ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 248-2 ฉันหนีตายจากขั้นหกได้ (2)
ตอนที่ 248 ฉันหนีตายจากขั้นหกได้ (2)
ผ่านไปพักใหญ่ รอเขาหลอมกระดูกท่อนล่างหมดแล้ว ฟางผิงก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
“ฉันแข็งแกร่งขึ้นแล้ว! ฉันคิดว่าตัวเองเตะระดับสูงตายได้ในครั้งเดียวด้วยซ้ำ!”
ฟางผิงมั่นใจขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ ความรู้สึกนั้นคล้ายกับแผ่นดินกำลังสั่นสะเทือนภายใต้การเคลื่อนไหวฝีเท้าของเขา…ในความเป็นจริงผืนดินก็อยู่ใต้ฝ่าเท้าเขาจริงๆ นั่นแหละ
ทรัพย์สิน : 39,200,000
ปราณ : 1099 แคล (1099 แคล+)
จิตใจ : 539 เฮิรตซ์ (539 เฮิรตซ์+)
หลอมกระดูก : 62 ชิ้น (100%) , 115 ชิ้น (90%+) , 29 ชิ้น (30%+)
“ปราณเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยแคล! น่าเสียดายที่พลังจิตใจยังเหมือนเดิม”
ส่วนค่าทรัพย์สินที่เสียไป เวลานี้ฟางผิงไม่อาจสนใจได้อีกแล้ว
ลองเคลื่อนไหวกระดูกอย่างระมัดระวัง ฟางผิงรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองคงหนักสองร้อยจินเป็นอย่างต่ำ!
“เกรงว่าปรมาจารย์คงจะหนักหลายพันจินสินะ? ไม่จำเป็นต้องสู้แล้ว แค่ทุ่มตัวกระโดดใส่ผู้ฝึกยุทธ์ก็คงฆ่าตายได้หลายคน”
เพิ่งจะขยับร่างกาย ฟางผิงนึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์ต่อไปที่จะเกิดขึ้นกลับเป็นเสียงดังกรอบแกรบ
เวลานี้ฟางผิงตกตะลึงไปเช่นกัน!
“ข่ากู่!”
เสียงคำรามดังขึ้นใกล้ๆ ครู่ต่อมานอกจากฟางผิงจะสัมผัสได้ถึงอนุภาคพลังงานที่เคลื่อนไหว ยังได้ยินเสียงธนูแหวกอากาศมาด้วย!
มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางที่พกธนู!
“ข่ากู่คือฆ่าสินะ? จำเป็นต้องพูดสองคำนี้ด้วยหรือไง?”
ฟางผิงพูดเหน็บแนมออกมา ก่อนจะแบกอาวุธโกยแน่บทันที!
พอเขาวิ่ง พวกทหารที่กำลังลาดตระเวนก็เห็นเงาเขาโดยพลัน ชั่วพริบตานั้นทั่วทั้งสี่ทิศทาง จึงมีคนไล่ตามไปเจ็ดแปดคน เป็นระดับกลางทั้งสิ้น!
มีมือธนูที่ยิงธนูออกมาไม่หยุด มียอดฝีมือขั้นห้าที่เหินในอากาศคอยชี้ทิศทางให้คนอื่น!
ด้านหน้ามียอดฝีมือระดับกลางวิ่งขึ้นมาล้อมเช่นกัน
ตอนแรกฟางผิงไม่คุ้นชินกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอยู่บ้าง เกือบจะถูกธนูยิงเข้าแล้ว รอจนปรับตัวได้ ฟางผิงก็ก้มหน้าก้มตาวิ่งอย่างบ้าคลั่ง!
“ข่ากู่!”
พวกผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำตะโกนอย่างไม่ขาดสาย ฟางผิงถึงกระทั่งเห็นยอดฝีมือเหินในอากาศไล่ตามเขามา
การเดินแตะและลอยเหินในอากาศ ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์เดินแตะในอากาศนั้นอยู่ต่ำกว่าความสูงสิบเมตร ส่วนสูงเกินสิบเมตรนั้นถือว่าลอยเหินในอากาศ การลอยเหินในอากาศหมายความว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีฝีมือแข็งแกร่งอยู่บ้าง…อย่างน้อยก็มีปราณสูงขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เหินในอากาศได้ ปกติจะอยู่ไม่ต่ำกว่าขั้นห้า แน่นอนว่าเป็นการโอ้อวดตัวเองอยู่เหมือนกัน พลังต่อสู้อาจเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ที่เดินแตะในอากาศพวกนั้นไม่ได้เสมอไป คนอื่นเขาแค่ไม่อยากลอยเท่านั้น
ยอดฝีมือที่ลอยเหินในอากาศเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาแทบจะไล่ตามเข้ามาใกล้ฟางผิง!
ฟางผิงรู้ว่าคนพวกนี้ทนได้ไม่นานอยู่แล้ว พยายามเผ่นหนีไปทางเหนืออย่างสุดกำลัง!
ด้านหน้ามีผู้ฝึกยุทธ์ถือดาบสกัดอยู่ ฟางผิงไม่คิดลังเล หมุนดาบฟันออกไปทันที!
เสียงกระทบกันดังลั่น ไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์คนนี้อยู่ขั้นสามตอนต้นหรือตอนกลาง ถูกฟางผิงระเบิดปราณฟันสี่ดาบจนอาวุธเสียหาย กะโหลกแตกกระจุย
ครู่ต่อมาธนูยาวก็พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง ตรงไปหาท้ายทอยของเขา
ฟางผิงไม่หยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน เท้าทั้งสองข้างปะทุปราณอย่างเข้มข้น ก่อนจะกระโดดขึ้นไปในอากาศ!
ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามด้านหน้า ฟางผิงไม่คิดจะฆ่าทุกคน คนมีเยอะ เขาจะสิ้นเปลืองปราณจำนวนมาก ฟางผิงจึงกระโดดหนีไปทางอากาศ
ยอดฝีมือที่ตามมาด้านหลังมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ด้านหลัง ด้านหน้าก็มีระดับกลางปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
“ใครขวางทางฉันก็ตายไปซะ!”
ฟางผิงคำรามเสียงดัง!
ดาบยาวประกายแสงสีแดงเข้มข้น ผู้ฝึกยุทธ์ที่ขวางทางอยู่ข้างหน้าไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย ถือหอกเตรียมจะปะทะ
ครู่ต่อมา จู่ๆ ฟางผิงก็หยุดฝีเท้า ก่อนจะอ้อมไปอีกด้าน ออกตัววิ่งอย่างบ้าคลั่ง!
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถือหอกชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยสีหน้าโมโห ตะโกนร้องเสียงดัง รีบไล่ตามฟางผิงไปอย่างรวดเร็ว!
ไม่ใช่แค่คนแรก รอฟางผิงเจอผู้ฝึกยุทธ์ที่ยืนขวางอีกหนึ่งคนก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง ดาบยาวประกายแสงจ้าแทบจะพวยพุ่งออกมา นี่เป็นสัญญาณที่จะออกกระบวนท่าใหญ่ แต่พอดำเนินมาครึ่งทาง ฟางผิงกลับวิ่งอ้อมหนีอีกครั้ง
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำพากันงงงันไปอยู่บ้าง!
รนหาที่ตายหรือไง?
ใช้ปราณสิ้นเปลืองขนาดนี้ ไม่กลัวว่าปราณหมดเกลี้ยงแล้วจะโดนพวกเขาล้อมฆ่าหรือไง?
ผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองแห่ง ‘ความหวัง’ เจอกับสถานการณ์แบบนี้ ยังมีพลังใจเต็มเปี่ยม จุดนี้ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำจำเป็นต้องนับถือ
เวลานี้หากเป็นพวกเขา ฆ่าได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แม้จะฆ่าไม่ตาย ก็ต้องกัดเนื้อศัตรูออกมาหนึ่งชิ้น
ไม่เหมือนหมอนี่ที่เอาแต่สิ้นเปลืองพลังปราณ ทั้งที่ตัวเองถูกไล่ฆ่าแท้ๆ!
