รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 548 ความช่วยเหลือจากฉินหลั่ง
บทที่ 548 ความช่วยเหลือจากฉินหลั่ง
ชายหนุ่มที่เหลือเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีก็รีบวิงหนีอย่างน่าเวทนา
ฉินหลั่งจึงรีบเข้าไปหาหญิงสาวที่ถูกลวนลามก่อนเอ่ยถาม “ลุกขึ้นเดินได้ไหม?”
หญิงสาวสวยไม่ตอบ ทว่าร่างกายกลับอ่อนปวกเปียกพิงขาของฉินหลั่งพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดสะอื้น
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ ฮือ……”
อาจเป็นเพราะความตกใจ ร่างกายของหญิงสาวจึงสั่นสะท้านอยู่บนตัวของฉินหลั่งจนได้กลิ่นหอมจากตัวเธอ
ฉินหลั่งใจกระตุกครั้งหนึ่งทว่าก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาเห็นผู้หญิงสวยๆมามากมายจึงไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับหญิงสาวคนนี้
“เอาล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ผมไล่พวกมันไปหมดแล้ว” เอ่ยพลางมองท่าทางน่าสงสารของอีกฝ่าย ก่อนจะหยิบกระเป๋าและมือถือของเธอคืนให้กับเธอ
“แจ้งตำรวจหรือว่าโทรหาคนที่บ้านเถอะ”
หญิงสาวมองหน้าฉินหลั่งพลางพยักหน้า ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรออก จากนั้นก็หันกลับมาเอ่ยกับฉินหลั่ง
“ฉันชื่อโม่เป้ยเป้ย ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้ หากคุณไม่โผล่มาคืนนี้ฉันคงจะต้องตายทั้งเป็น”
“ไม่ทราบว่าคุณสะดวกบอกชื่อฉันไหมคะ วันหลังฉันจะต้องหาโอกาสขอบคุณอย่างเป็นทางการ”
อารมณ์ของเธอค่อยๆสงบลง สีหน้าก็ดูดีขึ้น
“สะดวกสิครับ ผมชื่อฉินหลั่ง”
ฉินหลั่งเอ่ยอย่างใจดี “ส่วนขอบคุณไม่ต้องก็ได้ครับ เรื่องแค่นี้สบายมาก”
“แต่ว่าวันหน้าถ้าดึกขนาดนี้แล้ว คุณเป็นผู้หญิงอย่าออกมาคนเดียวจะดีกว่าและก็ไม่ควรดื่มเหล้าเยอะขนาดนี้”
เขาเอ่ยเตือน “เพราะเกรงว่าจะเจอพวกคนชั่วอีก”
โม่เป้ยเป้ยเงยหน้าขึ้นมองพลางพยักหน้ารับ
“ฉันมาเที่ยวพักผ่อนที่เย็นจีนกับเพื่อนสนิท พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว คืนนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเลยออกมาดื่ม”
“ลืมตัวเลยดื่มเยอะไปหน่อย แล้วก็มาเจอคนชั่วพวกนี้”
น้ำเสียงของเธอแฝงไว้ซึ่งความแน่วแน่ “แต่ว่าคุณวางใจได้ วันหลังฉันจะไม่เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้อีกแล้ว”
“อารมณ์ไม่ดีนี่เอง มิน่าล่ะ……”
ฉินหลั่งแสดงถึงความเข้าใจ “แต่ว่าออกมาข้างนอกก็ควรเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเอง”
“คุณเป็นคนดีจัง หากเขาเอาใจใส่ได้สักครึ่งหนึ่งของคุณ……”
โม่เป้ยเป้ยมองฉินหลั่งอย่างซาบซึ้ง จากนั้นก็หยุดบทสนทนาด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ฉินหลั่งหรี่ตาลงเล็กน้อย เห็นทีว่าหญิงสาวคนนี้คงจะอกหัก
“ฮือ—-”
ขณะที่ฉินหลั่งกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างก็มีเสียงดังกระหึ่มของรถดังขึ้นจากด้านนอกตรอกซอย
ตามด้วยเสียงแผดร้องของมือถือของโม่เป้ยเป้ย
โม่เป้ยเป้ยรับสายครู่หนึ่งก่อนจะหันมาเอ่ยกับฉินหลั่ง “เพื่อนสนิทของฉันมารับฉันแล้ว ฉันไปก่อนนะคะฉินหลั่ง วันหน้าหากมีโอกาสฉันจะติดต่อไป”
เธอยังขอแลกเบอร์โทรกับฉินหลั่งอีกด้วย
ฉินหลั่งพาเธอมาส่งถึงปากซอย “ลาก่อน”
แทบจะในขณะเดียวกัน รถเมอร์ซิเดสเบนซ์สีม่วงคันหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายก็กระพริบไฟรถ
ตามมาด้วยหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งเดินลงมาจากรถ ในมือถือกุญแจรถพลางสอดส่องไปทั่ว
“ซินหย่า ฉันอยู่ทางนี้”
โม่เป้ยเป้ยโบกมือให้กับหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะหันมาถามฉินหลั่ง “ฉินหลั่ง คุณจะไปที่ไหน?ให้เพื่อนฉันไปส่งไหมคะ?”
