รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 306 ชั่วโมงเดียวก็พอ
บทที่ 306 ชั่วโมงเดียวก็พอ
ได้ยินคำพูดของฉินหลั่ง ฉินหยวนกำหมัดแน่น
สองวันก่อนฉินหลั่งยังอยู่กับฉินเทียน ฉินจูอยู่เลย เขาสามารถส่งข่าวผ่านทางสองคนนี้ ถึงคุณปู่ได้
ถ้าคุณปู่รู้ข่าวนี้เข้า งั้นคุณปู่จะต้องลงโทษเขาอย่างหนักแน่ ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะสงสัยในความใฝ่สูงของตัวเอง เรื่องนี้ไม่เป็นผลดีสำหรับตัวเขาเลย
ฉินหลั่งถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉินไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังเป็นขัดขวางตัวเองได้อยู่อีก ฉินหยวนยิ่งคิดก็อยากจะหยิบมีดฆ่าเขาให้ตายเสีย
ขณะนี้หยูจื้อก็เข้าใจแล้ว แท้จริงแล้วคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็คือคุณชายรองตระกูลฉิน ฉินหยวน! เขาตกใจอย่างมาก ฉินหยวนคนนี้จิตใจชั่วร้ายมาก เพื่อให้หุ่นเชิดตัวเองขึ้นไป ถึงขั้นลงมือกับครอบครัวตัวเองได้ลงคอ
ภายในห้องประชุมคนอื่นกลับทำหน้างุนงง พวกเขาไม่รู้ว่าฉินหลั่งกำลังพูดกับใครอยู่
“นายฝันไปเถอะ! คิดว่าตัวเองสำคัญมากหรือไงกัน!”
ฉาวหนิงตะคอกด่าฉินหลั่ง เขารีบร้อนอยากเป็นตระกูลหนึ่งเดียวในหลินอาน
มองไปทางหยูจื้อ ฉาวหนิงพูดอย่างร้อนรนว่า: “หยูจื้อ รีบเซ็นชื่อสิ อย่าไปฟังพวกเขาพูดจาไร้สาระอยู่เลย เรื่องนี้ไม่มีทางพลิกแพลงได้อีกแล้ว!”
“ฉาวหนิง…”
ในนี้ หูฟังบลูทูธของฉาวหนิงมีเสียงฉินหยวนดังขึ้น เสียงทรงพลัง ทำให้ฉาวหนิงตั้งสติได้:
“ละทิ้งการซื้อ…”
ท้ายที่สุดฉินหยวนก็เลือกที่จะยอมแพ้ เพราะผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้ หลังจากที่ฉินหลั่งถูกไล่ออกจากบ้าน เขาก็กลายเป็นทายาทของบ้านมีอนาคตที่ดี เขาจะมาผิดพลาด เพราะเรื่องนี้ไม่ได้!
“คุณชายฉิน!”
ได้ยินว่าฉินหยวนยอมแพ้ ฉาวหนิงก็อึ้งไปทันที: “ไม่จำเป็นหรอก ตอนนี้หยูจื้อเตรียมจะเซ็นชื่อแล้ว รอเขาเซ็นชื่อเสร็จ บริษัทหัวเสร์ก็กลายเป็นของพวกเราตระกูลฉาวแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของพวกเราแล้วล่ะ……”
ฉาวหนิงไม่หลบทายาทเศรษฐีคนอื่นๆ ก็พูดเรื่องนี้กับฉินหยวนเลย
ก็เหลือแค่เซ็นชื่อเท่านั้น พวกเขาตระกูลฉาวก็สามารถมาแทนที่ตระกูลหยู ครอบครองหลินอานได้ ฉินหยวนมาบอกยอมแพ้กับเขาตอนนี้ ล้อเขาเล่นอยู่หรือไง?