—
ฟางผิงไม่สนใจอยู่แล้วว่าคนอื่นจะคิดยังไง ระหว่างที่หนีตายก็กวาดสายตามองด้วยความโมโห ครั้งนี้หากฉันกลับไปเมืองความหวังไม่ได้ คงต้องรอคอยความตายแล้วจริงๆ!
ด้านหน้ามียอดฝีมือที่เหาะเหินในอากาศมาเจ็ดแปดคน ด้านล่างยังมีคนนับสิบไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง
“ตามมาสิ ตามมาถึงเมืองความหวังเลย จะฆ่าแม่งให้หมด!”
“ร้อยลี้เท่านั้น ครึ่งชั่วโมงตามฉันไม่ได้ ได้ตายเกลี้ยงแน่!”
ฟางผิงคำราม ไม่สนใจว่าพวกเขาจะเข้าใจหรือไม่ ยอดฝีมือระดับสูงคงไม่ถึงกับว่างเฝ้าอยู่แนวหน้าหรอกมั้ง พวกเขาไม่กลัวปรมาจารย์ของมนุษย์เข้ามาจู่โจมกะทันหันหรือไง?
ฟางผิงคาดเดาว่าคนที่ไล่ตามมาส่วนมากน่าจะเป็นขั้นสี่ มีขั้นห้าบางส่วน ขั้นหกอาจจะไม่มี
เพิ่งจะตะโกนทางนี้เสร็จ จู่ๆ ฟางผิงก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศลอยมาทางด้านหลัง
หันหน้าไปมองแวบหนึ่งกลับต้องหน้าเขียวคล้ำ ตายแล้วๆ!
ยอดฝีมือขั้นหกตามมาแล้ว!
แม้ว่าเขาแทบจะสับขาเป็นวงล้อ แต่เวลานี้ความเร็วกลับด้อยกว่าอีกฝ่ายอย่างมาก
“ทำยังไงดี?”
“ต้องทิ้งอาวุธงั้นเหรอ?”
“ทิ้งแล้วหากยังถูกไล่ตาม งั้นคงต้องตายซ้ำตายซ้อน!”
“คนจากเมืองความหวังไม่คิดจะโผล่ออกมาช่วยฉันบ้างหรือไง?”
ฟางผิงคิดฟุ้งซ่าน ไม่อยู่บนอากาศอีกแล้ว ลงสู่พื้นที่เต็มไปด้วยหญ้ารกชัฏ วิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
ยอดฝีมือขั้นหกที่ตามมาในอากาศไม่กระโดดลงพื้นตามมา ทำเพียงเหวี่ยงหมัดลงไปข้างล่าง เกิดประกายแสงพุ่งออกมา ระเบิดพื้นดินและหญ้ารอบๆ ฟางผิงกระเด็นกระดอนไปทั่ว
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางปล่อยปราณออกมานอกร่างกายได้
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกมีปราณหนาแน่น เข้มข้นสูง ทั้งยังแข็งแกร่งมาก ออกหมัดหนึ่งครั้ง หากถูกฟางผิงเข้าคงต้องตายสถานเดียว
ตอนนี้ฟางผิงไม่อาจสนใจเรื่องภาพลักษณ์ได้อีก ค้อมตัวลงวิ่งอย่างบ้าคลั่ง บางครั้งหลบไม่พ้นก็กลิ้งตัวหนีแทน ก่อนจะค่อยดึงตัวขึ้นมาวิ่งหนีอีกครั้ง
ปรากฏว่ากลิ้งหลุนๆ ไปมาไม่กี่ครั้ง อาวุธที่แบกไว้ด้านหลังกลับร่วงตกลงไปหลายชิ้ย ฟางผิงโมโหจนแทบอยากกระอักเลือด
เดิมทีก็ได้รางวัลมาไม่เยอะ ครั้งนี้ขาดทุนยับเยินจริงๆ!
กัดฟันแน่น จู่ๆ ฟางผิงก็เอาอาวุธที่อยู่ด้านหลังมาถือไว้ในมือ นอกจากดาบยาวระดับ C และหอกแล้ว เขาทิ้งอาวุธอย่างอื่นไปข้างหลังหมด!
