ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 222 เส้นทางของปรมาจารย์ (1)
ตอนที่ 222 เส้นทางของปรมาจารย์ (1)
ตอนที่เดินไปยังอีกเส้นทาง จู่ๆ ตาเฒ่าหลี่ก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ทำให้ไขกระดูกเป็นหยกไม่ได้ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถคลี่คลายปัญหา!”
ฟางผิงชะงักฝีเท้า
“แข็งแกร่งขึ้น!”
“รอเธอกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว ไม่สิ ขอแค่แตะถึงขั้นหก ทั้งหมดนั่นคงไม่ใช่ปัญหาแล้ว”
“เวลาอาจจะพอช่วยยื้อเธอให้ผ่านไปได้ช่วงหนึ่ง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นที่พึ่งของเธออยู่แล้ว!”
“แต่หากเธอไร้ความหวังที่จะเป็นปรมาจารย์ นั่นเท่ากับไม่สามารถหาคำอธิบายได้ว่าทำไมปราณถึงปลดปล่อยไม่หยุด?”
“เด็กน้อย ลองครุ่นคิดดูเองเถอะ แม้อยากจะให้เซี่ยงไฮ้เป็นเกราะกำบังให้เธอ เธอก็ต้องทำให้คนเห็นคุณค่าเหมือนกัน”
“เซี่ยงไฮ้ไม่ได้ขาดผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ถึงกระทั่งขั้นสี่ด้วยซ้ำ แต่ว่าเซี่ยงไฮ้นั้นขาดแคลนว่าที่ปรมาจารย์! มวลมนุษยชาติก็เช่นกัน!”
หวงจิ่งบอกว่าฟางผิงยังไม่ได้หลอมไขกระดูก นั่นย่อมเป็นความจริง
เจ้าเด็กนี้จะทำได้หรือเปล่า ตาเฒ่าหลี่คิดไปในทางที่ไม่ดีนัก
แต่ฟางผิงไม่พูดถึงต้นสายปลายเหตุออกมา แม้พวกเขาเหล่านี้จะไม่ซักไซ้ไล่เลียง แต่ยอดฝีมือในโลกมนุษย์นั้นมีนับไม่ถ้วน ต้องมีคนอยากรู้ความจริงอยู่แล้ว
ถึงเวลานั้นฟางผิงต้องตกที่นั่งลำบาก
มีเพียงต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
รอฟางผิงแสดงพลังพิสูจน์ได้ว่าตัวเองมีโอกาสเป็นปรมาจารย์ เรื่องทั้งหมดจะหายเข้าไปในกลีบเมฆ
ปรมาจารย์คนหนึ่งเทียบได้กับกองทัพผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามได้ทั้งกองทัพ
เพื่อที่จะให้ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามมีความหวังที่ระเบิดปราณได้อย่างไม่ขาดสาย นั่นยังไม่สู้รอให้ฟางผิงกลายเป็นปรมาจารย์
ทั้งสองอย่างนี้ขึ้นอยู่กับคุณค่ามากน้อยเพียงใด
ฟางผิงเอ่ยอู้อี้ “ผมรู้แล้ว”
“งั้นก็อย่าเอาแต่ยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนั้น รวมถึงแพลตฟอร์มด้วย อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังเกินไป”
ฟางผิงยิ้มเจื่อนๆ คุณไม่รู้เรื่องราวภายในสักหน่อย!
ไม่มีเงิน ฉันจะก้าวหน้าไวได้ยังไง!
คิดจริงๆ เหรอว่าฉันมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม ปลดปล่อยปราณได้ไม่ขาดสาย?
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ในวันนี้ล้วนปูพื้นฐานมาจากค่าทรัพย์สิน มาจากระบบทั้งนั้น ไม่หาเงิน เขาคงต้องรอตายอย่างเดียว
ตาเฒ่าหลี่คิดว่าเขามัวแต่หมกมุ่นกับเรื่องพวกนั้น ถ่วงรั้งการฝึกวิชา กลับไม่รู้ว่านี่ต่างหากที่เป็นพื้นฐานทำให้ฟางผิงแข็งแกร่งขึ้น
แต่เรื่องนี้ไม่อาจอธิบายออกมาได้จริงๆ
ฟางผิงปิดปากเงียบ ตาเฒ่าหลี่ไม่พูดอีกเช่นกัน พาเขาไปห้องทดลองแห่งต่อไป
—
“นี่คือหินพลังงาน?”
