รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 347 คนเชิดสิงโตบุกเข้ามา
บทที่ 347 คนเชิดสิงโตบุกเข้ามา
ด้านนอกงานเลี้ยงที่ไกลออกไป บรรยากาศเงียบสงัด จงจิ่วเจินหยุดเดินลง พูดขึ้น:
“คุณฉิน วันนี้มีบางอย่างอยากให้คุณดู”
ต่อมา จงจิ่วเจินก็กดลงไปตรงสวิตช์ของหินปลอมก้อนยักษ์ หินยักษ์ก้อนนั้นแยกออกเป็นสองชิ้น กลายเป็นปากถ้ำ
จงจิ่วเจินเดินนำทาง ฉินหลั่งเดินตาม ด้านล่างของปากถ้ำเป็นบันไดทอดยาว ขณะที่พวกเขากำลังเดินลงบันได ปากถ้ำก็ปิดลง แล้วไฟด้านในก็สว่างขึ้น
ที่แท้ในบ้านตระกูลจงก็มีที่ลับๆ เหมือนกัน ด้านในคดเคี้ยว ราวกับเป็นวังที่อยู่ใต้ดิน เขาถูกมาที่นี่ ฉินหลั่งก็รับรู้ได้ว่าจงจิ่วเจินไว้ใจเขาขนาดไหน
จงจิ่วเจินเปิดประตูออก ประตูระยิบระยับบานนั้น จงจิ่วเจินยิ้มแล้วพูดว่า:
“คุณฉิน ตระกูลผมสะสมมานาน จนมาถึงรุ่นผมก็ยังใช้ไม่หมด คนนอกประเมินบ้านตระกูลจงของเราต่ำไป ถึงแม้ว่าที่เห็นกันด้านบน เหมือนเราจะใช้สมบัติกันหมดแล้ว นั่นเป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น ของพวกนี้คุณอยากได้ชิ้นไหน เชิญหยิบไปได้เลย”
ฉินหลั่งรู้สึกแปลกใจมาก เขาไม่ได้สนใจเรื่องเงินทอง จึงตอบ “ท่านจง คิดดีแล้วหรือครับ ผมนับถือ ไม่รับอะไรทั้งนั้น ขอบคุณน้ำใจของท่านครับ”
จงจิ่วเจินตะลึง กล่าวตอบ “ไม่มีใครเห็นสมบัติพวกนี้แล้วจะไม่ใจเต้นได้ แต่คุณไม่แม้แต่จะมอง อย่างไรก็ตาม วันที่คุณแต่งงานกับยู่เอ๋อ ผมจะพาเขาออกไปเอง วันนี้ที่ผมมาที่นี่ ก็ไม่ใช่เรื่องสมบัติแต่อย่างไร ตามผมมาสิ”
จงจิ่วเจินกล่าวถึงตรงนี้ ก็ถอนหายใจยาว ลูกหลานของเขาแต่ละคนล้วนไม่มีความสามารถ เขาจึงยกให้ฉินหลั่งเป็นดั่งญาติสนิท วังใต้ดินนี้ นอกจากเขาและฉินหลั่งก็ไม่มีใครทราบที่แห่งนี้
ไปอีกหลายที่จนมาถึงห้องเล็กมากๆ ห้องหนึ่ง เมื่อเทียบกับห้องอื่นแล้ว ห้องนี้ดูธรรมดามาก มีกลิ่นดินอ่อนๆ จากห้องนั้น หลังจากที่เข้าไป อากาศด้านในชื้น เป็นห้องโล่งว่าง จงจิ่วเจินมีสีหน้าเคร่งขรึม จนคิ้วขมวดเข้าหากัน