อาวุธที่ถูกทิ้งสร้างอุปสรรคให้อีกฝ่ายเล็กน้อย
ฟางผิงกลับคำรามอย่างเคียดแค้น “ฉันจะจำนายไว้ ครั้งหน้าต้องฆ่าให้ตายเท่านั้น!”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกไล่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
อาวุธตั้งมากมาย ตอนนี้เหลือแค่สองชิ้นสุดท้าย
ฟางผิงโมโห อีกฝ่ายก็โมโหเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกไล่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม นึกไม่ถึงว่าวิ่งมาเกือบสิบกว่าลี้แล้ว ยังไล่ตามไม่ทัน น่าอดสูเกินไปแล้ว!
ในตอนที่ฟางผิงโมโห จู่ๆ อีกฝ่ายก็คำรามเสียงดัง ในมือมีดาบยาวเล่มหนึ่งที่ฟางผิงเพิ่งเขวี้ยงทิ้งเมื่อครู่ ดายนั้นประกายแสงวูบวาบ ครู่ต่อมาก็ลอยออกไปหาฟางผิง!
พลังจิตใจของฟางผิงร้องเตือนอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เขากลับไร้ทางจะป้องกัน กัดฟันพยายามเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย ดาบยาวนั้นพุ่งมาโดยแขนของฟางผิง แทงที่แขนซ้ายพอดี
ฟางผิงอาศัยแรงนี้ลอยตัวไปข้างหน้าหนึ่งช่วง
ครู่ต่อมาด้านหลังก็มีเสียงดังอีกครั้ง
ฟางผิงกัดฟัน เคลื่อนไหวฝีเท้าเล็กน้อย ดาบสั้นทะลวงแขนซ้ายเขาอีกครั้ง
แขนซ้ายได้รับบาดเจ็บติดต่อกัน ฟางผิงรู้สึกแค่ว่ากระดูกนั้นหักไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่อาจให้อวัยวะภายในถูกกระทบกระเทือนได้ มือขวายังต้องรักษาพลังการรบเอาไว้ ทำได้เพียงอาศัยแขนซ้ายใช้ในการตั้งรับ หากเคลื่อนไหวมากเกินไป ไม่นานเขาก็จะถูกอีกฝ่ายตามทัน
“จะตายแล้ว จะตายจริงๆ แล้ว…วีระบุรุษเป็นง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน ฉันควรจะหลบอยู่ในป่าราชันซะดีกว่า…หัวสิงโตทำร้ายกันชัดๆ!”
ฟางผิงวิ่งจนแทบหัวหมุนอยู่บ้าง การวิ่งตลอดทางไร้ขีดจำกัดเช่นนี้ แม้จะมีปราณเต็มเปี่ยม แต่ก็ทำให้เขาหัวหมุนขึ้นมาอยู่ดี
ฟางผิงที่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่อย่างแรงกล้า ครั้งนี้ไม่ได้วิ่งไปผิดทาง ในครรลองสายตานั้นเห็นเค้าโครงของเมืองขึ้นมารางๆ แล้ว
“เมืองความหวัง!”
ฟางปิงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที!
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำที่ไล่ตามอยู่ด้านหลัง ฝีเท้านั้นช้าลงไปอยู่บ้าง ภายใต้การวิ่งที่ไร้ขีดจำกัด ความเร็วของทุกคนต้องตกหล่นอยู่แล้ว มีแค่ฟางผิงเท่านั้นที่รักษาระดับความเร็วไว้ได้ตลอด ทำให้ทุกคนตามเขาไม่ทัน
ตอนนี้ด้านหน้าเริ่มเห็นเงาของเมืองความหวังแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาเข้าสู่เขตรังสีของเมืองความหวังแล้ว
“ฉันหนีตายจากมือของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกได้ด้วย!”
ตอนที่ฟางผิงวิ่งอย่างบ้าคลั่งก็อดนึกถึงเรื่องนี้ไม่ได้ ในสมองผุดขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นห้าอีกนับไม่ถ้วนด้วย!”
—————-