รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 54 เขาเป็นคนโกหก
บทที่ 54 เขาเป็นคนโกหก
หลังจากเห็นเส้เหวินจี้ง ฉินหลั่งหมดคำพูดแล้ว ทำไมที่ไหนก็มีแต่เธอ? ในตอนที่ฉินหลั่งและจงยู่อยากจะย้ายไปที่นั่งอื่น ก็เห็นว่าที่นั่งเต็มหมดแล้ว ไม่มีทางอื่นแล้ว ได้แต่นั่งที่นี่แล้ว
จงยู่จับแขนของฉินหลั่งเบาๆ ในใจลึกของเธอก็ยังรู้สึกกลัวเส้เหวินจี้งเล็กน้อย ฉินหลั่งปลอบใจจงยู่เบาๆ
เห็นทั้งสองสนิทสนมกันขนาดนี้ ในใจของเส้เหวินจี้งรู้สึกไม่สบายใจแล้ว จิตใต้สำนึกของเธอคิดว่า ถึงแม้ว่าเธอจะทิ้งฉินหลั่งไปแล้ว แต่ว่าในใจของฉินหลั่งต้องนำเธอใส่ไว้เป็นที่หนึ่ง ห้ามดีกับผู้อื่นต่อหน้าเธอ
“พวกเธอสองคนลักลอบเข้ามายังไง ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่พวกเธอสามารถมาได้หรอ?” เส้เหวินจี้งพูดออกมาด้วยความบีบบังคับ
“ยัยนี่สามารถขโมยเงินสองล้านของอาจารย์ซูไปได้ หาวิธีเข้ามาในนี้ ก็เป็นเรื่องง่ายๆอยู่ดี” จูจี้เหวินที่อยู่ข้างๆพูดด้วยความประชุด
ฉินหลั่งไม่อยากสนใจผีบ้าสองคนนี้ แม้แต่มองก็ไม่มองพวกเขา แค่พูดเสียงเบาๆกับจงยู่
“ออ สองคนนี้แอบวิ่งเข้ามาแน่นอน ฉันว่าละ ฉันจะไปบอกกับเจ้าของงานตอนนี้ ให้พวกเขาไล่สองตัวนี้ออกไป!” พูดจบ เส้เหวินจี้งก็จะยืนขึ้น แต่ว่าถูกจูจี้เหวินเรียกไว้ พวกเขาก็พึ่งความสัมพันธ์ใช้เส้นสายจึงจะเข้ามาได้ ถ้าหากว่าแม้แต่ตัวเองก็ถูกเปิดเผยงั้นก็ไม่ดีแล้ว
เพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นได้ยินเส้เหวินจี้งต่อต้านฉินหลั่งและจงยู่ไม่หยุด ก็ถามพวกเขาด้วยความสงสัยว่ามีความเกลียดแค้นอะไรกันแน่
“คุณช่างขำขันเกินไปแล้ว กับคนประเภทนี้ฉันจะไปมีความเกี่ยวข้องอะไรด้วย ไม่ว่ายังไงแล้วสุนัขกัดเรามาหนึ่งที เราก็ไม่ควรกัดกลับไปใช่ไหมคะ?” เส้เหวินจี้งอธิบายกับคนอื่นๆ ด้วยความได้ใจ “ฉันก็แค่แค่ไม่ชอบการกระทำของพวกเขา พวกเขาร่วมมือกันขโมยเงินของมหาลัยไปสองล้าน นั่นเป็นถึงเงินสำหรับสร้างสถานที่ฝึกงานของนักศึกษาเลยนะ พวกคุณว่าหัวใจของสองคนนี้คงจะดำสนิทเลยใช่ไหม?”
คนอื่นๆ ฟังแล้ว ต่างก็วิจารณ์ฉินหลั่งและจงยู่ไปทั่ว
“เส้เหวินจี้ง ข้าวสามารถกินไปทั่วได้ แต่ว่าคำพูดไม่สามารถพูดมั่วได้นะ” ฉินหลั่งไม่พอใจแล้ว ถ้าหากให้เส้เหวินจี้งพูดไปมั่วอีก ข้าวมื้อนี้จะทานยังไง
“อัยยา นายขโมยเงินมหาลัยไปสองล้าน ยังไม่ให้ฉันพูดแล้วใช่ไหม ทำไมนายถึงเก่งขนาดนี้ล่ะ? แน่จริงนายอย่าขโมยสิ” เส้เหวินจี้งเห็นว่าในที่สุดฉินหลั่งก็โมโหแล้ว เธอรู้สึกว่าสะใจมาก “ฉันยังจะพูดอีกนะ นายไอ่คนหน้าด้าน ขโมยเงินมหาลัยไปสองล้าน ให้ยัยสลิดนี่ใช้เงิน นายฉินหลั่งก็คือคนหน้าด้านขนาดนี้แหละ หน้าไม่อาย ฉันว่านายแล้ว ทำไมหรอไอ้ลามก แน่จริงนายก็ตีฉันสิ?”
