ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 247-2 กำลังเสริมมาแล้ว (2)
ตอนที่ 247 กำลังเสริมมาแล้ว (2)
หลู่เฟิ่งโหรวไม่สนใจเขาอีกเช่นกัน มองไปทางถังเฟิง “ราชสีห์ถัง พวกนักศึกษาพักอยู่ที่ไหนกัน?”
“เขตใหม่”
“ฉันจะเข้าไปดูสักหน่อย ไม่มีธุระไม่ต้องมาหาฉัน พวกนายประชุมกันไปเถอะ ฉันขี้เกียจจะฟัง!”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่คิดจะพิธีรีตองกับเขา สาวเท้าเดินไปทันที
“ขออภัยด้วย อย่าถือสาเธอเลย…” อู๋ขุยซานเอ่ยขอโทษแทน สวี่โม่ฟู่เผยรอยยิ้มไม่ใส่ใจ
หวงจิ่งหันกลับไปมองหลู่เฟิ่งโหรวแวบหนึ่ง รอเธอเดินห่างไปช่วงหนึ่งแล้ว ค่อยเอ่ยอย่างปวดหัวว่า “อธิการอู๋ อีกเดี๋ยวคงต้องให้คุณช่วยออกหน้า…”
“หืม?”
“ฟางผิงหายตัวไป”
“…”
อู๋ขุยซานตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะฟื้นคืนท่าทีเป็นปกติ “ถ้ำใต้ดินมีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่งอยู่แล้ว…หลู่เฟิ่งโหรวเข้าใจได้”
“ไม่ใช่ เขาหายไปแค่คนเดียว คนอื่นๆ ไม่เป็นอะไร”
หวงจิ่งอธิบาย อู๋ขุยซานอึ้งไปอีกครั้ง ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “แค่คนเดียว?”
ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้นักศึกษาตายหลายๆ คน แต่ทีมเกือบหนึ่งร้อยคน ฟางผิงแข็งแกร่งที่สุด นายกลับทำฟางผิงหายเนี่ยนะ?
หวงจิ่งปวดหัวอยู่บ้าง ถังเฟิงเอ่ยอย่างกลัดกลุ้มว่า “ผมเป็นคนบอกให้เขาไปฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำคนเดียว”
“เหล่าถัง นี่นาย…”
อู๋ขุยซานปวดหัวเช่นกัน ถูขมับเบาๆ ว่า “ไป เข้าไปดูเถอะ อีกอย่าง เหล่าถังนายไม่ต้องไป”
ถังเฟิงไม่พูดอะไร กลับสาวเท้าเดินไปข้างหน้า
อู๋ขุยซานเอ่ยอย่างจนใจ “นายไปนอกจากเพิ่มความวุ่นวายแล้ว จะเป็นอะไรได้อีก? จะใช้ชีวิตแลกกับชีวิตหรือไง? ถึงนายยินดี พวกเราก็ไม่อาจรับปาก นายหลบไปก่อนเถอะ ไม่งั้นก็กลับไปเซี่ยงไฮ้”
“ฉันไม่กลับ!”
“งั้นก็หลบจากหลู่เฟิ่งโหรวไปก่อน สงครามใหญ่กำลังจะเปิดฉาก พวกนายอย่าสร้างความวุ่นวายเพิ่มอีกเลย”
อู๋ขุยซานพูดขนาดนี้แล้ว สวี่โม่ฟู่ช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง ถังเฟิงจึงไม่พูดอะไรอีก หยุดฝีเท้าเดินกลับไปด้านหลังแทน
เขาไปแล้ว อู๋ขุยซานเดินไปก็เอ่ยไปพลาง “หายตัวไป ไม่ใช่ว่าตายแล้ว?”
หวงจิ่งส่ายหัวว่า “เข้าไปลึกในป่าราชันเจี่ยว ตอนนี้ทางนั้นถูกล้อมไว้แล้ว พวกเราไม่อาจส่งคนจำนวนมากเพื่อไปค้นหาฟางผิงเพียงคนเดียวได้ ทั้งเข้าไปลึกมากไม่ได้เช่นกัน หากเข้าไปลึก เจี่ยวตัวนั้นอาจจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา”
“ป่าราชันเจี่ยว…ในห้องไม่ได้สอนเรื่องนี้หรือไง?”
“สอนแล้ว”
“เขายังจะเข้าไปอีก!”
อู๋ขุยซานไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
“เรื่องนี้…อาจเป็นเพราะสถานการณ์บังคับ…”
หวงจิ่งรู้สึกว่าไร้เหตุผลเหมือนกัน ฟางผิงฆ่าสามคนที่ไล่ตามไปแล้ว ยังจะเข้าไปในป่าลึกอีก คิดอะไรอยู่กันแน่?
—
“พลัดหลง?”
ในเวลาเดียวกัน หลู่เฟิ่งโหรวมองไปทางจ้าวเสวี่ยเหมย เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “หลงได้ยังไงกัน?”
