รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 719 รอดพ้นจากเคราะห์กรรม
บทที่ 719 รอดพ้นจากเคราะห์กรรม
จนถึงตอนนี้ มีเพียงฉินหลั่งที่ยังคงยืนหยัดว่าผงขาวเฟยเยว่มีปัญหา และคนอื่น ๆ เห็นว่าฉินหลั่งกำลังโกหก
ไม่มีใครเชื่อที่ฉินหลั่งพูด ทุกคนเห็นโดยพร้อมเพรียงว่าฉินหลั่งโกรธแค้นมากเกินไป ดังนั้นจึงเลือกที่จะใช้วิธีโจมตีอีกฝ่ายเพื่อทำให้ในใจตัวเองรู้สึกสมดุลขึ้นมา
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่หลู่เหม่ยเฉินและเหว่ยฝ่าเทียน ก็คิดว่าฉินหลั่งต้องการให้ทั้งสองฝ่ายประสบความพินาศด้วยกัน ซึ่งเกิดขึ้นจากความคับแค้นใจที่ไร้สติสัมปชัญญะ
ดังนั้นวันต่อมาหลู่เหม่ยเฉินก็ได้รีบกลับไปที่ร้านหุยชุนอีกครั้ง และปลอบใจฉินหลั่งทุกวิถีทาง บำรุงขวัญสภาพจิตใจของฉินหลั่งอย่างเงียบ ๆ ปรารถนาให้ฉินหลั่งกลับมาเป็นปกติได้ในเร็ววัน
ในระยะนี้ หลู่เหม่ยเฉินตั้งใจว่าจะคอยอยู่ข้างกายฉินหลั่ง ทำทุกอย่างเพื่อเขา และก้าวผ่านวันเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน
“ปื้น!” หลู่เหม่ยเฉินยังไม่ทันได้ลงจากรถ ก็ได้ยินเสียงคำรามของเครื่องยนต์จากรถยนต์ดังมาจากข้างทาง และกำลังขับใกล้เข้ามาจากไกล ๆ
รถขันนี้ขับเร็วมาก ท่าทางโหดร้าย จากนั้นรถก็จอดลง มีชายวัยกลางคนและคุณนายที่ดูไฮโซหรูหราเดินลงมาจากรถ
พวกเขาท่าทางเป็นกังวล สีหน้าซีดเซียว คล้ายกับเสือติดจั่น ทั้งสองวิ่งไปถึงห้องโถงโรงหมออย่างรวดเร็ว เขากอดเด็กคนที่มาหาหมอเมื่อวานไว้ในอ้อมแขน พึ่งจะเข้าไปห้องโถง ทั้งสองก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที ในปากเต็มไปด้วยคำวิงวอนขอร้อง: “คุณหมอ คุณหมอ! รีบช่วยลูกของผมด้วยเถอะ ขอร้องพวกคุณ รีบช่วยลูกของผมด้วย……”
ร่างกายของเด็กคนนั้นถูกพันด้วยผ้าพันแผล สองตาปิดแน่น สีหน้าดำคล้ำ แค่มองดูก็รู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก สองสามีภรรยาก้มหัวโขกศีรษะให้กับฉินหลั่งอย่างไม่ยั้ง ท่าทีหยิ่งผยองอย่างในตอนนั้นไม่เหลืออยู่อีกแล้ว เหลือเพียงท่าทางที่น่าเวทนาเป็นอย่างมาก
ในเวลานี้หลู่เหม่ยเฉินรีบลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในกลุ่มคน ในตอนนั้นเองเธอถึงพบว่าอาการบาดเจ็บของเด็กคนนั้นหนักกว่าเมื่อวานมาก โดยเฉพาะบริเวณแขนที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสด ๆ ช่างน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้เสียจริง
หลู่เหม่ยเฉินอดไม่ได้ที่จะหันหน้าหนี เธอไม่อยากจะเห็นภาพที่สยดสยองนี่ สภาพในตอนนี้น่าหวาดกลัวมาก สติสัมปชัญญะของเด็กน้อยค่อย ๆ ซบเซาลง ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่ตลอดเวลา แต่มือเล็ก ๆ ยังคงไม่หยุดพัก ยังคงออกแรงเกาอย่างไม่หยุด เป็นภาพที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ
เด็กน้อยเกาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นแผลใหม่แผลเก่า ล้วนน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้ เด็กน้อยยังคงเกาอย่างไม่หยุด
แต่อิงจิ่งหลิงกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายเช่นนั้น เธอเคยเป็นนักฆ่ามาก่อน จะเป็นสถานการณ์แบบไหนก็เคยพบเห็นมาแล้ว บวกกับที่เธอมีนิสัยที่มีแค้นจะต้องชำระ เธอเดินขึ้นไปข้างหน้าและกล่าวอย่างไม่ปรานี: “คุณบอกว่าหมอฉินเป็นสิบแปดมงกุฎไม่ใช่เหรอ คุณบอกว่าหมอฉินไม่มีศีลธรรมไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่กลับมาอีกทำไม?”
