รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 731 เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้ง
บทที่ 731 เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่คุณหญิงหลิ่วและผู้กำกับจูยืนพูดคุยกันอยู่บริเวณด้านข้างนั้น ด้านนอกก็มีรถพี่เลี้ยงคันหนึ่งขับตรงเข้ามา และมาหยุดจอดที่ด้านข้างของกองถ่ายหนัง จากนั้นก็มีคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ
ผู้นี้อยู่ในวัยกลางคน หน้าตาค่อนข้างน่าเกรงขาม สายตาส่องประกายออกมาถึงความมีอำนาจบาตรใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อคนวัยกลางคนกำลังลงจากรถ รถของส้งฉางซิงก็มาถึงด้วยเช่นกัน
คนวัยกลางคนรีบเดินเข้าไปหาทันที โดยยังไม่ทันได้ทักทายกับคุณหญิงหลิ่วและผู้กำกับจู ก็เข้าไปยื่นจับมือทักทาย พูดว่า: “สวัสดีคุณส้ง ช่วงนี้พี่ชายของคุณเป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม? ฉันคือสวีฉู่เย็น”
ส้งฉางซิงตกใจ: “โอ้ว พี่ชายสบายดี คุณสวี คุณมาแล้วเหรอ? ”
สวีฉู่เย็นไม่ใช่เป็นเพียงบุคคลธรรมดา แต่เป็นที่รู้จักกันในฐานะเจ้าพ่อแห่งวงการบันเทิง ในวงการภาพยนต์ละครและวงการเพลงต่างมีอิทธิพลกว้างขวางที่มิอาจมองข้าม
สวีฉู่เย็นรู้จักส้งฉางเว่ยอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นแขกผู้มีเกียรติคนใหม่แห่งเย็นจีนในช่วงหลายเดือนมานี้ และเขายังได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับด้วย
ส้งฉางเว่ยเพียงแค่ทักทายพูดคุยไม่กี่คำ ก็รีบพุ่งตรงมาหาฉินหลั่ง: “ฉินหลั่ง คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน ที่นี่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณด้วยงั้นเหรอ? โอ้ว ข้ามวงการเก่งดีนะ”
ฉินหลั่งยังไม่ทันได้พูด เวลานี้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณหญิงหลิ่วกับสวีฉู่เย็นก็เกิดทะเลาะกันขึ้น
“สวีฉู่เย็น คุณพูดว่าอะไรนะ? บอกว่าลูกสาวของฉันไม่ระมัดระวัง? คุณละอายใจบ้างไหม? เธอเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอ คุณต้องการที่จะให้ผู้กำกับจูปัดโยนความผิดหรือว่าอย่างไรกัน? ”
สวีฉู่เย็นก็ไม่ยอมลดราวาศอก ไม่ให้เกียรติทางคุณหญิงหลิ่วแม้แต่น้อย ตอนท้ายทั้งสองคนเกือบที่จะดุด่าว่ากล่าวกันอย่างรุนแรงแล้ว ในที่สุดก็มีผู้ที่เยือกเย็นสุขุม ได้เข้ามาจับทั้งสองคนแยกออกจากกัน