เส้เหวินจี้งหันหน้าข้างให้ฉินหลั่งด้วยความโอหัง เธอแน่ใจแล้ว ฉินหลั่งไม่มีทางตีเธอแน่นอน!
“เธอ….” ฉินหลั่งกำลังอยากจะตบไปยังหน้าเธอแรงๆ หนึ่งที ถูกจงยู่ดึงไว้ “ช่างเถอะ ไม่ไปสนใจเธอก็ได้แล้ว!”
ฉินหลั่งพยักหน้า กดทับไฟความโมโหที่อยู่ในหัวใจของตัวเอง
“ไม่กล้าแล้วหรอ กระจอกจริงๆ!” เส้เหวินจี้งเก็บหน้ากลับมาด้วยความได้ใจ “ถ้าฉันเป็นพวกเธอนะ ก็จะคิดว่าจะคืนสองล้านนี้ยังไง ติดหนี้ไปทั้งตัว ยังจะกล้ามาหลอกลวงโกหกที่นี่อีก ชายหญิงหน้าด้านคู่นี้ไม่มียาที่จะช่วยได้แล้วจริงๆ”
เส้เหวินจี้งหันดวงตาด้วยความหวังร้าย แล้วใช้แขนชนไปยังหน้าอกของฉินหลั่งแรงๆ หัวใจคือส่วนที่สำคัญที่สุดในร่างกายเลย ชนได้ยังไง?
ทันใดนั้นฉินหลั่งก็โมโหแล้ว ตบไปเลยหนึ่งที ทำเอาเส้เหวินจี้งล้มลงพื้น จูจี้เหวินรีบพยุงเส้เหวินจี้งขึ้นมา จงยู่กอดฉินหลั่งไว้ เพื่อไม่ให้เขาทำอะไรเส้เหวินจี้งต่อ
ในตอนที่เส้เหวินจี้งตะโกนจะตีกับฉินหลั่ง ภายในงานก็มีเสียงของกูเจี้ยนหมิงดังขึ้น “ขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติฉัน ฉันแจ้งให้ทุกคนทราบได้เร่งรีบขนาดนี้ ทุกคนก็ยังมาร่วมงาน……”
พอกูเจี้ยนหมิงพูด เส้เหวินจี้งก็ได้แต่อดทน ถ้ายังทะเลาะอีกก็แสดงว่าไม่เคารพกูเจี้ยนหมิง
กูเจี้ยนหมิงพูดเกรงใจไปไม่กี่ประโยค คนที่นั่งอยู่ต่างก็พูดว่าไม่เป็นไร ตำแหน่งที่กูเจี้ยนหมิงอยู่ในเขตตงฮัวพวกเขารู้ดี สามารถมาที่นี่ได้คือวาสนาของพวกเขา
“คุณกู วันนี้ไม่ใช่จัดงานเลี้ยงเพื่อนายหนุ่มรวยท่านหนึ่งโดยเฉพาะหรอครับ? ทุกคนต่างก็อยากเจอนายหนุ่มรวยท่านนั้นแล้ว ใช่ไหม?” มีเจ้านายคนหนึ่งได้ยินกูเจี้ยนหมิงพูดจบแล้ว ราวกับว่าไม่ได้มีความหมายที่จะพูดถึงนายหนุ่มรวยท่านนั้น จึงตั้งใจถาม นายหนุ่มรวยที่กูเจี้ยนหมิงให้ความสำคัญขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาไม่อยากเจอ?