อิงจิ่งหลิงเย็นชาเป็นที่สุด: “ฉันว่าพวกคุณลองไปที่อื่นดีกว่าไหม ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณหรอก?”
“ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมมีตาหามีแววไม่ เข้าใจความหมายของหมอฉินผิดไป ผมสมควรตาย ผมสมควรตาย!” ชายวัยกลางคนพูดไปพลางตบเข้าไปที่ใบหน้าของตัวของอย่างแรง จนใบหน้าซีกหนึ่งของเขาบวมแดงขึ้นมา ดูแล้วท่าทางเสียใจเป็นที่สุด
“ผมก็ถูกผงขาวเฟยเยว่หลอกเหมือนกัน ผมนึกว่ายานี่จะมหัศจรรย์อย่างที่โฆษณา ไม่คิดเลยว่าจะมีผลข้างเคียงที่รุนแรงขนาดนี้ ผมได้กล่าวตำหนิหมอฉินเพราะเรื่องนี้ ใช้จิตใจต่ำช้า มาประเมินค่าวิญญูชน ผมผิดไปแล้ว ผมต้องขออภัยคุณหมอฉิน ผมขอโทษ ผมขอโทษ”
“หมอฉิน คุณจะตีหรือจะด่า ล้วนแล้วแต่คุณ ผมจะไม่ต่อว่าคุณเลยแม้แต่น้อย ใครใช้ให้ผมไม่มีลูกตา ผมขอเพียงแค่คุณช่วยลูกของผมด้วย ชาตินี้ผมจะไม่มีวันลืมพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของหมอฉินเลย” ชายวัยกลางคนพูดไปก็พลันสะอึกสะอื้นขึ้นมา
ในเวลานี้คุณนายไฮโซก็กระวนกระวายราวกับมดที่เดินวนไปมา ร่ำไห้ร้องทุกข์กล่าว: “หมอฉิน ฉันกลัวว่าแขนของลูกฉันจะปกป้องไว้ไม่ได้แล้ว ท่านรีบลงมือช่วยเหลือเถอะนะ อดทนต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ใจของฉันก็คงต้องแตกสลายไปแน่ ๆ ”
“หมอฉิน คุณเป็นคนดี เป็นคนที่ดีที่สุด เดิมที่ฉันน่าจะดูออกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ฉันกลับสมองเลอะเลือน”
“ดูจากที่หลายวันมานี้เพื่อที่จะชี้ปัญหาของผงขาวเฟยเยว่ออกมา คุณวิ่งไปทุกแห่งเพื่อบอกกล่าวสถานการณ์ คุณไม่มีอะไรที่จะต้องละอายใจสำหรับคำว่าหมอ ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน ความดีมีเมตตาของคุณนั้นมีเกินกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวของมนุษย์ ในระหว่างทางฉันได้คิดอย่างละเอียดลึกซึ้ง”
กล่าวไป คุณนายไฮโซก็ก้มหน้าลง หมอบคลานอยู่กับพื้น ไม่ยอมที่จะลุกขึ้นมา แสดงออกถึงความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดจิตสุดใจ
“ลุกขึ้นมาก่อนเถอะ ผมไม่โทษพวกคุณ พวกคุณเป็นเพียงคนธรรมดา การประเมินค่าของยาสำหรับพวกคุณก็คือดูตามข่าวและโฆษณา ไม่มีความสามารถที่จะแยกแยะได้ ผมเข้าใจดี”