เวลานี้ฉินหลั่งขมวดคิ้ว แน่นอนว่าเขาจะต้องเข้าข้างฝ่ายคุณหญิงหลิ่ว เห็นคุณหญิงหลิ่วโมโหตัวเขาเองก็โมโหด้วย และยิ่งได้ยินที่สวีฉู่เย็นพูด เป็นเพราะความผิดของหยูนชิงชิงเอง กล่าวโทษใครไม่ได้ ทั้งที่จริงทางตำรวจได้ตรวจสอบพบเจอการตั้งใจวางแผนการลอบทำร้ายแล้ว
ฉินหลั่งได้เดินเข้าไป จ้องมองไปที่สวีฉู่เย็น สวีฉู่เย็นรู้สึกว่าตนเองได้พบกับคู่ต่อกรที่น่าเกรงขามเข้าให้แล้ว เห็นฉินหลั่งกับส้งฉางซิงสนิมสนมกันมาก เขาแปลกใจที่ว่าฉินหลั่งกับส้งฉางซิงเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ไม่นานจิตใจก็สงบลง
แม้ว่าส้งฉางเว่ยจะมีตำแหน่งและหน้าที่ที่สูงศักดิ์ แต่ก็เพิ่งมาถึงเย็นจีนได้ไม่นาน ก็ไม่กล้าที่จะใช้อำนาจบีบบังคับกดดันเจ้าถิ่นของที่นี่
อีกทั้งส้งฉางเว่ยก็หวงแหนตำแหน่งและเกียรติยศของตน ก็ไม่อนุญาตให้ส้งฉางซิงจัดการซี้ซั้ว ดังนั้นสวีฉู่เย็นจึงไม่กังวลว่าจะถูกส้งฉางเว่ยบังคับกดดันตนเอง
แน่นอน เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ เขารู้สึกว่าส้งฉางเว่ยเป็นคนฉลาด คงไม่ทำเพื่อฉินหลั่งแล้วเลือกที่จะล่วงเกินกับเจ้าพ่อแห่งวงการบันเทิงผู้นี้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ได้ที่จะตอบโต้ฉินหลั่งโดยตรง แต่กลับที่จะหันหลังแล้วเดินเข้าไปพักในเต้นท์ที่อยู่ด้านข้าง นั่งลงรินน้ำชา ค่อย ๆ จิบดื่มอย่างใจเย็น
“สั่งการลงไปทั้งวงการบันเทิง ให้ปิดกั้นโอกาสของหยูนชิงชิงในทุกด้าน ใครกล้าที่จะยกยอปลุกปั้นเธออีก ผู้นั้นก็จะเป็นศัตรูกับข้าสวีฉู่เย็น”
“ไอ้เด็กเวร คิดว่ามีความสัมพันธ์กับทางตำรวจ แล้วทำมาเป็นเบ่งโอ้อวดต่อหน้าข้า หากไม่แสดงให้รู้ถึงอำนาจอิทธิพลบ้าง คงจะไม่รู้จักว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ในวงการนี้”
สวีฉู่เย็นสั่งการลงไปรวดเดียว: “ส้งฉางเว่ยแล้วจะทำไม? ข้ายังต้องเกรงกลัวเขาด้วยเหรอ”
ผู้กำกับจูและทีมงานทุกคนต่างตอบรับอย่างเคารพ: “เข้าใจรับทราบแล้ว! ”
สวีฉู่เย็นไม่พอใจอย่างมาก ตนเองออกหน้าเพื่อที่จะไกล่เกลี่ย แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ยินยอม และยังกล้าที่จะทะเลาะกับเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย
ในเวลานี้ ฉินหลั่งได้พาหยูนชิงชิงกลับไปที่ร้านหุยชุน หลังจากที่ได้รักษาบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ฉินหลั่งก็เดินออกมาจากห้อง
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและส่งข้อความหนึ่งฉบับ
สำหรับคนหัวแข็งดื้อรั้นอย่างสวีฉู่เย็น เขาจะต้องจัดการกลับให้อย่างสาสม
ในเช้าของวันรุ่งขึ้น สวีฉู่เย็นตื่นขึ้นแต่เช้า ไม่รู้ว่าทำไม เขานอนไม่หลับทั้งคืน จิตใจรู้สึกว่าเป็นกังวลอะไรบางอย่าง