ก็เหมือนกับส่งเงินสินสอดไปแล้ว สถานที่จัดงานแต่งก็ตกแต่งเสร็จแล้ว เพื่อนๆญาติพี่น้องก็เชิญมาหมด เสร็จแล้วเจ้าสาวบอกไม่อยากแต่งงาน
“ฉันบอกแล้ว รีบละทิ้งการซื้อ นายฟังไม่รู้เรื่องหรือไง!” ฉินหยวนโมโหแล้ว ฉาวหนิงก็เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง แค่ทำตามคำสั่งเขาก็เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับตัวเอง
ฉาวหนิงถอนหายใจหนัก ท่าทางแบบนี้ของฉินหยวนทำเขารู้สึกอึดอัดมาก แต่ว่า เขากับฉินหยวนเมื่อเทียบกันแล้ว อ่อนแอมากเกินไป มีเพียงต้องตอบตกลงเท่านั้น
“ได้” ฉาวหนิงไม่พอใจอย่างหนัก แต่เขาก็ยังตอบตกลงไป
คนอื่นเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว มองฉาวหนิงด้วยสายตาเปล่งประกาย
“หยูจื้อ” ฉาวหนิงมองหยูจื้อ หยุดชะงักสักพัก สุดท้ายก็พูดออกมาว่า: “ตระกูลฉาวสละการซื้อบริษัทหัวเสร์”
“หื้ม! ต้องแบบนี้สิ บริษัทหัวเสร์ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะซื้อได้!”
“เยี่ยมมากเลย! บริษัทหัวเสร์รักษาได้แล้ว”
“บริษัทหัวเสร์ยังคงเป็นของตระกูลหยู! ฉันก็รู้ว่าคุณชายหยูต้องเปลี่ยนเรื่องนี้กลายเป็นดีได้แน่”
หยูหมิงกับพวกทายาทเศรษฐี พวกผู้บริหารระดับสูงที่ยังไม่ได้ลาออกจากตระกูลหยู ก็ดีใจกันใหญ่ ก็เหมือนกับชนะสงครามอย่างไรอย่างนั้น
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยิ่งนับถือในตัวฉินหลั่งเข้าไปใหญ่ คำพูดง่ายๆของเขา ก็สามารถแก้ไขอันตรายนี้ได้ เทียบกับทายาทเศรษฐีอย่างพวกเขาแล้วเก่งกว่าเป็นสองเท่า
จึงทำให้เกิดการเปรียบเทียบที่ชัดเจนของฉาวเจี้ยนเฟิง หม่าฝูหรุ้ยกับพวกคนที่ถูกเขาปลุกระดมพวกผู้บริหารระดับสูงให้ทรยศตระกูลหยู สีหน้าในตอนนี้เหมือนกับมีใครตายอย่างนั้น
ถ้าตระกูลฉาวไม่สามารถซื้อบริษัทหัวเสร์ได้ งั้นคำรับรองในครั้งก่อนของหม่าฝูหรุ้ย ที่จะให้เงินพวกเขาก้อนใหญ่ ในขณะเดียวกันพวกเขายังสามารถอยู่ในตำแหน่งเดิมของบริษัทหัวเสร์ได้ จึงกลายเป็นจับต้องไม่ได้ ยึดถือไม่ติด!
“คุณชายฉาว นี่มันอะไรกัน? ทำไมคุณถึงไม่ซื้อบริษัทหัวเสร์แล้วล่ะ? ตอนนี้ทั้งที่อำนาจต่อรองอยู่ในมือพวกเราแล้ว!” หม่าฝูหรุ้ยถามฉาวหนิง ส่วนพวกผู้บริหารระดับสูงคนอื่นก็แห่กันเข้ามาถาม
“พวกนายคิดว่าฉันอยากหรือไง พี่ใหญ่ด้านหลังฉันไม่ให้ซื้อ ฉันจะมีทางไหนได้ล่ะ!” ฉาวหนิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ เขาอยากจะซื้อมากกว่าที่หม่าฝูหรุ้ยพวกเขาอยากเสียอีก แต่ฉินหยวนบอกแล้ว
“งั้นพวกเราจะทำยังไง?” หม่าฝูหรุ้ยถาม
ฉาวหนิงพึ่งพาไม่ได้เลย ฉันเอาชีวิตทั้งหมดฝากไว้ที่นายแล้ว พอถึงตอนนี้ นายก็บอกกับฉันว่าจะไม่ซื้อแล้ว งั้นที่สูญเสียไปใครใช้คืน
“นายบอกไม่ซื้อแล้วจะลุกขึ้นหนีไปเลย แล้วให้พวกเรามารับการสูญเสียนี้เหรอ?”