ฟางผิงพึมพำ ก่อนจะเอ่ยอย่างสงสัยเล็กน้อย “ไม่เหมือนกับที่เห็นในมหาวิทยาลัยเลย”
“หินพลังงานเป็นชื่อเรียกโดยรวม อันที่จริงเป็นตัวเหนี่ยวนำพลังงาน ลักษณะ ขนาดและสีไม่เหมือนกันเป็นเรื่องปกติ”
ระหว่างที่ตาเฒ่าหลี่พูดก็หยิบหินพลังงานขึ้นมาก้อนหนึ่ง “ลองสัมผัสอย่างละเอียดดู มีความรู้สึกยังไง?”
ฟางผิงหยิบหินพลังงานที่มีขนาดประมาณฝาขวดขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ลองสัมผัสอย่างละเอียด ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยด้วยใจสั่นอยู่บ้าง“อันตราย!”
“หืม?”
ตาเฒ่าหลี่เผยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เธอใช้พลังจิตใจสัมผัส?”
“น่าจะอย่างนั้น”
“เป็นเรื่องปกติ ในหินพลังงานมีพลังงานรวมตัวอยู่มากมาย พลังงานพวกนี้ระเบิดออกมาย่อมทำให้คนรับรู้ถึงอันตราย พลังจิตใจเธอยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ต้องสัมผัสระยะใกล้เท่านั้นถึงจะรับรู้ได้ รอพลังจิตใจเธอแข็งแกร่งมากกว่านี้หน่อย อย่างเช่นพวกปรมาจารย์ยอดฝีมือ จะสามารถคาดเดาอันตรายล่วงหน้าได้ นี่เป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของพวกเขา”
“อาจารย์ พลังจิตใจของคุณแข็งแกร่งหรือเปล่าครับ? ครั้งก่อนผมเห็นอาจารย์หลู่สามารถเคลื่อนย้ายแก้ว…”
“นั่นมันหลู่เฟิ่งโหรว” ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ฉันทำถึงขั้นนั้นไม่ได้”
หลู่เฟิ่งโหรวมีฝีมือที่แข็งแกร่งงั้นเหรอ?
แข็งแกร่งอย่างมาก!
มังกรและงูไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ รวมถึงครอบครัวของผู้ฝึกยุทธ์ ส่วนมากล้วนเป็นแบบนี้
อู๋ขุยซานที่ได้ฉายา ‘ราชาอสรพิษ’ ก็เป็นอัจฉริยะในเวลานั้นเช่นกัน หากหลู่เฟิ่งโหรวไม่มีความสามารถเลย คงอยู่ร่วมกับอู๋ขุยซานไม่ได้หรอก
เรื่องที่หลู่เฟิ่งโหรวทำได้ ไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดทุกคนจะทำได้
หลู่เฟิ่งโหรวกล้าพูดว่าตัวเองมีหวังจะกลายเป็นปรมาจารย์ในสี่ห้าปีนี้ ตาเฒ่าหลี่กลับคิดอยากไปฆ่าพวกถ้ำอย่างสุขใจก่อนตายเท่านั้น
ตาเฒ่าหลี่แทบไม่อาจสัมผัสถึงพลังจิตใจของฟางผิงได้เลย
แต่หลู่เฟิ่งโหรว ครั้งก่อนที่ห้องแหล่งพลังงาน พลังจิตใจของฟางผิงตื่นตัวขึ้นมานิดเดียว เธอก็รับรู้ได้แล้ว
อันที่จริงนี่แสดงให้เห็นถึงระยะห่างของทั้งสองคน!
เทียบเรื่องความสามารถแล้ว ตาเฒ่าหลี่อาจไม่แพ้ให้หลู่เฟิ่งโหรวเสมอไป แต่หากเทียบเรื่องศักยภาพในการเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ ตาเฒ่าหลี่นับว่าห่างไกลจากอีกฝ่ายอย่างมาก
ฟางผิงเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “อาจารย์ พลังจิตใจสามารถตรวจจับถึงขั้นแข็งแกร่งอ่อนแอได้ด้วยเหรอครับ?”
“ได้ แต่ตรวจได้แค่ปรมาจารย์เท่านั้น”
“ทำไมล่ะครับ?”
“เพราะปรมาจารย์สามารถปลดปล่อยพลังจิตใจได้ หรือจะพูดว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ปลดปล่อยพลังจิตใจล้วนสามารถตรวจจับได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้ พลังจิตใจของคนอื่นไร้รูปร่าง ทั้งไม่อาจสัมผัสได้ เข้าใจหรือยัง?”