จ้าวเสวี่ยเหมยไม่กล้าปิดบัง กระซิบเล่าหลายประโยค
“เธอบอกว่าเขาออกไปข้างนอกแค่คนเดียว?”
จ้าวเสวี่ยเหมยเผยสีหน้าเป็นกังวล พยักหน้าว่า “ตอนที่อาจารย์ถังพูดจบ เขาพูดคุยอยู่กับพวกเราพักหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือคนเดียว ไม่กลับเข้ามาอีกเลย อาจารย์ ฟางผิงเขา…หรือว่า…”
หลู่เฟิ่งโหรวจมดิ่งในความเงียบ ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “คนอื่นๆ ล่ะ?”
“กลับมาทั้งหมด”
“ทั้งหมด?”
“ใช่ค่ะ”
“มีแค่ฟางผิงที่หายไปคนเดียว?”
“…อืม…”
เฉินอวิ๋นซีเอ่ยเสียงเบา “อาจารย์ ฟู่ชางติ่งบอกว่าฟางผิงไม่มีเซนส์เรื่องทิศทาง…”
“ไม่มีเซนส์เรื่องทิศทาง?” หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แยกแยะทิศทางไม่เป็น เข้าไปลึกในฐานทัพศัตรู คงถูกเจอตัวแล้ว ถ้ากลับมาได้ น่าจะกลับมานานแล้ว”
ระหว่างที่พูด หลู่เฟิ่งโหรวก็เผยแววตาเยือกเย็น ทว่าน้ำเสียงกลับดูแคลนอย่างยิ่ง “ปรมาจารย์หนึ่งคน ขั้นหกหนึ่งคน ขั้นห้าอีกคน ภายในเขตรังสีสิบกิโลเมตร อยู่ในเขตปลอดภัยกลับทำลูกศิษย์ฉันหายไป ฉันจะพูดอะไรได้? คนที่หายทำไมไม่เป็นคนอื่น? เฉินอวิ๋นซี ทำไมเธอไม่หายไป? เพราะกังวลว่าปู่ของเธอจะมาหาเรื่องพวกเขา? ปู่เธอเป็นปรมาจารย์ แต่ฉันไม่ใช่ ดังนั้นจึงเป็นลูกศิษย์ฉันที่หาย ลูกศิษย์ของถังเฟิงเอง ทำไมไม่หายบ้างล่ะ?”
ตอนนี้พวกหวงจิ่งเดินเข้ามาแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวไม่แปลกใจเช่นกัน
หวงจิ่งเอ่ยอย่างจนใจ “เฟิ่งโหรว เหล่าถังไม่ได้มีเจตนาร้าย เธอรู้จักเขามาตั้งหลายปี เขาเป็นคนยังไง เธอยังไม่เข้าใจอีกหรือไง ครั้งนี้พูดได้ว่าเป็นเหตุไม่คาดฝัน…”
“งั้นนายล่ะ?”
“ฉันตามอยู่พักหนึ่ง แต่เจอกับเทียนหู…”
“เทียนหูยังเป็นคู่ต่อสู้ของนาย?”
“กู่เฉียงก็มาเหมือนกัน”
สวี่โม่ฟู่ช่วยแก้ต่าง “คณบดีหวงจิ่งได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน…”
หลู่เฟิ่งโหรวมองพวกเขาด้วยแววตาลึกล้ำ เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เข้าใจแล้ว ยึดภาพรวมเป็นหลัก ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปรมาจารย์ วางใจเถอะ ในเมืองความหวังฉันไม่ทำอะไรหรอก แต่หลังจากนี้ฉันจะรั้งตัวอยู่ในถ้ำใต้ดิน เข้าไปลึกในนั้น ลูกศิษย์ ครอบครัว เพื่อนพ้อง คนที่รักของพวกนายทางที่ดีอย่าได้เข้ามาในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้!”
“เฟิ่งโหรว พูดเหลวไหลอะไร!”
อู๋ขุยซานตำหนิออกมา เอ่ยอย่างโมโห “คุณรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดอะไร?”
“รู้ ฉันกำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับมนุษยชาติ”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แล้วมันยังไง? ลูกสาวฉันตาย พ่อฉันหายไปไร้ร่องรอย สามีของฉันอาจจะเป็นคนร้ายที่ฆ่าลูกสาวตัวเอง ฉันบากบั่นมาทั้งชีวิตเพื่อเซี่ยงไฮ้ ลูกศิษย์กลับต้องมาตายไปกว่าครึ่ง…นายว่า นายจะให้ฉันทำยังไงได้อีก? ฉันให้ฟางผิงลงถ้ำใต้ดิน ในสายตาของฉัน นักศึกษาทั้งเก้าสิบเจ็ดคน หากตายทั้งเก้าสิบหกคน คนที่รอดก็ต้องเป็นเขา แม้ว่าถังเฟิงจะตาย เขาก็อาจจะไม่ตาย แต่ตอนนี้พวกนายบอกฉันว่าคนทั้งหมดไม่เป็นไร มีแค่เขาที่หายตัวไป? ครั้งนี้หากฉันไม่เข้ามา ต่อไปจะเป็นใครล่ะ? จ้าวเสวี่ยเหมยสินะ?”