ฉินหลั่งพยุงทั้งสองคนลุกขึ้นมาจากพื้นเบา ๆ จากนั้นก็รีบฝังเข็มให้เด็กน้อยทันที การฝังเข็มในครั้งนี้ของเขา ไม่ได้ใช้เข็มเงินตามปกติทั่วไป แต่เป็นการใช้ชี่แท้ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันง่าย ๆ ทั่วไปชี่แท้กลายเป็นลำแสงเล็ก ๆ รูปร่างคล้ายกับปลายเข็ม ทิ่มลงสู่ร่างของเด็กน้อยแบบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การฝังเข็มโดยการใช้ชี่แท้ เกรงว่าการสร้างสรรค์นี้จะมีเพียงฉินหลั่งเท่านั้นที่ทำได้ ซึ่งมีประสิทธิภาพกว่าการฝังเข็มโดยใช้เข็มเงินแบบที่ไม่อาจจะนำมาเปรียบเทียบกันได้ เพราะว่าตัวชี่แท้เองเดิมทีก็เป็นแก่นแท้ที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ในร่างกายมนุษย์ ได้มาจากการดูดซึมแสงสว่างไหวของพระอาทิตย์และดวงจันทร์ เดิมทีก็เป็นยาบำรุงอายุวัฒนะชนิดหนึ่ง
ความคลั่งของเด็กน้อยถูกควบคุมลงในทันใด หลังจากนั้นทั่วร่างกายก็ไม่ขยับอีก ไม่นานฉินหลั่งก็หยิบยาขี้ผึ้งออกมา และดึงเอาฝาอุดออก ทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ซึมซาบเข้าไปในหัวใจ ทำให้คนรู้สึกเต็มไปด้วยความสดชื่น เย็นสบายอย่างสุดขีด
ยาขี้ผึ้งนั้นมีสีดำ ที่ไม่ใช่สีดำสนิท ดูแล้วเป็นสีดำที่ดูงดงามไม่ซับซ้อน ส่วนผสมละเอียดประณีต เนื้อยาขี้ผึ้งอ่อนนุ่ม ท่าทางเหมือนจะติดทนดีมาก
พอเห็นดังนั้นพวกหลู่เหม่ยเฉินตกตะลึงตาค้าง นี่มันอะไรกัน แต่ที่แน่ ๆ มันทำให้รู้สึกสบายมาก สบายไปทั่วทั้งกายใจ
ฉินหลั่งใช้ยาขี้ผึ้งทาไปที่แขนของเด็กน้อย จากนั้นก็ทาที่อื่น ๆ ด้วยสองสามครั้งบาดแผลที่บริเวณแขนเป็นหนักที่สุด แต่หลังจากที่ทายาขี้ผึ้งสีดำนั้นแล้ว แขนที่เดิมทีไหลเต็มไปด้วยน้ำหนองมองเห็นเลือดเนื้อเพียงเลือนรางนั่น เลือดและน้ำหนองก็หยุดไหลอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาที่ทุกคนสามารถมองเห็นด้วยสายตา ทั้งยังรู้สึกได้ว่าสายตาของเด็กน้อยอ่อนโยนขึ้น สบายขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าที่เดิมทีบิดเบี้ยวเพราะความทุกข์ทรมานตอนนี้กลับมามีราศีเหมือนเดิม ดวงตาทั้งสองข้างค่อย ๆ เปล่งประกายขึ้นมา
ผู้คนตะลึงจนถึงขีดสุด จ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าจนลูกตาแทบถลนออกมา อย่างไม่อยากจะเชื่อ
ตกสะเก็ด จากนั้นแผลก็ตกสะเก็ด ราวกับว่าสามารถสัมผัสได้ถึงขั้นตอนของการตกสะเก็ด ที่ทั้งรวดเร็วและสมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะสีหน้าท่าทางของเด็กน้อยที่เปลี่ยนไป ความสุขหลังจากที่ความทรมานและความเจ็บปวดหายไปนั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกตะลึง และตัวสั่นเทิ้ม