เขาพยายามลองคิดทบทวนดู พบว่าคงจะเป็นเรื่องที่จะจัดการปลดหยูนชิงชิงออกยังทำไม่สำเร็จ ทำให้เขาที่หลายปีมานี้ราบรื่นมาโดยตลอดต้องมาพบเจอกับความเปลี่ยนแปลง
เขามองดูเวลา จากนั้นสั่งคนให้นำอาหารเช้ามาส่ง ทานเสร็จก็นำคนไปยังบริษัทหลานเตี้ยน
เรื่องลวดสลิงขาดเมื่อคืนวาน แม้ว่าสวีฉู่เย็นจะตั้งใจให้เรื่องจบลงอย่างง่าย แต่ก็ยังจะต้องสืบสวนต่อไป หลีกเลี่ยงที่จะเกิดเรื่องจนถึงกับเสียชีวิต
สวีฉู่เย็นเพิ่งกำลังเรียกผู้บริหารหลายคนเข้าประชุม โทรศัพท์ของทุกคนต่างก็มีสัญญาณดังขึ้น
“อะไรกัน? บริษัทหยุ่นสือทุ่มเงินเพื่อขอซื้อตัวนักแสดงในสังกัดของพวกเรา นักแสดงจำนวนสามสิบหกคนต้องการที่จะยกเลิกสัญญาความร่วมมือ? ”
“ข่าวการลอบฆาตกรรมบนลวดสลิงได้แพร่กระจายออกสู่วงกว้าง ทำให้ทีมงานนักแสดงละคร《ปีที่เหลือ》《คนรับใช้》《ลูกเขย》ต่างออกมาเรียกร้องให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด? ”
“หยูนชิงชิงได้รับบาดเจ็บ ทางตำรวจเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อต้องการเข้าตรวจสอบคณะทีมงานผู้กำกับละครรวมถึงสถานที่ถ่ายทำละคร? ”
“ตระกูลเหลียงแห่งเมืองเทียนก่างต้องการจะยุติความร่วมมือ ‘จินฉางเสิ้นเฉิง’ ของทั้งสองฝ่าย”
“ดาราที่กำลังโด่งดังหกคนมีส่วนเกี่ยวพันกับการลักลอบและลดหย่อนภาษีได้ถูกจับกุมตัวแล้ว”
“ละครออนไลน์ทั้งสิบสองเรื่องที่กำลังยื่นเรื่องขออนุมัติเข้าฉายถูกปฏิเสธ? ”
“คอนเสิร์ตของราชานักร้องในเดือนนี้ที่จะมีขึ้นในเมืองเจียง เมืองไห่ เมืองรุ่ย เมืองเหอโควถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายดับเพลิงยกเลิกการแสดงทั้งหมด? ”
“สื่อโฆษณายักษ์ใหญ่แต่ละเจ้าต่างทยอยกันขอร้องเพื่อยกเลิกสัญญา? ”
“ธนาคารจุ้ยเฟิงยืนยันว่าปลายเดือนนี้จะไม่อนุมัติเงินทุนกู้ยืมต่อให้อีก? ”
เพียงแค่สิบกว่านาที กลุ่มผู้บริหารหลายสิบคนจากเดิมที่ยิ้มแย้มร่าเริง ต่างมีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และตะโกนโวยวายกันอย่างโกลาหล
ไม่น่าแปลกที่พวกเขาจะตกใจหวาดกลัวขนาดนี้ ข่าวร้ายแต่ละเรื่องละเรื่องที่เกิดขึ้น และในทุกเรื่องต่างก็ส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าของบริษัททั้งสิ้น
สวีฉู่เย็นที่กำลังถือแก้วน้ำชาอยู่ในมือก็หยุดชะงัก เกิดเรื่องราวที่ไม่ดีขึ้นมากมายกับบริษัทอย่างกะทันหันแบบนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อน
หรือว่าเป็นฝีมือของฉินหลั่ง?
ฉินหลั่งมีความสามารถมากขนาดนี้เชียวเหรอ?
