย่ามองว่าเหมือนห่างกันเพียงเล็กน้อย ความเป็นจริงความแตกต่างกลับมากกว่านั้น…”
“งั้นประธานฟางจัดตัวเองไว้ในระดับแรก หมายความว่าช่วงบ่ายที่จะเจอกับประธานหลิวจากมหาวิทยาลัยหวากั๋ว สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ หากไม่เหนือความคาดหมาย มหาวิทยาลัยสี่แห่งที่เข้ารอบสุดท้าย คงจะเป็นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และอีกสามแห่งที่ฉันพูดไป อันดับที่ห้ากลับพูดยากอยู่บ้าง ต้องดูภาพรวมของมหาวิทยาลัยหวากั๋วและโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวแล้ว”
“งั้นพูดแบบนี้ สี่อันดับแรกถูกกำหนดไว้แล้วสินะครับ? ประธานสามารถคาดเดาได้หรือเปล่าว่าใครจะเป็นผู้คว้าอันดับหนึ่ง?”
“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้”
“อันดับที่สองล่ะครับ?”
“ฝีมือโดยรวมของมหาวิทยาลัยปักกิ่งแข็งแกร่งกว่า มีโอกาสสูง แน่นอนว่าอีกสองมหาวิทยาลัยก็มีโอกาสเช่นกัน ดูการแสดงฝีมือเถอะ แต่ทางมหาวิทยาลัยหนานเจียง นอกจากหวังจินหยางจะเอาชนะห้ารวดได้ ไม่งั้นโอกาสคงไม่มากเท่าไหร่”
“พูดแบบนี้ ประธานเหยาเฉิงจวินที่ถูกจัดในอันดับสามของขั้นสี่ ประธานฟางคิดว่าสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้?”
“สิ่งที่เรียกว่าการจัดอันดับไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แน่นอนว่าฝีมือของคนพวกนี้แข็งแกร่งมากเช่นกัน คนอย่างพวกเราใครไม่เคยฆ่าขั้นห้าบ้าง? อย่ามองพวกเราเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทั่วไป…”
ฟางผิงพูดอย่างสบายๆ หลิวต้าลี่กลับฟังจนเหงื่อชุ่มแผ่นหลังอยู่บ้าง
ความแตกต่างของผู้ฝึกยุทธ์มากจนถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ?
แต่มาคิดดู การแข่งขันครั้งนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่พวกนั้นเจอกับพวกเฉินเหวินหลงต่างถูกกำจัดในชั่วพริบตา ความแตกต่างของระดับเดียวกันยังคงมีอยู่ไม่น้อย
ก่อนหน้านี้ตัวเองคิดว่าทะลวงขั้นสามตอนปลาย ถือว่าฝีมือแข็งแกร่งมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวฟางผิง
ตอนนี้หวนคิดดู…หลิวต้าลี่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ถูกซ้อมตายนับว่าเขาดวงแข็งแล้ว
—
ระหว่างที่สองคนคุยกัน การแข่งขันก็เริ่มต้นแล้ว
มหาวิทยาลัยหนานเจียงยังคงเป็นหวังจินหยางลงสนามคนแรก
พิธีกรถึงกระทั่งไม่ดูลำดับการลงสนามด้วยซ้ำ หวังจินหยางไม่ขึ้นเวทีก่อน งั้นคงไม่อาจสู้ต่อไปได้ ไม่จำเป็นต้องดูแล้ว
ทางโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวรู้เช่นกันว่าส่งคนอื่นไปหาหวังจินหยางก็เหมือนส่งไปตาย กลยุทธ์ของการต่อสู้แบบหมุนเวียนไม่ได้มีประโยชน์นัก ดังนั้นเซียวอวี้หมิงจึงลงสนามคนแรกให้รู้แล้วรู้รอดไป
“สงครามระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดครั้งแรก! หวังจินหยางและเซียวอวี้หมิงต่างเป็นยอดฝีมือในขั้นสี่สูงสุด เข้าสู่ร้อยอันดับแรกเหมือนกัน หวังจินหยางจะฝ่าฟันต่อไปได้ หรือเซียวอวี้หมิงจะปิดฉากเอาชนะหวังจินหยาง ตั้งตารอกันได้เลย!”
“เริ่มการแข่งขันได้!”
ครั้งนี้ผู้ตัดสินไม่ใช่คนก่อนหน้านี้แล้ว เป็นยอดฝีมือขั้นหกสูงสุด!
