รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 283 เชิญฉินหลั่งออกมาสู้
บทที่ 283 เชิญฉินหลั่งออกมาสู้
ในคืนนั้น ลูกน้องของตระกูลซ่ง20คน เข้าไปล่มที่ “Akemai KTV” ของตระกูลจงอย่างกะทันหัน ล่มจนเละ
แขกตกใจจนรีบหนี พนักงานในKtv หลายคนบาดเจ็บ คนของตระกูลจง3คนที่ดูแลที่นี่ ก็โดนทำร้ายจนเลือดตกยางออก ในนั้นมีคนหนึ่งสาหัสมาก จนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล
ข่าวนี้มาถึงตระกูลจงอย่างรวดเร็ว
จงเส่นซานกับลูกน้องหลายคน มาถึงที่ห้องของจงจิ่วเจินพร้อมกัน ปรึกษาหารือ
ในห้องรับแขกของจงจิ่วเจิน มีนั่งและยืนไว้7,8คน พวกเขาต่างก็เป็นลูกและญาติของจงจิ่วเจิน แต่ละคนขมวดคิ้วแน่น มีครึ่งนึงที่กำลังสูบบุหรี่ ในห้องรับแขกเต็มไปด้วยควัน พวกเขาก็กำลังด่าทอตระกูลซ่ง
จงจิ่วเจินยังอยู่ในห้องหนังสือ ทุกคนกำลังรอเขาออกมาดำเนินการปรึกษาหารือ
“ไอหยา”
ประตูของห้องหนังสือค่อยๆ เปิดออก จงจิ่วเจินเดินออกมา สายตาของทั้งหมดมองไปหาเขา
“พ่อครับ ตระกูลซ่งมันไม่ใช่คนจริงๆ เลย พวกมันแอบโจมตีที่ของเรา จะสู้กับพวกมันเลยทีเดียวไหม!”
“ก็แค่ตระกูลซ่ง ก็แค่มาจากที่อื่น ปักหลักอยู่ในเมืองจิงไม่ถึง30ปี ก็กล้าที่จะมาหยามตระกูลจงของเรา ผมว่ามันคงไม่อยากอยู่แล้ว!”
……
“ไม่พูดอะไรเลย แล้วมาล่มที่เราทีเดียว แม่งเอ้ย ไม่มีมารยาทจริงๆ เลย! ดูท่าแล้วหลายปีมานี้ เราไม่ไปยุ่งกับตระกูลซ่ง พวกมันคงคิดว่าเราเป็นลูกพลับ แค่บีบก็แตกแล้ว! พ่อครับ พ่อพูดมาเลย ผมจะพาคนไปจัดการถล่มตระกูลซ่งเดี๋ยวนี้เลย!”
………
ทุกคนต่างแสดงความโกรธออกมา สำหรับตระกูลซ่งแล้ว การใช้วิธี ‘ไม่ประกาศแล้วสู้เลย’ พวกเขาก็เลยโมโหมาก
“แค่กๆ …..” จงจิ่วเจินมองดูคนที่เต็มห้อง พูดด้วยน้ำเสียที่ไม่สบาย: “ดับบุหรี่ทิ้งให้หมด!”
พอจงจิ่วเจินพูดเสร็จ คนที่สูบบุหรี่ก็ดับทิ้งหมด
จงจิ่วเจินนั่งไว้บนโซฟา สายตาที่เยือกเย็นแล้วพูด: “หลายปีมานี้ตระกูลเราและตระกูลซ่งก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน พวกเขาใช้วิธีเก็บอำนาจของคนอื่น พอดีอำนาจจะสู้กับเราได้….”
จงจิ่วเจินพูดเสร็จ ก็มีคนฟังที่ไม่พอใจ
“พ่อครับ พ่อคงจะดูตระกูลซ่งไว้สูงเกินไปแล้ว ก็แค่คนในบ้านเขามียศมีอำนาจ ไม่เห็นจะกลัวตรงไหนเลย ก็แค่คนที่มาจากที่อื่นอย่างพวกมันก็อยากจะเป็นใหญ่ในเย็นจีน ฝันไปเถอะ ถ้าจะให้ผมพูด แค่ตระกูลจงเรากระดิกนิ้วเบาๆ ก็ทำให้ตระกูลซ่งล่มได้เลย!”
“ถูกต้อง!”