สวีฉู่เย็นไม่อยากที่จะเชื่อ แต่นอกจากที่เมื่อคืนได้กล่าวกับฉินหลั่งอย่างไร้ความปราณีแล้ว ในช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ไปล่วงเกินกับผู้ใด
หลังจากนั้นอีกสิบกว่านาที ก็มีข่าวร้ายมากมายเพิ่มขึ้นอีก ไม่เพียงแค่บริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักแล้ว แม้แต่ช่องทางความสัมพันธ์กับบุคคลก็ถูกตัดขาดด้วยเช่นกัน
บุคคลใหญ่ที่มีชื่อเสียงหลายรายถูกขุดคุ้ยว่ามีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนกับสวีฉู่เย็นจึงถูกจับกุมตัวทั้งหมด
และยังมีข่าวร้ายเล็ดลอดออกมาอีกว่า ในอดีตสวีฉู่เย็นตามจีบดาราสาวคนหนึ่งไม่สำเร็จ จึงวางแผนชั่วร้ายข่มขืนฝ่ายตรงข้าม ทำให้เธอตกใจสุดขีดกลายเป็นคนบ้า
ทั้งหมดทั้งมวล ผลประโยชน์ของบริษัทหลานเตี้ยนกับชื่อเสียงของสวีฉู่เย็นได้ตกต่ำลงอย่างหนัก แม้ว่าสวีฉู่เย็นจะปล่อยข่าวลับของดาราสาวสามคนที่โด่งดังออกมาก็ยังคงไม่สามารถกลบเกลื่อนหรือหันเหการจับจ้องจากสาธารณชนไปได้
“หืม ไอ้เด็กน้อย มีความสามารถไม่เบา แต่น่าเสียดาย ที่ฉันก็ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา”
สายตาของสวีฉู่เย็นแสดงออกถึงความเย็นชา จากนั้นดื่มชาจนหมดแก้วแล้วก็ลุกขึ้นไป
เขาได้สั่งให้คนที่ไว้วางใจมีอำนาจจัดการวิกฤตที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนเองกลับเข้าไปที่ห้องทำงานประธานบริษัท เปิดตู้นิรภัยแล้วนำภาพเขียนตัวอักษรพู่กันออกมาหลายภาพ
จากนั้น เขาก็นั่งรถลินคอล์นลีมูซีนมายังอาคารที่ตกแต่งด้วยกระจกสีทองทั้งหลัง
อาคารหล่านเซ่อ
รู้สึกแบบอยู่ในความฝัน มีความเป็นศิลปะอย่างมาก
แต่สวีฉู่เย็นไม่ได้ชื่นชนในความงดงามของตัวอาคารมากนัก ทักทายกับยามและพนักงานต้อนรับ จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์มายังชั้นที่สามสิบแปด
ชั้นนี้ เป็นสวนดอกไม้ลอยฟ้า ไม่เพียงแค่ต้นไม้เขียวชอุ่ม ดอกไม้เบ่งบานสวยงามแล้ว ยังมีบรรยากาศทิวทัศน์ที่ชื่นชมได้อย่างไม่รู้จบ
วิวทิวทัศน์มันช่างสวยงดงามและอากาศดีอะไรอย่างนี้
ตรงกลางของสวนดอกไม้ลอยฟ้า มีโต๊ะหินอ่อนขนาดใหญ่หนึ่งตัววางอยู่ ด้านหลังมีชายในชุดสีดำผู้หนึ่งยืนอยู่
บุคลิกลักษณะสุภาพ ทำนองท่วงท่าที่เลอเลิศ
เวลานี้ เขากำลังจับพู่กันเขียนอักษรอยู่บนแท่นกระดาน
ตัวอักษรมีชีวิตชีวา เริ่มต้นเขียนอย่างมีน้ำหนัก ซึ่งเขียนคำว่า《เถิงหวังเก๋อซวี่》 ที่สวยสดงดงามน่าดูชมเป็นอย่างมาก