ฉินหลั่งยิ้มตอบพลางโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก”
“เป้ยเป้ย หมอนี่คือใคร?”
เพื่อนรักของโม่เป้ยเป้ยวิ่งเข้ามาหา เธอสวมชุดแบรนด์เนมทั้งตัว มีเครื่องประดับระยิบระยับ แฟชั่นจัดเต็ม ทว่าแววตากลับปรากฏความหยิ่งผยองและไม่เห็นอะไรอยู่ในสายตา
เธอมองคนที่ไม่มีความโดดเด่นอย่างฉินหลั่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวงและรังเกียจ
คนประเภทนี้แค่ดูก็รู้ว่าจน โม่เป้ยเป้ยไปอยู่กับเขาได้ยังไง?
“ซินหย่า เขาคือฉินหลั่ง เขาเป็นคนที่ช่วยฉันไล่ไอ้พวกนักเลง”
โม่เป้ยเป้ยหันไปอธิบายกับเพื่อนรัก “หากไม่ใช่เพราะเขา เกรงว่าคืนนี้คงเกิดเรื่องใหญ่กับฉันแน่”
ในสายเธอบอกเพียงว่ามีนักเลงตามรังควาน ไม่ได้บอกว่าโดนจับตัวเพราะเกรงว่าวันหลังคนที่บ้านจะไม่ให้เธอไปไหนมาไหนคนเดียวอีก
เธอจึงหันไปแนะนำกับฉินหลั่งอีกประโยค “คนนี้คือซินหย่าเพื่อนรักของฉันเอง เธอมาเที่ยวพักผ่อนที่เย็นจีนเป็นเพื่อนฉัน”
“เขาหรือ? ที่ไล่พวกนักเลงไป?”
เหอซินหย่ามองสำรวจฉินหลั่งพลางยิ้มเย้ยหยัน “รูปร่างแบบนี้น่ะหรือสามารถไล่พวกนักเลงได้? กลัวว่าจะแสดงละครเพราะอยากเข้าใกล้เธอน่ะสิ”
ฉินหลั่งดูบอบบางมาก จะเอาอะไรไปสู้กับนักเลงห้าคนที่โม่เป้ยเป้ยเอ่ยถึง? มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นละครที่คนจนๆพยายามเข้าใกล้เทพธิดา
ทว่าชายคนที่อยู่ใต้แสงไฟนี้ ดูหล่อเหลาไร้ที่ติ
โม่เป้ยเป้ยรีบเอ่ยปากห้ามทันที “ซินหย่า อย่าพูดแบบนี้เลย……”
“เป้ยเป้ย แกไม่เข้าใจหรอกว่าโลกนี้มันโหดร้าย”
เหอซินหย่าเอ่ยเตือนฉินหลั่งด้วยความไม่ชอบใจ “นี่ ฉันขอเตือนนายนะ อยู่ให้ห่างจากเป้ยเป้ยของฉัน”
เพื่อนรักดั่งนางฟ้าของตนไปใกล้ชิดสนิทสนมกับฉินหลั่ง เหอซินหย่าจึงไม่ชอบใจเพราะรู้สึกเหมือนเพื่อนเธอถูกหลอก
อีกอย่างคนที่สวมเสื้อผ้าร้านริมทางไม่สามารถเข้ามาอยู่ในวงการไฮโซของพวกเธอได้
โม่เป้ยเป้ยตะโกนด้วยความไม่พอใจ “ซินหย่า ฉินหลั่งเป็นคนดีนะ”
ฉินหลั่งหันมาเอ่ยกับโม่เป้ยเป้ย “ลาก่อน”
โม่เป้ยเป้ยมองไปรอบๆแวบหนึ่งก่อนเอ่ย “ฉินหลั่ง แถวนี้ไม่มีป้ายรถประจำทางเลย รถไฟใต้ดินก็อยู่ไกล ให้ซินหย่าไปส่งเถอะ”
“เป้ยเป้ย ไปส่งไม่ได้หรอก นี่คือรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ ไม่เหมาะจะให้คนจนๆนั่งหรอก”
เหอซินหย่ารีบเอ่ยตัดบทโม่เป้ยเป้ย
“อีกอย่างเขาสวมเสื้อผ้าริมทางทั้งตัวเดี๋ยวทำรถสกปรกจะทำยังไง?”