“ใช่แล้ว”
“แนะนำนายหนุ่มรวยเถอะ”
“พวกเราต่างก็อยากเจอนายหนุ่มรวย”
……
กูเจี้ยนหมิงที่อยู่บนเวทีส่งสายตามาทางฉินหลั่ง แววตาอ่อนโยน มีความหมายอยากจะไถ่ถาม
ฉินหลั่งแค่ส่งสายตากลับไปให้เขาอย่างเงียบสงบ
“ความรู้สึกที่ทุกคนอยากเจอนายหนุ่มรวย ฉันจะบอกกับเขาเอง นายหนุ่มรวยมีการงานมากมายไม่ว่าง เมื่อกี้เขามางานเลี้ยงแล้วสักครู่ เห็นคนมากมายขนาดนี้พอใจมาก ตอนนี้กลับไปแล้ว……” กูเจี้ยนหมิงพูดพร้อมรอยยิ้ม
พอฟังกูเจี้ยนหมิงพูดจบแล้ว ข้างล่างเวทีเต็มไปด้วยเสียงที่เสียใจ
“ไอ้ลามก” เส้เหวินจี้งถูกจูจี้เหวินแยกออกมาแล้ว เธอด่าฉินหลั่งไปประโยคหนึ่ง ในใจเธอรู้สึกแย่มาก อาจจะไม่ใช่เพราะฉินหลั่ง เป็นไปได้สูงที่เธอจะได้พบกับนายหนุ่มรวยปริศนา ฉินหลั่งก็คือไอ่เฮงซวย เจอเขาแล้วไม่เคยมีเรื่องดีเลย
“พอแล้ว เพื่อที่จะชดเชยความเสียใจของทุกคน เรามาเข้าเล่นเกมเกมหนึ่งกัน เพื่อนๆที่อยู่ในงานล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะถูกรางวัล”
พูดจบ กูเจี้ยนหมิงก็อธิบายไปยังทุกๆคน
คนที่อยู่ในงาน ทุกคนต่างก็มีเลขที่นั่งเลขหนึ่ง เดี๋ยวบนหน้าจอจะมีการรันหมายเลข เป็นหมายเลขที่นั่งของใคร ใครคนนั้นก็ถูกรางวัล
ตามสถานะของกูเจี้ยนหมิงแล้ว แน่นอนว่ารางวัลต้องราคาไม่เบา ที่ต่ำที่สุดคือไอโฟนxs ต่อมาคือกำไลหยกราคา 18888 บาท แต่ว่ารางวัลของรางวัลพิเศษนั้นไม่ได้เลย คือสร้อยคอคริสทัลเพชรในราคา แปดแสนแปดหมื่นบาท
กูเจี้ยนหมิงได้ให้นางแบบโชว์สร้อยคอไปรอบหนึ่ง ดูสว่างไสวเปล่งประกายและใสมาก สว่างไสวไปด้วยแสง สวยงามมาก ทุกคนที่อยู่ในงาน โดยเฉพาะดวงตาผู้หญิงนั้นต่างก็เปล่งประกายไปหมด
ถึงแม้จะรู้ว่าเปอร์เซ็นต์ที่ตัวเองจะถูกรางวัลนั้นน้อย แต่ว่าในใจของเส้เหวินจี้งก็ยังมีความหวังอยู่ว่าตัวเองสามารถได้สร้อยคอคริสทัลเพชรนี้มา
15 นาทีต่อมา นอกจากสร้อยคอคริสทัลเพชรแล้ว รางวัลอื่นๆ ต่างก็ถูกมอบออกไปแล้ว
มีคนใน 1/3 ในงานได้รับรางวัล เส้เหวินจี้งก็ถูกรางวัลกำไลหยก ในใจเธอรู้สึกเสียดายมาก ถึงแม้ว่ากำไลนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่ว่าเทียบกับสร้อยคอคริสทัลแล้ว ก็ดูไม่มีค่าไปเลย
แต่ว่าเธอมองไปทางฉินหลั่งและจงยู่ แม้กระทั่งไอโฟนที่ราคาต่ำที่สุดก็ไม่ได้ ในใจก็สบายใจขึ้นเยอะเลย ขยับกำไลหยกที่อยู่ในมือไปมา แล้วพูดอย่าง “ไม่ได้ตั้งใจ” ว่า “กำไลนี้สวยจริงๆเลย คนบางคนอิจฉาในใจแล้ว ก็แค่โชคขี้หมาแค่นี้ ยังอยากจะถูกรางวัล เฮอะ ช่างเป็นเรื่องที่ตลกจริงๆ”
จงยู่มองฉินหลั่ง จากนั้นฉินหลั่งก็ยิ้มอ่อนแล้วพูดด้วยความปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร กำไลนั้นคือให้คุณป้าใส่”