“นั่นสิ! คุณชายฉาวว่าจะให้เงินพวกเรา? ยังได้มีตำแหน่งเดิมอีก!”
“พวกเราตกลงลาออกกับประธานหยูก็เพราะนายเป็นคนสัญญาเอง! ตอนนี้นายจะต้องชดใช้ความสูญเสียของพวกเราด้วย!”
เมื่อกี้พวกผู้บริหารระดับสูงที่ถูกหม่าฝูหรุ้ยเป่าหู ตอนนี้ก็ต่างเดินขึ้นไปล้อมรอบฉาวหนิงไว้ จะต้องพูดให้ชัดเจน
“เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันก็รู้สึกผิดต่อทุกคนมาก ฉันชดใช้ให้ทุกคนคนละหนึ่งแสน ในขณะเดียวกัน พวกคุณที่อยากจะทำงาน จะมาทำงานที่บริษัทตระกูลฉาวของพวกเราในบริษัทไหนก็ได้! ต่ำสุดก็เป็นผู้จัดการใหญ่!” ฉาวหนิงพูดวิธีแก้ไขปัญหาของตัวเอง
พอเขาพูดจบ ก็ทำให้พวกผู้บริหารระดับสูงยิ่งไม่พอใจกันเข้าไปใหญ่ เพราะวิธีการแก้ปัญหาของฉาวหนิง ในสายตาพวกเขา ถือว่าแย่มากจริงๆ
“หนึ่งแสน? คุณชายฉาวล้อเล่นเหรอ? เงินเดือนแค่เดือนเดียวเองเหรอ?”
“นั่นสิ ฉันเดือนหนึ่งได้แปดหมื่น บวกกับโบนัส เงินอุดหนุนอีก ต้องเกินแปดหมื่นแน่นอน”
“ไปทำงานที่บริษัทคุณงั้นเหรอ? ตระกูลฉาวในหลินอานก็มีบริษัทอยู่แค่เจ็ดแปดที่ ขอบข่ายน้อยมากเกินไป เกรงว่าผู้จัดการใหญ่คนหนึ่งก็คงได้แค่สองหมื่น ความสามารถของพวกเรา คุณให้พวกเราทำงานสองหมื่น ใช้คนไม่เหมาะกับงานเกินไปหรือเปล่า?”
สรุป พวกผู้บริหารระดับสูงไม่พอใจกับการแก้ไขปัญหาของฉาวหนิงอย่างมาก
“พวกนายอย่างโหวกเหวกได้ไหม? ข้อเสนอนี้ยังไม่พอใจอีกเหรอ?”
ฉาวหนิงพูด ตอนนี้เขาอารมณ์ก็เสียอยู่พอๆกัน:
“พวกนายต้องมองสถานการณ์ตอนนี้ให้ออก แม้พวกเราตระกูลฉาวจะซื้อบริษัทหัวเสร์ไม่ได้ แต่พวกนายคิดว่าบริษัทหัวเสร์จะพลิกแพลงได้เหรอ? บริษัทหัวเสร์ยังไงก็ต้องล้มละลาย ถึงตอนนั้นพวกนางจะลาออกอีก แม้จะพูดเปล่าๆ ก็ไม่ได้เงินสักบาทหรอกนะ ตอนนี้ฉันให้พวกนายหนึ่งแสน ยังจัดการแบ่งงานให้พวกนาย ยังจะรังเกียจอีกเหรอ!”