“ความแข็งแกร่งอ่อนแอของพลังจิตใจและปราณนั้นเหมือนกัน มีมาตรฐานที่ใช้วัดหรือเปล่าครับ?”
“มี”
ตาเฒ่าหลี่ตอบอย่างรวดเร็ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ความแข็งแกร่งของพลังจิตใจ ในหมู่ปรมาจารย์นั้นเป็นมาตรฐานที่สำคัญอย่างหนึ่ง พูดแบบนี้แล้วกัน ปรมาจารย์ต้องดูจุดไหนบ้าง? อย่างแรกต้องปลดปล่อยพลังจิตใจได้ ตอนที่เธอสามารถปลดปล่อยพลังจิตใจ ทั้งรวบรวมพลังปราณได้ แสดงทักษะต่อสู้ระดับปรมาจารย์ งั้นเธอก็คือปรมาจารย์! และการหลอมกะโหลกมีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังจิตใจโดยตรง ทำไมถึงไม่หลอมกะโหลกในขั้นสาม แต่เลือกที่จะหลอมในขั้นปรมาจารย์ เป็นเพราะการหลอมกะโหลก จะไม่ใช้แค่พลังปราณเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงพลังจิตใจด้วย”
“พลังปราณเฉยๆ อาจจะได้เหมือนกัน แต่ว่าอันตรายอย่างมาก ประสิทธิภาพต่ำ อย่างฉัน หยุดอยู่ในขั้นหกสูงสุดถึงเก้าปี ทั้งกำลังหลอมกระดูกอยู่เหมือนกัน แต่เก้าปีที่ผ่านมา กะโหลกหลอมได้แค่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น นี่อยู่บนพื้นฐานในช่วงคนธรรมดาเช่นกัน ฉันหลอมกระดูกแค่หนึ่งครั้ง หากคิดจะหลอมกะโหลกให้ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ นั่นคงต้องใช้เวลากว่าร้อยปี! สามารถปลดปล่อยพลังจิตใจ แสดงทักษะต่อสู้ระดับปรมาจารย์ นั่นถือว่าเข้าสู่ขั้นเจ็ดแล้ว พอก้าวสู่ขั้นเจ็ด ใช้พลังจิตใจและพลังปราณหลอมกะโหลกเสร็จสิ้นแล้ว นี่ถึงจะเข้าสู่ขั้นแปดอย่างเป็นทางการ! ปรมาจารย์ขั้นแปด หลอมกระดูกสำเร็จขั้นสูง ไขกระดูกแปรสภาพเหมือนปรอท ปราณหลั่งไหลราวสายน้ำ พลังจิตใจไม่ดับสูญ…เวลานี้จะเป็นร่างทองไม่บุบสลายอย่างแท้จริง”
ในชั่วพริบตานั้นฟางผิงก็เข้าใจถึงเส้นทางการฝึกวิชาเป็นปรมาจารย์ทันที!
ทั้งยังลืมถามเรื่องการวัดพลังจิตใจไปโดยสิ้นเชิง เอ่ยด้วยใบหน้าสงสัยว่า “งั้นขั้นเก้าล่ะครับ?”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้?”
ตาเฒ่าหลี่กลอกตา “เหลวไหล ฉันจะไปรู้ได้ยังไง! ฉันเพิ่งจะขั้นหก เหตุผลที่รู้เรื่องการฝึกวิชาขั้นแปดเป็นเพราะมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีอธิการบดีขั้นแปดถึงสองคน ขั้นเก้านั่นเป็นอีกระดับ ฉันไม่เคยคลุกคลีกับขั้นเก้ามาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ยังก้าวไม่ถึงขั้นนี้ รู้ไปแล้วมีประโยชน์อะไร?”
ฟางผิงคันยุบยิบในใจ “พูดแบบนี้ปรมาจารย์ขั้นแปดก็คงร่างกายแข็งแกร่งเหมือนทองคำ งั้นทำไมพวกอธิการถึง…ถึง…”
“เหมือนจะป่วยออดๆ แอดๆ?”
“ใช่ คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
“ร่างกายแข็งแกร่งเหมือนทองคำ ไม่ได้หมายความว่าจะตายไม่ได้ ก่อนหน้านี้อธิการและแม่ทัพของเมืองเทียนเหมินต่อสู้กัน ถูกอีกฝ่ายใช้พลังจิตใจลบล้างลักษณะพิเศษที่ว่าไม่บุบสลายไป…”
“หมายความว่ายังไง?”