หลู่เฟิ่งโหรวประชดว่า “เฉินอวิ๋นซีจะตายหรือเปล่า? ฉันคิดว่าไม่ แต่จ้าวเสวี่ยเหมยน่าจะตายในถ้ำใต้ดิน ใช่หรือเปล่า?”
“พูดจาเหลวไหล!”
หลู่ขุยซานเอ่ยอย่างโมโห “ทั้งหมดเป็นเธอที่คิดไปเอง พวกเขาเล่าความจริงอย่างชัดเจนแล้ว! เหล่าหวงต่อสู้กับยอดฝีมือระดับสูงถึงสองคนเพื่อเขา เธอยังจะคิดอะไรอีก? หรือจะให้คนอื่นแลกชีวิตกับฟางผิง? หลายปีมานี้ในถ้ำใต้ดิน มีลูกศิษย์ ครอบครัว เพื่อนพ้องของใครที่ไม่ได้สละชีพบ้าง? เธอจินตนาการไปเอง พูดจาข่มขู่ผู้กล้าที่หลั่งเลือดเพื่อมนุษชาติพวกนั้น หลู่เฟิ่งโหรว ถ้าเธอกล้าทำอะไรส่งเดชอีก ฉันจะฆ่าเธอซะ!”
หลู่เฟิ่งโหรวมองเขาอย่างเยือกเย็น เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “อู๋ขุยซาน นายเป็นวีรบุรุษของนายต่อไปเถอะ เรื่องของฉันไม่จำเป็นให้นายต้องเข้ามายุ่ง! หากนายคิดจะฆ่าฉัน นายก็ลองดู!”
“เธอมัน…ไร้เหตุผลสิ้นดี!”
อู๋ขุยซานระเบิดโทสะ หลู่เฟิ่งโหรวกลับไม่สนใจเขาอีก หยัดกายขึ้นมองไปทางจ้าวเสวี่ยเหมย “ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ จำคำพูดฉันไว้ ติดตามกลุ่มใหญ่อยู่ตลอด อย่าได้บุ่มบ่ามจู่โจม ครั้งนี้พวกเธอต้องช่วยงานฝ่ายป้องกัน ตามติดเฉินอวิ๋นซีไว้ เฉินอวิ๋นซี แม้ว่าฉันจะไม่ได้สอนอะไรเธอ แต่จ้าวเสวี่ยเหมยเป็นเพื่อนของเธอ จำไว้ อย่าแยกตัวจากเธอ ถ้าจ้าวเสวี่ยเหมยตาย ฉันจะไปหาเธออย่างแน่นอน!”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนหลู่เฟิ่งโหรวจะจากไป
คนอื่นๆ ต่างเครียดจนหัวโต หวงจิ่งมองจ้าวเสวี่ยเหมยที่ก้มหน้าลง ถูขมับเบาๆ ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง
รอมาถึงข้างนอกแล้ว หวงจิ่งก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “ให้จ้าวเสวี่ยเหมยกลับไปก่อนเถอะ”
สงครามใหญ่กำลังจะเปิดฉาก ถอนตัวก่อนสงคราม ความจริงทำแบบนี้ไม่ได้
ในถ้ำใต้ดิน หากพบเจอกับสงคราม ไม่ว่าจะเป็นทหาร ผู้ฝึกยุทธ์หรือนักธุรกิจในเมืองพวกนั้นต่างต้องร่วมรบกับสงครามอย่างสุดกำลัง เมืองความหวังเป็นฐานที่มั่นสุดท้าย หากที่นี่หายไป ถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตแล้ว
แต่เทียบฝีมือการรบของขั้นสองคนหนึ่งกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดคนหนึ่ง…ไม่สิ หลู่เฟิ่งโหรวถึงกระทั่งพูดได้ว่าเป็นปรมาจารย์ไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้ หากคลุ้มคลั่งขึ้นมา นั่นถึงจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างแท้จริง
อู๋ขุยซานส่ายหัวว่า “ยิ่งเป็นแบบนี้เธอยิ่งคิดมาก อย่าสนใจเธอเลย ให้คนอื่นจับตามอง อย่าให้เธอทำอะไรส่งเดช”
สวี่โม่ฟู่ยิ้มเจื่อนๆ เอ่ยอย่างจนใจ “หวังว่าฟางผิงจะกลับมาได้ พวกนายว่าเรื่องนี้…”
พวกเขาสบสายตากัน ต่างส่ายหัวไม่พูดอะไร ตอนนี้เมืองความหวังถูกล้อมไว้แล้ว ฟางผิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนหนึ่ง แม้จะมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้ก็ยากจะกลับมาแล้ว
——————–