ฉาวหนิงพูดแบบนี้แล้ว พวกผู้บริหารระดับสูงก็เงียบลง ก็เหมือนกับที่ฉาวหนิงพูด บริษัทหัวเสร์ยังไงก็ต้องล้มละลาย พวกเขาได้เงินแสนก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“รอบริษัทหัวเสร์ล่มแล้ว งั้นตระกูลฉาวของเราก็รับมาทำต่อได้! ถึงตอนนั้น พวกเราตระกูลฉาวก็ไม่ใช่ตระกูลฉาวในตอนนี้แล้ว!” ฉาวหนิงพูด
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีความสำเร็จรออยู่ข้างหน้า ใช่สิ ตามสถานการณ์ในตอนนี้ บริษัทหัวเสร์ล่มแล้ว คุณชายฉินสามารถใช้เงินสามหมื่นล้านมาสนับสนุนการพัฒนาของบ้านตัวเอง ถึงตอนนั้นตระกูลฉาวก็ยังคงมีโอกาสได้เป็นที่หนึ่งในหลินอานอยู่
“นายก็ยังฉลาดอยู่นี่!” ในหูฟังบลูทูธ มีเสียงของฉินหยวนดังขึ้นมา เขาคิดแบบนี้จริงๆ
ตอนนี้ ตระกูลหยูจะต้องข้องใจในตัวเองเขาแล้วแน่นอน เขาต้องการกลุ่มหนึ่งที่มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองในหลินอาน
“นายไม่คิดเลิกรากับการโจมตีตระกูลหยูอีกเหรอ?” ฉินหลั่งถามเสียงเข้ม
เขากำลังถามฉินหยวน ถ้าฉินหยวนยอมเลิกรา การวางแผนทำร้ายตระกูลหยูละก็ บริษัทหัวเสร์ก็ยังสามารถทำให้เป็นปกติได้
ฉินหยวนมองดูท่าทีเงียบครึ้มของฉินหลั่งผ่านหน้าจอ ในใจก็รู้สึกดีมาก จึงพูดกับฉาวหนิงไป
“คุณชายฉินกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ สถานการณ์ตอนนี้ที่บริษัทหัวเสร์กำลังเจออยู่ เกี่ยวอะไรกับพวกเราไหม? คุณไปสืบได้เลย บริษัทที่ทำลายธุรกิจของหัวเสร์ ถามพวกเขาว่าตั้งใจโจมตีบริษัทหัวเสร์ หรือเบื้องหลังมีคนสั่งการ” ฉาวหนิงพูดกับฉินหลั่ง ตามที่ฉินหยวนสอนเขามา
ครั้งนี้ตระกูลหยูอยู่ในดงระเบิดแล้วจริงๆ ฉินหยวนใช้แต่ลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่สุดของตัวเอง แม้คุณปู่ฉินป๋อสงถามพวกเขา พวกเขาก็คงไม่มีทางบอกว่าเป็นตัวเองที่สั่งการ!
ดังนั้น ตอนนี้ฉินหยวนไม่เลิกราโจมตีตระกูลหยูแน่นอน
“เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ทำให้ตระกูลขาดทูล นี่เป็นสิ่งที่ลูกหลานตระกูลฉินควรทำงั้นเหรอ?” ฉินหลั่งเดาออกแล้ว ฉินหยวนวางแผนจะทำอะไร เขาพูดประชดประชัน ขณะเดียวกันอนาคตของตระกูลฉิน ก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก
ตระกูลฉินถ้าปล่อยไว้ในมือของคนที่มีจิตใจแคบแบบนี้ จะเป็นยังไงกันนะ? ฉินหลั่งไม่กล้าคิดเลยจริงๆ
“ฉินหลั่ง นายอยากจะพูดอะไร ตอนนี้นายไม่ใช่ลูกหลานตระกูลฉินแล้ว ขอนายอย่าได้ริอาจพูดเรื่องตระกูลฉิน!”