“ไม่แน่ใจ มีคนพูดว่ายอดฝีมือระดับสูงสามารถสังหารผู้ที่แข็งแกร่งระดับสูงได้ ประเด็นหลักนั้นอาศัยพลังจิตใจในการลบล้างลักษณะพิเศษไป ปะทะกันอย่างเดียว อาจจะทำให้บาดเจ็บได้ แต่ไม่อาจฆ่าอีกฝ่ายได้ อย่างเช่นคนอย่างพวกเรา ตอนนี้ประมือกับอธิการ อธิการปล่อยให้พวกเราฟันเขา บางทีอาจจะแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น อาการบาดเจ็บนี้ไม่ถึงแก่ชีวิต ไม่นานก็สามารถฟื้นฟู แต่ว่าหากถูกผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันทำร้าย ลบล้างความเป็นอมตะของเขา อาการบาดเจ็บเช่นนี้ยากที่จะฟื้นฟูแล้ว”
ฟางผิงคลายข้อสงสัยแค่ครึ่งเดียว แต่ยังคงพอเข้าใจ ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “อาจารย์ของผมไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ เธอเลยไม่ไปแก้แค้นเพราะเธอฆ่าเจ้าเมืองเทียนเหมินคนนั้นไม่ได้สินะครับ?”
“เธอรู้เรื่องนี้?”
“ได้ยินมาครับ”
ตาเฒ่าหลี่พยักหน้าว่า “เป็นแบบนั้นแหละ หลู่เฟิ่งโหรวไม่ถึงขั้นเจ็ด คงสังหารอีกฝ่ายไม่ได้ ไปก็เท่ากับไปตาย ถึงขั้นเจ็ดแล้ว ถือว่ามีหวัง แม้จะเป็นความหวังอันเลือนรางก็ตาม ดังนั้นหากเซี่ยงไฮ้ปรากฏตัวปรมาจารย์คนที่ห้า พวกเราต่างหวังว่าจะไม่ใช่เธอ”
“อธิการอู๋อยู่ขั้นแปดแล้ว พ่อของอาจารย์ผมอยู่ขั้นเจ็ดเหมือนกัน อาจารย์เข้าสู่ขั้นเจ็ด หรือยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขั้นเก้า?”
ฟางผิงเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าอีกฝ่ายอยู่ขั้นเก้าตอนต้นเท่านั้น”
ตาเฒ่าหลี่ขมวดคิ้วว่า “ขั้นเก้าแข็งแกร่งแค่ไหนเธอไม่รู้หรอก เธอคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ได้งั้นเหรอ?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างจริงจัง “ผมทะลวงขั้นสามสูงสุดแล้วจะไปลองกับจางอวี่ เขาอาจจะผลาญปราณสู้ผมไม่ได้เสมอไป”
ตาเฒ่าหลี่ไร้คำจะพูดอย่างถึงที่สุด! ฉันพูดถึงเธอหรือไง? เธอมันโกงชัดๆ รู้ตัวหรือเปล่า?
ปล่อยปราณได้ไม่ขาดสาย ก่อนจะเป็นปรมาจารย์ ทุกคนยังคงดูที่ปราณเป็นหลัก!
คร้านจะสนใจเขาอีก ตาเฒ่าหลี่ตำหนิว่า “รีบหน่อย ลองสัมผัสความบริสุทธิ์ของหินพลังงานแต่ละชนิดดู…”
ฟางผิงเริ่มตั้งใจสัมผัสอย่างละเอียด ผลปรากฏว่ารอจนเขาหยิบหินพลังงานก้อนสุดท้าย ยังผ่านไปไม่เท่าไหร่ ตาเฒ่าหลี่กลับตำหนิออกมาทันที “เจ้าหนู เกินไปแล้ว!”
ฟางผิงทำหน้าเหลอหลาราวกับไม่รู้เรื่องอะไร
“ฉันให้เธอสัมผัสดู ไม่ใช่ให้เธอดูดซับ!”
ฟางผิงวางหินพลังงานลงอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขำแห้งว่า “อาจารย์ นี่คือหินที่ใช้สำหรับฝึกวิชา? ผมเพิ่งจะดูดซับนิดเดียวก็รู้สึกว่าปราณเติมเต็มแล้ว ฟินยิ่งกว่าก้อนนั้นซะอีก!”
————————–