สวีฉู่เย็นไม่ได้พูดกล่าวอะไร เพียงแต่ยืนสงบเงียบอยู่ด้านข้าง ไม่เคลื่อนไหว รอจนกว่าชายวัยกลางคนผู้นี้เขียนตัวอักษรจนเสร็จ
ประมาณสิบห้านาที ชายวัยกลางคนถึงเขียนเสร็จวางพู่กันลง จากนั้นหยิบผ้าขนหนูอุ่นที่คนใช้ได้นำมาวางเตรียมไว้เช็ดมือทั้งสองข้าง
“ฉู่เย็น มีใจแล้ว ฉันเพิ่งกลับมาได้คืนเดียว นายก็มาหาฉันแล้ว”
“แต่หัวใจของนายเต้นเร็วผิดกว่าปกตินะ”
ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจ แต่กลับไม่ได้หันมามองสวีฉู่เย็นแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าเขาไม่มีค่าเพียงพอ
“เดินทางมาอย่างเร่งรีบ ดังนั้นหัวใจจึงเต้นเร็วไปหน่อย”
สวีฉู่เย็นพูดอย่างเคารพว่า: “ใช่แล้ว คุณเว่ย ไม่นานมานี้ฉันได้ไปเสาะหาอักษรที่เป็นลายมือของหวางซีจือและเหยียนเจิงชิงซึ่งเป็นของแท้ดั้งเดิม จึงนำมาให้ท่านดูผ่านตา”
ชายวัยกลางคนส่งสัญญาณบอกให้เขาวางลงไว้ด้านข้าง แต่ไม่ได้เปิดออกมาดู และพูดขึ้นว่า: “เวลาของฉันมีค่ามาก มีธุระอะไรก็พูดออกมา”
“คุณเว่ย ฉันมาเพราะมีเรื่องขอความช่วยเหลือ เหมือนว่าฉันไปหาเรื่องกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่เข้าให้แล้ว”
สวีฉู่เย็นถอนหายใจยาว มองดูฝ่ายตรงข้ามและพูดอย่างระมัดระวังว่า: “บริษัทหลานเตี้ยนประสบกับวิกฤตที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน”
“วิกฤต? จะมีวิกฤตอะไรกัน? ”
ชายวัยกลางคนไม่แสดงท่าทีอะไร: “หากว่าฉันใกล้ที่จะเสียชีวิต คุณอาจจะเกิดวิกฤตขึ้นได้ แต่ตอนนี้ฉันสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี ใครจะกล้ามาให้ร้ายคุณ? ”
“เขามีความสัมพันธ์กับส้งฉางเว่ย ฉันเพียงแค่ประมาท เมื่อคืนฉันลืมตรวจเช็คเส้นสายเบื้องหลังของเขา”
สวีฉู่เย็นมุมปากสั่นไม่หยุด: “ฉันเพิ่งสั่งให้คนตรวจดูข้อมูลของเขา คาดว่าอีกสักครู่ก็คงนำส่งมาให้”
“ไม่ต้องพูดหรอก บุคคลเล็กน้อยธรรมดา ไม่มีความหมาย”
ได้ยินสวีฉู่เย็นพูดว่าตรวจหาข้อมูล ชายวัยกลางคนก็รู้ได้ว่าไม่ใช่คนของห้าตระกูลใหญ่ จึงรีบโบกมือปฏิเสธอย่างเบื่อหน่าย
เขากวักมือเรียกให้คนมานำภาพตัวอักษรคำว่า《เถิงหวังเก๋อซวี่》ที่เขียนเสร็จแล้วออกไป จากนั้นก็นำกระดาษเซียนจื่ออีกแผ่นหนึ่งมาแล้วก็เขียนอักษรต่อไป
ครู่เดียว อักษรตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนกระดาษ แฝงไปด้วยพลังอำนาจ ดูมีน้ำหนักลึกซึ้ง
“นั่นคือคำว่า หยุด! ”