ไม่รู้ว่ากดสวิตช์ปุ่มไหน กำแพงเปิดออกมาเป็นพระพุทธรูป จงจิ่วเจินยื่นมือเข้าไป ค่อยๆ หยิบของชิ้นสำคัญออกมา
ดวงตาของฉินหลั่งราวกับถูกสะกด ของชิ้นนั้นคือฟีนิกซ์สีขาวทรงกลม ตัวมันจะสะท้อนแสงภายใต้ไฟที่ส่องลงมา ผิวหยกไม่มีแม้แต่ร่องรอย มองดูก็รู้ว่าเป็นหยกชั้นเลิศ
ที่สำคัญคือหัวของฟีนิกซ์ ดวงตาของมันโผล่ออกมา หน้าตาดุดัน โบราณกล่าวไว้ว่ามังกรและฟีนิกซ์เป็นสิ่งมงคลแต่ฟีนิกซ์กลับดูดุดัน และ หลังจากที่ฉินหลั่งลองใช้สัมผัสที่หกสัมผัสนั้น เขารู้ได้ถึงการนองเลือด ความลับโบร่ำโบราณ
จงจิ่วเจินลูบมันเบาๆ กล่าว : “ฉินหลั่ง เคยได้ยินสำนักจันทรามาก่อนไหม? ”
“ไม่เคย อยากทราบครับ” ฉินหลั่งสงสัยมากเหมือนกัน เขารู้สึกถึงลางร้าย ของชิ้นนี้จะนำผลลัพธ์ที่ไม่ดีมาสู่
หลังจากได้ฟังความสัมพันธ์ระหว่างสำนักข้างจันทราและตระกูลจง ฉินหลั่งก็ฟังอย่างเงียบๆ เขาพบว่าเมื่อฟีนิกซ์นี้อยู่กับกำแพงหยก เขาจะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“ฉินหลั่ง ตอนนี้บ้านตระกูลจงและสำนักช้างจันทรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ดูภายนอกเหมือนเรายังฟังพวกเขาอยู่ แต่ผมไม่ได้มอบหยกก้อนนี้แก่พวกเขา สำนักช้างจันทรานั้นโหดเหี้ยม ถ้าไปอยู่ในมือพวกเขา ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เห้อ ที่ผมบอกกับคุณ ที่ผมและจงยู่อยู่ห่างกันเพียงเท่านี้แต่ไม่อาจยอมรับกันได้ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหยกนี้…”
จงจิ่วเจินครุ่นคิด เขาเงียบขรึม ราวกับกำลังไตร่ตรอง ตอนนั้นนั่นเอง เสียงกระดิ่งดังขึ้นทำให้เขาตื่นจากภวังค์ จงจิ่วเจินตกใจแรงมาก บนตัวของเขามีอุปกรณ์ที่เหมือนกับของตำรวจ หากไม่เกิดเหตุการณ์จวนตัวขึ้นจะไม่ดัง
“ไปเถอะ! ” จงจิ่วเจินหันตัว ในมือถือหยก เดินก้าวออกไปด้านนอก ฉินหลั่งเดินตาม
……
ด้านนอกเต็มไปด้วยอาหาร และเหล้ามากมาย เสียงหัวเราะดังไม่ขาดตอน มีเพียงจงยู่ที่ค่อยๆ กิน มองไปด้านนอกเป็นระยะ ทำไมคุณตาและฉินหลั่งยังไม่กลับมา?