“นาย…..” ประโยคหนึ่งของฉินหลั่งทำเอาเส้เหวินจี้งกระอักไปเลย เธอมองดูกำไลของตัวเอง รู้สึกว่าเหมือนป้าจริงๆด้วย จึงถอดกำลังลง
ขณะนี้ ขณะนี้ได้เริ่มจับรางวัลใหญ่สุดท้ายแล้ว หมายเลขบนหน้าจอกำลังรันด้วยความรวดเร็ว
“7” หมายเลขแรกออกมาแล้ว คือโต๊ะหมายเลข7 คือโต๊ะของฉินหลั่งพอดี
แขกทั้งหมดในโต๊ะนี้ ต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา โดยเฉพาะเส้เหวินจี้ง หากเธอสามารถได้สร้อยคอคริสทัลเพชรเส้นนี้ เธอสามารถดีใจได้สามวันสามคืนเลย นี่ราคาถึงแปดแสนแปดหในเลยนะ บัญชีธนาคารของเส้เหวินจี้งยังไม่รู้เลยว่ามีเยอะขนาดนี้หรือเปล่า
อีกอย่างหากเป็นอย่างนั้นเธอก็ถูกรางวัลไปแล้วสองรางวัล ในตอนที่บนเวทีและในตอนที่เธอพูด เหมือนกำลังส่งซิกให้เจ้านายที่นั่งอยู่ทุกคนว่า เธอคือผู้หญิงที่โชคดีมาก มีโอกาสที่จะได้รับเงินก้อนใหญ่นี้
ในตอนที่เส้เหวินจิ้งกำลังจินตนาการอยู่นั้น หมายเลขตัวที่สองออกมาแล้ว
“1” ในเวลาเดียวกันหมายเลขที่สามก็เริ่มรัน
ทุกโต๊ะจะมี12คน หมายเลขที่สองคือ “1” แสดงว่า คนที่จะถูกรางวัลจะอยู่ระหว่าง “10” “11” “12” สามคนนี้
ฉินหลั่งคือ “10”
จูจี้เหวินคือ “11”
เส้เหวินจี้งคือ “12”
ในใจของเส้เหวินจี้งยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่แล้ว เธอรู้สึกว่าสร้อยคอที่เปล่งประไกลสว่างไสวเส้นนั้นกำลังโบกมือเรียกเธอ ขณะนี้ แววตาของทุกคนต่างก็รวมกันอยู่บนตัวของพวกเขาสามคน
“คือฉัน คือฉัน คือฉัน…..” เส้เหวินจี้งพูดคำนี้อยู่ในใจตลอดเวลา ราวกับว่าจะใช้ความคิดไปควบคุมหมายเลข
ภายนอกของเธอแสดงออกถึงสีหน้าที่สบายๆ ทุกคนต่างก็มองแต่เธอ
หมายเลขค่อยๆรันช้าลงแล้ว มือของเส้เหวินจี้งประสานเข้าหากันแล้ว
ยิ่งอยู่ยิ่งช้าลง
“2” ! คือเส้เหวินจี้ง
เส้เหวินจี้งยืนขึ้นด้วยความดีใจ จูจี้เหวินก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ทั้งสองโอบกอดอยู่ด้วยกัน หลังจากที่โอบกอดกันแล้ว เส้เหวินจี้งพูดบางอย่างกับแขก
ขณะนี้ สายตาของเธอถูกหน้าจอดึงดูดไปโดยไม่รู้ตัว หมายเลขนั้นเหมือนยังไม่ได้จบลง ยังค่อยๆรันอยู่
“ปอ” ดังขึ้น “2” หายไปแล้ว “0” ปรากฏออกมา
หัวใจของเส้เหวินจี้งเจ็บจี๊ดไปหนึ่งที เป็นตัวเองแท้ๆ ทำไมถึงเปลี่ยนไป
“รันอีกครั้ง รันอีกครั้ง….” ในใจของเส้เหวินจี้งได้พูดเงียบๆ อีกครั้ง กระโดดไปที่ “1” ก็คือจูจี้เหวินที่ถูกรางวัลแล้ว เขาได้สร้อยคอคริสทัลเพชรแล้ว ก็ต้องมอบให้เธออยู่ดี
และแล้ว หมายเลขบนหน้าจอไม่ได้รันอีกแล้ว แสดงเลข “710” ออกมาอย่างชัดเจน คือหมายเลขนั่งของฉินหลั่งพอดี