ฉาวหนิงพูด เขามองหยูจื้อ แสยะยิ้มเย็นชาพูดว่า:
“หยูจื้อ วันนี้ตระกูลฉาวของพวกเราปล่อยพวกนายตระกูลหยูไปก่อน แต่ว่าตระกูลหยูของพวกนายก็คงจะประคับประคองได้อีกไม่กี่วันหรอก ถึงตอนนั้นเงินของเจ้าก็ลดลง บริษัทหัวเสร์ก็จะรักษาไว้ไม่อยู่ ที่มันเป็นแบบนี้ นายคงต้องขอบคุณคนหนึ่ง นั่นก็คือ ฉินหลั่ง! ฮ่าๆๆ”
“ฉินหลั่ง ฉันคิดว่าตอนนี้ประธานหยูคงจะด่านายในใจแล้วล่ะ!” ฉาวหนิงพูดและหัวเราะอย่างสะใจ
พูดจบ ฉาวหนิงก็กลับหลังหันเดินออกไป
หยูจื้ออยากจะเรียกฉาวหนิงกลับมาจริงๆ อยากจะขอเขาซื้อบริษัทหัวเสร์ไว้ เพราะยังไงบริษัทนี้ก็ชุบชีวิตไม่รอดแล้ว ยื้อต่อไปก็มีแต่สูญเสียเยอะกว่าเดิม
“ใครบอกนายว่า บริษัทหัวเสร์จะปิดตัวแล้ว?” ฉินหลั่งมองดูฉาวหนิงและพูด และมองไปที่หยูจื้อที่ตอนนี้มีสีหน้าลำบากใจ และพูดว่า: “คุณหยู คุณวางใจได้ ผมคิดว่าบริษัทหัวเสร์จะกลับมาเป็นปกติ ภายในหนึ่งชั่วโมงนี้”
ชั่วโมงเดียว? เรื่องนี้สำหรับทุกคนแล้ว เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างมาก
“ฮ่าๆ ฉินหลั่ง โม้ นายโม้ต่อไปเถอะ นายคิดว่าเล่นอยู่หรือไง ยังโม้หนึ่งชั่วโมงอีก ฉันให้เวลานายหนึ่งร้อยวัน นายก็ทำให้บริษัทหัวเสร์กลับมาดีได้ใหม่หรอกนะ!” ฉาวหนิงพูดเยาะเย้ย และในหูฟังบลูทูธเขา กลับเงียบกริบไม่มีเสียงใดๆเลย
“คุณหยู ผมฟังที่หลงเย้นพูดว่า คุณต้องการสองพันห้าร้อยล้านก็จะสามารถผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้ ผมขอถามหน่อยว่า ต้องการเงินอีกเท่าไหร่ คุณถึงมั่นใจว่าจะสามารถพลิกแพลงสถานการณ์ในตอนนี้ได้?” ฉินหลั่งถาม
หยูจื้อมองดูพ่อลูกตระกูลหลงที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน แทนคำขอบคุณ ก่อนหน้านี้เขายังแปลกใจว่าทำไมฉินหลั่งถึงมาที่นี่ได้ ที่แท้ก็มีหลงเย้นแอบบอกข่าวนี่เอง
“สองพันห้าร้อยล้านทำได้แค่ผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้ ฉันเดาว่า คุณชายคนที่อยากจะทำให้ตระกูลหยูล่ม คงจะใช้ไปแล้วสามพันล้าน แบ่งเพื่อนธุรกิจและการค้าของพวกเราไปทั้งหมด ถ้าตอนนี้มีห้าพันห้าร้อยล้านละก็ ฉันก็จะทำให้เหตุการณ์นี้พลิกแพลงได้เอง ทำให้บริษัทหัวเสร์กลับมาเป็นอย่างแต่ก่อน!”
หยูจื้อครุ่นคิดและพูด เสียงเขาเปลี่ยนเป็นโศกเศร้าแทน: “แต่ว่า ตอนนี้ฉันมีแค่หกพันล้าน จะเอาเงินห้าพันห้าร้อยล้านมาจากไหนกัน? นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”
พอได้ยินจำนวนเงินห้าพันห้าร้อยล้าน พวกทายาทเศรษฐีกับหยูหมิงต่างเงียบกันไปหมด ตัวเลขที่มากขนาดนี้ เกรงว่าตระกูลในหลินอานของพวกเขารวมกันแล้วก็คงมีไม่ถึง
“เหอะๆ ฉินหลั่ง นายจะช่วยตระกูลหยูไม่ใช่หรือไง? นายก็เอาเงินห้าพันห้าร้อยล้านออกมาสิ” ฉาวหนิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าหมอนี่ ฉันไม่สนว่านายจะเป็นลิงกระโดดออกมาจากไหน ฉันจะบอกให้นะ ตระกูลหยูจบเห่แน่!” หม่าฝูหรุ้ยหัวเราะอยากเยือกเย็น
ฉินหลั่งยิ้มอ่อนๆ ห้าพันห้าร้อยล้าน ยังอยู่ในขอบเขตที่เขารับได้ เขาอยากจะทดลอง ดูว่าจะรวบรวมครบไหม
“ฮัลโหล ท่านจง สวัสดีครับ ท่านยืมเงินให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?” ฉินหลั่งโทรให้จงจิ่วเจินเป็นคนแรก