“ทำให้คนตระกูลซ่งได้รู้ ว่าต่อหน้าตระกูลจง พวกมันเป็นน้อง!”
….
“หุบปาก!”
จงจิ่วเจินตะคอก มองดูทั้งสองที่พูด พูดอย่างโมโห: “ถ้าวันๆ แก่แต่อย่างพวกแก ตระกูลจงคงจะล่มไปหลายรอบแล้ว!”
ทั้งสามคนที่โดนด่าก้มหน้าลง รู้สึกขายหน้ามาก
จงจิ่วเจินด่าแบบนี้ ทุกคนต่างก็เงียบลง ฟังจงจิ่วเจินพูด
“ในเมื่อครั้งนี้ตระกูลซ่งกล้าโจมตีเราแบบกะทันหันแบบนี้ นี้ก็แสดงว่าเป็นการ ‘ประกาศศึก’ และแสดงว่า พวกเขาคิดว่า มันถึงเวลาแล้ว ที่จะแย่งอำนาจในเย็นจีนในมือเราไป”
จงจิ่วเจินกำลังวิเคราะห์อยู่
หลายปีมานี้ จงจิ่วเจินเองก็เห็น ความทะเยอทะยานของตระกูลซ่ง แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถไปควบคุมการเติบโตของตระกูลซ่งได้
จงจิ่วเจินรู้ดี ตามกาลเวลา ระหว่างตระกูลจงและตระกูลซ่ง ต้องมีการสู้กันด้วยเลือด
และในตอนนี้มันมาถึงแล้ว เขาเองก็ไม่ได้แปลกใจมาก
สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ คือจะทำยังไงให้ศึกครั้งนี้ชนะ
ในตอนนี้ โทรศัพท์ในห้องรับแขกก็ดังขึ้น
คนนอนที่จะโทรติดเบอร์นี้ ต้องผ่านการคัดกรองจากผู้ช่วยของจงจิ่วเจินก่อน ถ้าไม่ใช่คนสำคัญ ผู้ช่วยก็ไม่มีทางให้โทรศัพท์ดังแน่
การที่จะโทรติดเครื่องนี้นั้น ไม่มีโอกาสเลย
แต่ในตอนนี้ โทรศัพท์ดังขึ้น จงจิ่วเจินก็เดาได้เลยว่าใครโทรมา
จงจิ่วเจินมองจงเส่นซาน พอเขาเห็น ก็เดินไปทางนั้น แล้วกดรับสาย
“จงเส่นซาน” จงเส่นซานรับสายแล้วพูดอย่างเยือกเย็น
“สวัสดีค่ะคุณจง ฉันเป็นเลขาของคุณซ่งอวี่ คุณซ่งหวังว่าคืนพรุ่งนี้จะไปพบท่านจงจิ่วเจินที่บ้าน ขอให้คุณอนุญาตด้วย” ในสายเป็นเสียงอ่อนโยนของผู่หญิงคนหนึ
จงเส่นซานมองไปที่จงจิ่วเจิน จงจิ่วเจินไม่ต้องฟัง แค่ดูสีหน้าของจงเส่นซาน ก็รู้แล้วว่าในสายนั้นพูดอะไร แล้วเขาก็ค่อยๆ พยักหน้า
“พรุ่งนี้ซ่งอวี่มาพบคุณพ่อของผมได้” จงเส่นซานพูดตามความต้องการของพ่อเขา
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณซ่งจะไปตรงตามเวลาแน่นอนค่ะ สวัสดีค่ะคุณจง” พอเลขาของซ่งอวี่พูดจบ จงเส่นซานก็วางสายเลย
“พ่อครับ คืนพรุ่งนี้ซ่งอวี่จะมาพบท่าน” จงเส่นซานเดินมาพูดต่อหน้าจงจิ่วเจิน
ได้ยินว่าซ่งอวี่ยังมีหน้ามาขอพบพ่อของพวกเขา คนอื่นก็แสดงท่าทีที่โมโห แต่ว่าพวกเขาไม่ได้พูดออกมา กลัวพ่อด่า
จงจิ่วเจินถอนหายใจยาวๆ กำลังคิดอย่างรวดเร็ว ตระกูลซ่งไปเอาความกล้าจากไหนที่จะมาสู้กับเขา
“เส่นซาน แกคิดว่าไง?” จงจิ่วเจินถาม