หัวใจของเส้เหวินจี้งรู้สึกผิดหวังไปหมด กลับเป็นฉินหลั่งถูกรางวัล เธอค่อยๆ มองไปทางฉินหลั่ง ความโกรธในแววตาเข้มข้นมาก อยากจะยิงธนูให้เขาตายเลยด้วยซ้ำ
จูจี้เหวินดึงเส้เหวินจี้งให้นั่งลง น่าอายเกินไปแล้ว
ขณะนี้ ฉินหลั่งกลายเป็นจุดโฟกัสของทั้งงาน
“ห๊ะ คุณผู้ชายคนนี้โชคดีมากจริงๆ ขอเชิญคุณขึ้นมารับรางวัลบนเวทีด้วยครับ” กูเจี้ยนหมิงยิ้มอย่างดีใจ แล้วพูดกับฉินหลั่ง
ทุกคนต่างก็ส่งสายตาที่อิจฉาไปทางฉินหลั่ง
ฉินหลั่งก็เดาออกแล้ว นี่ต้องเป็นสิ่งที่กูเจี้ยนหมิงตั้งใจทำแน่ๆ ขณะนี้ก็ทำได้แต่ฝืนยิ้ม ในเมื่อตัวเองถูกรางวัลแล้ว งั้นก็อย่างนี้ละกัน ไม่มีของมอบให้จงยู่พอดี สร้อยคอคริสทัลเพชรเส้นนี้ก็ไม่เลว
“ไป เราขึ้นเวทีกัน” ฉินหลั่งจูงมือของจงยู่ เดินไปทางเวลา คนอื่นๆ ต่างก็ปรบมือ
ในแววตาของเส้เหวินจี้งเต็มไปด้วยความเย็นชา คนที่เดินไปทางเวทีควรจะเป็นตัวเอง ยัยสุนัขคู่นี้ไม่รู้ว่าใช้มนต์อะไร เปลี่ยนหมายเลข พวกเขาขโมยสร้อยคอคริสทัลเพชรของตัวเองไป
“สวัสดีครับ ยินดีด้วยนะครับ โชคดีมากจริงๆ” กูเจี้ยนหมิงจับมือของฉินหลั่ง รอยยิ้มเบิกบานแจ่มแจ้งมาก ถ้าหากมองดีๆ แล้วก็ในแววตาของเขายังมีความรู้สึกเหมือนกำลังประจบประแจงอยู่
พอพูดจบ กูเจี้ยนหมิงก็กำลังเตรียมตัวจะมอบสร้อยคอคริสทัลเพชรให้ฉินหลั่ง
“ประธานกู คุณยังไม่ได้แนะนำสุดหล่อนท่านนี้ให้กับพวกเราเลย” ข้างล่างเวทีมีผู้หญิงที่ร่าเริงคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดัง คนอื่นๆ ก็แห่กันตามเธอ
“เออ….” ครั้งนี้กูเจี้ยนหมิงมีความลำบากเล็กน้อยแล้ว คุณชายใหญ่บอกว่าจะต้องถ่อมตัว มองไปฉินหลั่งกำลังมองตัวเองอย่างสันทนาการ ราวกับว่ากำลังตรวจสอบไหวพริบของตัวเองอยู่ สมองของกูเจี้ยนหมิงขยับทันที แล้วพูดกับคนอื่นๆ ทางข้างล่างเวทีว่า “ท่านนี้คือคุณชายหลี่ชิงเฉิน ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ วันนี้โชคดีจริงๆ …”
โชคดีที่กูเจี้ยนหมิงชื่อที่คุณชายใหญ่พูดตอนอยู่หน้าประตูนั้นขึ้นมา เขามองดูสีหน้าของฉินหลั่งไม่แย่ ถึงได้รู้สึกวางใจลง
กูเจี้ยนหมิงกำลังจะมอบสร้อยคอคริสทัลให้ฉินหลั่ง
“หลี่ชิงเฉิน? นายนี่เสแสร้งเก่งจริงๆ” ขณะนี้ มีเสียงดูถูกเสียงหนึ่งดังขึ้น คนอื่นๆต่างก็มองตามไปกันทางที่เสียงผ่านมา คือเส้เหวินจี้ง เส้เหวินจี้งยืนขึ้นพร้อมยิ้มด้วยความเย็นชา แววตาที่แหลมคมจ้องไปทางฉินหลั่ง “ทุกคนไม่ต้องเชื่อเขา เขาไม่ใช่หลี่ชิงเฉิน เขาชื่อฉินหลั่ง ก็คือไอ้ลามกคนหนึ่งของมหาลัยจินหลิง อีกอย่างยังขโมยเงินของมหาลัยไปแล้วสองล้านด้วย…..”