เสียงตะโกนดังขึ้น คนทั่วไปยังไม่ทันมองเหตุการณ์ได้ชัดเจน กลางอากาศก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นแล้ว!
เงาของทั้งสองคนวูบวาบในอากาศ
ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขั้นสองขั้นสามบางส่วนยังมองสถานการณ์ไม่ออกด้วยเช่นกัน
—
คนอื่นมองไม่เห็น ฟางผิงกลับเห็นอย่างชัดเจน
“เซียวอวี้หมิงเข้าสู่ร้อยอันดับได้ต้องไม่อ่อนแออยู่แล้ว เคล็ดวิชาระดับสูงหอกแปดทิศไร้พ่ายฝึกได้อย่างลึกล้ำ…”
ในเวลาเดียวกัน อีกด้านของแท่นพิธี พิธีกรชายพูดเสียงว่า “วิชามังกรทะยานเก้าขั้นของเซียวอวี้หมิงฝึกจนถึงรูปแบบที่แปดแล้ว ไม่แปลกใจที่สามารถขึ้นไปอยู่ในร้อยอันดับแรกได้ หนึ่งหอกแปดครั้งติดต่อกัน เทียบกับดาบคลั่งโลหิตที่ผู้ว่าจางสร้างขึ้นแล้วยังแข็งแกร่งกว่าอยู่บ้าง ดาบคลั่งโลหิตอย่างมากก็ออกทบกันเจ็ดครั้งเท่านั้น…”
หลิวต้าลี่มองฟางผิงอย่างตกตะลึง!
กำลังถ่ายทอดสดอยู่นะ!
นายยังจะกล้าพูดมั่วซั่วอีก?
ทั้งยังมีผู้ฝึกยุทธ์อยู่ตั้งหลายคน!
นึกถึงก่อนหน้านี้เขาก็เคยพูดมั่วๆ ออกมาเช่นกัน ตอนที่ร่างทองขั้นแปดทำสงคราม เขาไม่สามารถเข้าไปที่เกิดเหตุได้ ถ่ายวิดีโอข้ามจากภูเขา แต่งชื่อเคล็ดวิชาขึ้นมามั่วซั่ว
แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้ชมมากมาย แถมมียอดฝีมือนับไม่ถ้วนอยู่ด้านข้าง ฟางผิงกลับกล้าพูดเคล็ดวิชามั่วซั่วออกมา?
แม่งเหอะ เจ้าหมอนี้จะเจ๋งเกินไปแล้ว!
ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเคย “วิชามังกรทะยานเก้าขั้นไม่ได้มีแค่ชื่อเดียว ชื่อของเคล็ดวิชาต่อสู้มีวิธีเรียกอย่างหลากหลาย เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือหวังจินหยางจะระเบิดพลังแล้ว!”
สิ้นเสียงของเขา หวังจินหยางก็คำรามกลางอากาศ ดาบยาวแหวกผ่านอากาศ ในสายตาของคนภายนอกเห็นแค่หนึ่งดาบเท่านั้น แต่หวังจินหยางกลับฟันออกมานับร้อยดาบอย่างรวดเร็ว!
ร้อยดาบต่อเนื่อง!
“เคร้ง!”
เสียงโลหะกระทบกัน ท้ายที่สุดเกิดเป็นเสียงดังลั่นกึกก้อง ในสายตาของคนทั่วไปคล้ายจะมีแต่เสียง
กลางอากาศร่างของใครคนหนึ่งกำลังร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว
เซียวอวี้หมิงต้านไว้นับสิบดาบ กลับไม่สามารถต้านได้ทั้งหมด ท้ายที่สุดจึงถูกหวังจินหยางแทงเข้าที่กลางสะบัก เนื้อปริแตกจนกระดูกแทบโผล่ออกมาให้เห็น
“ปัง!”
เซียวอวี้หมิงตกลงพื้นอย่างแรง เพิ่งคิดจะลุกขึ้น จู่ๆ ทั่วทั้งร่างกายก็มีบาดแผลจากคมดาบปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน เลือดทะลักพรั่งพรูออกมา!
พิธีกรเห็นแบบนี้จึงถอนหายใจว่า “เซียวอวี้หมิงไม่มีกำลังต่อสู้อีกแล้ว หวังจินหยางฟันเก้าสิบเจ็ดดาบติดต่อกัน เซียวอวี้หมิงปัดป้องได้แค่แปดสิบสองดาบเท่านั้น สุดท้ายจึงโดนนับสิบดาบปะทะกับร่างกายอย่างแรง น่าเสียดายที่ยังไม่ใช่ร่างทอง ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย”
สิ้นเสียงของเขา ผู้ตัดสินมองแวบหนึ่งก่อนจะตะโกนว่า “หวังจินหยางเป็นฝ่ายชนะ!”
สงครามระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดครั้งแรกจบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
หวังจินหยางกระโดดลงมาจากอากาศ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ เห็นได้ชัดว่าหายใจไม่ทันอยู่บ้าง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
พอเซียวอวี้หมิงแพ้ ทั้งหวังจินหยางไม่เป็นอะไร ผลการต่อสู้ก็เห็นอย่างชัดเจนแล้ว
หลิวต้าลี่อดเอ่ยไม่ได้ “ประธานฟาง เมื่อกี้เขาฟันออกมาเก้าสิบเจ็ดดาบจริงๆ เหรอ?”
ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง “น่าจะประมาณนั้น”
“ประมาณนั้น?”
ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยว่า “ดาบสุดท้ายไม่ได้ฟันลงมา เพราะเป้าหมายอยู่ที่หัวของเซียวอวี้หมิง หากฟันลงมาจริงๆ เซียวอวี้หมิงอาจจะถึงแก่ชีวิต”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หลิวต้าลี่ก็ไม่คิดอะไรอีก
บนอัฒจันทร์นั้นสายตาของปรมาจารย์หลายคนทอดมองลงมา
ฟางผิงเจ้าหมอนี่ ตอนที่เขาพูดเหลวไหลเมื่อครู่ พวกเขาก็เริ่มเพ่งเล็งไปที่เจ้าเด็กนี้แล้ว
สำหรับความเห็นของฟางผิง ปรมาจารย์หลายคนต่างใบหน้าดำคล้ำ
เจ้าเด็กนี้พูดจามั่วซั่ว ไม่คำนึงถึงหน้าตาของผู้ฝึกยุทธ์เลยสักนิด
แต่รอจนฟางผิงพูดเรื่องดาบสุดท้ายออกมา ปรมาจารย์หลายคนยังคงแสดงท่าทีแปลกไปอยู่บ้าง สายตาของเด็กนี่ไม่อ่อนด้อยไปกว่าพิธีกรขั้นหกคนนั้นด้วยซ้ำ พิธีกรขั้นหกอาจจะมองเห็นเช่นกัน แต่พูดออกมาจะเป็นการหักหน้าโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวอยู่บ้าง
ฟางผิงไม่สนใจเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า “จิ่วโจวแพ้แล้ว ตอนนี้กลุ่ม B มีแค่การต่อสู้ระหว่างหนานเจียงและปักกิ่งที่น่าสนใจ ทีมอื่นๆ ไม่มีอะไรให้ดูอีกแล้ว ส่วนฝั่งของพวกเรามีเหยาเฉิงจวินที่ฉันตั้งตารอครอยอยู่บ้าง”
“งั้นการแข่งขันช่วงบ่าย ประธานฟางจะลงสนามเป็นคนแรก?”
“แน่นอน จะให้คนอื่นผูกขาดชื่อเสียงไปก่อนไม่ได้ แสร้งทำเป็นไร้น้ำยาไม่ค่อยเหมาะกับผู้ฝึกยุทธ์เท่าไหร่ ทั้งควรจะต้องให้คนรู้ว่าทำไมเซี่ยงไฮ้ถึงเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง!”
ฟางผิงหัวเราะออกมา ไม่ดูการแข่งขันต่อไปอีก ไม่มีอะไรให้กังวล
การแข่งขันช่วงบ่ายยังควรค่าให้ความสำคัญอยู่บ้าง จนถึงตอนนี้หลิวซื่อเจี๋ยยังไม่ได้แสดงฝีมือออกมาทั้งหมด หากทำเรือล่มในคลองระบายน้ำ[1] นั่นถึงจะขายหน้าขายตาคนอื่นอย่างแท้จริง
ในช่วงเวลาที่ฟางผิงจากไปได้ไม่นาน หวังจินหยางก็เอาชนะสี่คนที่เหลือของโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวอย่างสบายๆ
ตอนนี้คำพูดพวกนั้นของฟางผิงได้รับการยอมรับจากผู้คนแล้ว
ระหว่างขั้นสี่สูงสุดด้วยกันยังคงมีความแตกต่างอย่างมาก สิ่งที่เรียกว่าการจัดอันดับไม่ได้มีความหมายเท่าไหร่
————————-
[1]เรือล่มในคลองระบายน้ำ หมายถึงเกิดความผิดพลาดในสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น