ตุบๆๆ ขณะกำลังมองออกไปด้านนอก มีเสียวกลองดังขึ้น แล้วก็เข้ามาใกล้เรื่อยสิงโตที่เดินส่ายหัวไปมาสองตัวเดินเข้ามายังห้องโถง จงเส่นซานยืนขึ้นมา แล้วถามขึ้น :
“ใครให้พวกแกเข้ามา ไม่ได้สั่งเชิดสิงโตเสียหน่อย”
จงจิ่วเจินไม่อยู่ จงเส่นซานจึงรับหน้าที่ดูแลแทน
เสียงกองใกล้เข้ามาอีก แล้วจึงกล่าวขึ้น : “ได้ข่าวว่าคุณท่านจงจัดงานเลี้ยงขึ้น พวกเราไม่กล้ามาเข้าร่วม จึงจะมาขอเงินในการดำรงชีวิตในหน้าหนาวเสียหน่อย”
จงเส่นซานมอง ที่แท้เป็นนักแสดงล่ายเอ้อ เขามาขอเงินที่บ้านตระกูลจงเป็นประจำ บางทีก็นำกองแสดงมาด้วย มาเล่นร้องเพลง แล้วก็ได้เงินจากบ้านตระกูลจงไป
“นายนี่ไวจริงๆ มี1000หยวน เอาไปแบ่งๆ กัน ไม่ต้องมาเชิดสิงโตแล้ว”
หลังจากที่เขาพูดจบ สิงโตก็เริ่มเชิดขึ้น เต้นอยู่ท่ามกลางหมู่คน ดูน่าชม ลีลาใช้ได้เลย เหยียบบนกลองของล่ายเอ้อ แล้ววนรอบ ได้รับคำชมมากมาย
มีหลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมจะถ่ายรูป สิงโตก็หยุดลง แต่เสียงกลองของล่ายเอ้อยังดีงอยู่ เขาตีกลองพลางตะโกน “นี่ พวกแกสี่คนทำไมทำแขกเสียบรรยากาศล่ะ ทำไมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น วันนี้ฉัน…”
ล่ายเอ้อตะโกนด้วยความโมโห คนเชิดสิงโตถอดชุดคลุมออก เผยให้เห็นชายหนุ่มผมหยิกทั้งสี่ แววตาของพวกเขาดูมีริ้วรอย หนวดเป็นตอๆ เหมือนกับเหล็ก ผิวพรรณและหน้าตาดูไม่ใช่คนจีน
“พวกแก…จะทำอะไร?! ” ล่ายเอ้อตะโกนด้วยความกลัว ทั้งสี่คนนั้นค่อยๆ ย่างเข้าไปหาเขา ไม่ได้ดูน่าสงสารเหมือนกันหน้านี้ แต่บรรยากาศดูรุนแรง ราวกับปีศาจ ตามด้วยเสียงดังตุ้บ คอของล่ายเอ้อลูกใช้มือหักจนหลุดจากกัน
ห้ะ? ตกใจกันทั้งงาน จากนั้นนักวิทยายุทธของบ้านตระกูลจงก็เข้ามา มาจากทั่วทุกทิศ จงเส่นซานคิดว่ามันเป็นคดีฆาตกรรม เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องโจมตีบ้านตระกูลจง
“กล้าฆ่าคนตายในบ้านตระกูลจง ไม่อยากมีชีวิตกันแล้วรึไง? ” จงเส่นซานมองพวกเขาทั้งสี่ด้วยสายตาโหดเหี้ยม วันนี้ไม่ว่าอย่างไรจะให้พวกนี้หนีออกไปไม่ได้ ไม่งั้นหน้าตาของบ้านตระกูลจงจะไปไว้ที่ไหน!
“นายกำลังท้าฉันเหรอ? ” ชายต่างชาติถามกลับด้วยภาษาสำเนียงที่ไม่ค่อยชัดด้วยเสียงเรียบ แต่ไม่รู้ว่าทำไม เสียงนั้นกลับดูมีอำนาจ ที่ดังแผลทไปทั้งห้องโถง
“อย่าคิดว่าพวกฉันฟังภาษาจีนไม่ออก ล่ายเอ้อดูถูกพวกเรา เขาถึงตาย พวกแก ก็จะตายเหมือนกันทั้งหมด”
คนพวกนี้สวมชุดรูปร่างแปลกๆ สีดำ ถูกคนตระกูลจงล้อมไว้มากมาย แต่สีหน้าของพวกเขายังไม่เปลี่ยน ราวกับกำลังเดินเล่นสบายๆ