“ให้เขากลับเองจะดีกว่า”
ถึงแม้จะเป็นรถที่เช่ามาสำหรับเที่ยว ทว่าเธอก็ยังคิดว่าฉินหลั่งไม่มีสิทธิ์นั่ง
“ลาก่อน”
ฉินหลั่งโบกมือให้โม่เป้ยเป้ย ก่อนจะหันหลังเดินไปยังฝั่งตรงข้ามของตรอกซอย เขาขี้เกียจจะเอาเรื่องเหอซินหย่า
“รู้ตัวก็ดี”
เหอซินหย่าหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก เธอส่งโม่เป้ยเป้ยขึ้นรถ ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง
ขณะนั้นเองสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที เธอเห็นฉินหลั่งหดตัวเข้าไปในรถ
ลัมโบกินี่!
สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงที่สุดก็คือ รถรุ่นนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ดราคาห้าสิบล้านขึ้นไป
ทายาทเศรษฐีชั้นสูงสุดหรือ?
เธอจึงอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่
ไอ้คนนี้เป็นใครกันแน่?
……
วันที่สอง บนรถไฟความเร็วสูงที่มุ่งหน้าสู้เมืองเจียง ฉินหลั่งนั่งฟังเพลงพลางเปิดดูมือถือไปด้วย
ฉินหลั่งไปตัวคนเดียวไม่ได้พาใครมาด้วยสักคน
“ฉันจะบอกอะไรให้นะหลังหมิงฉวน ฉันโม่เป้ยเป้ยไม่มีทางให้อภัยนายเด็ดขาด”
ขณะที่ฉินหลั่งกำลังจะปิดเปลือกตาเพื่อพักผ่อน ฉับพลันที่นั่งเยื้องๆของฝั่งตรงข้ามก็มีคนมานั่ง แถมยังมาพร้อมกับเสียงที่แฝงความโกรธไว้อย่างเต็มเปี่ยม “ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ นายพลาดคนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของนายไปแล้ว”
“สักวันนายจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปกับฉันทั้งหมด……”
“ไอ้คนสารเลว นายจะต้องเสียใจ”
สายตาหลายคู่บนรถจับจ้องไปยังเธอ
พนักงานบริการของรถไฟเข้าไปใกล้เพื่อจะเอ่ยห้าม ทว่าเห็นว่าอีกฝ่ายโมโหหนักมาก แถมยังด่าไอ้สารเลว เธอจึงยังไม่ได้เคลื่อนไหว
โม่เป้ยเป้ย?
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ฉินหลั่งก็ลืมตาขึ้นก่อนจะหันไปดู เขาชะงักไป เป็นผู้หญิงคนที่ตนช่วยไว้เมื่อคืนจริงๆด้วย
โม่เป้ยเป้ยสวมรองเท้าบูทยาว เข้าชุดกับกาวเกงสกินนี่สีดำ หลังจากถอนเสื้อคลุมออกก็เห็นว่าด้านในสวมเสื้อไหมพรมสีครีม ดูแล้วให้ความรู้สึกเซ็กซี่
ถึงแม้จะสวมแว่นกันแดดจนทำให้คนภายนอกยากที่จะคาดเดาหน้าตาได้ ทว่ารูปร่างที่เซ็กซี่นั้นก็เพียงพอที่จะดึงดูดสายตาใครต่อใครได้แล้ว
โม่เป้ยเป้ยเองก็เห็นฉินหลั่ง แก้มแดงระเรื่อนั้นก็ชะงักไป จากนั้นก็มีความสุขพาดผ่านแววตาของเธอแวบหนึ่ง
“ฉินหลั่ง ช่วยหน่อยสิ”
โม่เป้ยเป้ยเดนเข้ามาหยุดอยู่หน้าฉินหลั่งพร้อมรอยยิ้ม ริมฝีปากสีสดประทับลงบนแก้มของฉินหลั่งครั้งหนึ่ง
จากนั้นโม่เป้ยเป้ยก็ทิ้งตัวหอมๆนั่นลงในอ้อมกอดของฉินหลั่งโดยไม่ถามไถ่สักคำ จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพโคลสอัพ
ส่วนฉินหลั่งขมวดคิ้วมุ่น “นี่ถือว่าเป็นการอนาจารหรือเปล่า?”