เมื่อฉินหลั่งเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เขาก็ถอนลำแสงเข็มเงินออกไป หลังจากนั้นเด็กน้อยก็ไม่ได้กระเสือกกระสน แกะเกาอีก ริมฝีปากของเด็กน้อยโค้งขึ้นปรากฏให้เห็นรอยยิ้มของทารกที่ไร้เดียงสา กำลังยิ้มให้ฉินหลั่ง ในสายตาเต็มไปด้วยความพึ่งพิงและสนิทสนม
แม้แต่เด็กน้อยก็ยังเข้าใจ ว่าการปรากฏตัวของฉินหลั่งได้ช่วยเขาเอาไว้ ฉินหลั่งแกะผ้าพันแผลและสิ่งอื่น ๆ ที่พันตัวเด็กน้อยไว้ออก ไม่มีการต่อใด ๆ จากเด็กน้อย เขาอารมณ์อ่อนโยน และสงบนิ่งอย่างที่สุด
เขาขยับเข้าใกล้อ้อมกอดของคุณนายไฮโซ : “แม่ครับ ผมหิวจังเลย”
“หิว?” คุณนายไฮโซดีใจอย่าคาดไม่ถึง: “ลูกแม่ ในที่สุดหนูก็รู้จักหิวแล้ว ดีจริง ๆ! ในที่สุดหนูก็รู้จักหิวแล้ว!”
มนุษย์เราในขณะที่เจ็บปวดทุกข์ทรมานจะไปนึกถึงว่าต้องทานอะไรได้ยังไง และเด็กคนนี้แม้แต่อาหารที่เป็นของเหลวก็ยังไม่ทาน นี่หมายความว่า ประสิทธิภาพของอวัยวะในร่างกายของเด็กน้อยกำลังกลับเป็นปกติ ในเวลานี้ชายวัยกลางคนอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา เขาและคุณนายไฮโซโอบกอดกันร้องห่มร้องไห้
คนที่เคยผ่านเคราะห์ครั้งใหญ่มาถึงจะรู้ว่าชีวิตที่กลับมาสงบและปลอดภัยแข็งแรงนั้นมีคุณค่ามากเพียงใด
“อาการของเด็กหลัก ๆ ได้ฟื้นฟูแล้ว เพียงแต่บาดแผลบนร่างกายเยอะเกินไป จะต้องใช้ยาขี้ผึ้งนี่ทาเยอะ ๆ อีกสักสองสามครั้ง”
ฉินหลั่งพูดไปพลางยื่นยาขี้ผึ้งให้กับแม่ของเด็ก กล่าว: “ภายในอาทิตย์นี้จะต้องพยายามทานอาหารรสจืด ไม่ทานรสหวานขมเค็มเผ็ดก็พอแล้ว เข้าใจหรือยัง?”
“ขอบคุณหมอเทวดาฉิน ขอบคุณหมอเทวดาฉิน” สองสามีภรรยากล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขารู้ถึงความสูงค่าของยาขี้ผึ้งนี่ ทั้งยังได้เห็นขั้นตอนการลงมือช่วยเหลือของฉินหลั่งกับตาตัวเอง รับรองได้ว่าเป็นที่หนึ่งในที่หนึ่งของหมอเทวดาอย่างแน่นอน ทั้งสองเลื่อมใสจนแทบกลายเป็นฝุ่นละอองที่ล่องลอย ดีใจอย่างสุดซึ้งที่โชคชะตาของตัวเองไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป
“คำสั่งของหมอเทวดาฉิน พวกเราจะทำตามอย่างแน่นอน” สองสามีภรรยาน้ำตาคลอ ที่สามารถผ่านพ้นเคราะห์กรรมครั้งนี้มาได้
หลู่เหม่ยเฉินที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก เธอกล่าวด้วยความตะลึงงัน: “ยาขี้ผึ้งนี่ของคุณ มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว คุณได้มันมาจากไหนเหรอ?”