“ครั้งนี้ตระกูลซ่งทำอย่างเด็ดขาด ทำให้รู้สึกว่ามีที่พึ่ง แผนที่ตอนนี้ของเย็นจีน ตระกูลซ่งผ่านการยึคครองอำนาจ ตามหลังตระกูลเรามาติดๆ แต่ว่าตระกูลของเราปักฐานอยู่ที่นี้มาเกือบร้อยปี ก็มีความสามารถมากกว่าตระกูลซ่ง ถ้าตระกูลซ่งอยากจะสู้กับเรา และควบคุมส่วนต่างๆ นี้ ต้องดึงดูดความสนใจทางรัฐบาลแน่นอน ผมคิดว่าแผนแรกที่พวกเขาคิดจะใช้ไม่ใช้แผนนี้แน่นอน”
จงเส่นซานวิเคราะห์
“สองปีมานี้ตระกูลซ่งก็เจริญสัมพันธ์กับหัวชิงต่างประเทศ เหมือนจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขา ผมคิดว่าครั้งนี้ที่พวกเขาเด็ดขาดแบบนี้ ต้องเป็นเพราะได้คำตอบที่แน่ชัดจากหัวชิงแล้ว ในหัวชิงมีคนเก่งเยอะ ถ้าเป็นแบบที่ผมคิดไว้ งั้นก็ไม่ดีต่อตระกูลจงแน่นอน”
“พี่ใหญ่ พี่อย่าพูดให้เขาดูใหญ่ แล้วพูดถมตัวเองเงย! หัวชิงเก่งจริง แต่ตระกูลจงเราเองก็ไม่ใช่จะรังแกได้ง่ายๆ พวกเราเองก็รู้จักกับปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้เช่น ‘ปี่ก๋อฉวิน’ ‘เป้ายิ่งฝู่’ ‘จางเส่วเฟย’ ถึงแม้คนพวกนี้จะไม่ไหว ก็ยังมีปรมาจารย์ฝู้คาย? มีปรมาจารย์ฝู้คายอยู่ ใครมันจะกล้ามาหยามเรา!”
“ใช่ ปรมาจารย์ฝู้คายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในแวววงนี้ คนของหัวชิงมาหนึ่งคนก็ตัดการหนึ่งคน!”
……
คนส่วนมากในนี้ก็เคยเห็นฝู้คายแล้ว สำหรับความสามารถของฝู้คายแล้ว พวกเขาก็เชื่อใจมาก
มีแค่จงจิ่วเจินและจงเส่นซาน ที่ยังเครียดเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะพวกเขาสองคนรู้ดี ในไม่ช้านี้ ฝู้คายเพิ่งแพ้ให้กับฉินหลั่ง
ทำให้ความเขาไม่ค่อยมั่นใจในความสามารถของฝู้คาย
“พอแล้ว พวกแกกลับไปพักผ่อนเถอะ! เส่นซาน แกอยู่ไว้!”
ตอนนี้ในสมองของจงจิ่วเจินวุ่นวายมาก
คนอื่นๆ บอกลาจงจิ่วเจิน แล้วก็ออกจากห้องของจงจิ่วเจิน ในห้องนี้เหลือแค่จงจินเจินและจงเส่นซานสองคนเท่านั้น
“แกคิดว่าถ้าทางหัวชิงส่งคนเก่งมา ฝู้คายมีโอกาสที่จะชนะไหม?” จงจิวเจิงถาม
“ถ้าเป็นเมื่อ1เดือนที่แล้ว ผกก็จะตอบว่ามีอย่างมั่นใจ แต่ว่าตอนนี้ ผมเองก็ไม่กล้ารับประกัน เพราะว่าก่อนไปหลิงอาน ผมเชื่อมั่นในความสามารถของปรมาจารย์ฝู้คายมาก แต่สุดท้ายเขากลับแพ้ ผมกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย” จงเส่นซานพูด
จงจิ่วเจินก็ถอนหายใจอีก เขาคิดเหมือนจงเส่นซาน
“สำหรับตระกูลจงแล้ว ครั้งที่แล้วที่แพ้ ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเรา แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม ถ้าเราแพ้ งั้นธุรกิจที่เราก่อสร้างพัฒนาขึ้นมาเป็นร้อยปี ก็จะจบลงทั้งหมด” จงจิ่วเจินพูดอย่างคิดหนัก
จงจิ่วเจินไม่ได้กลัวว่าจะเสียดายทรัพย์สินเงินทอง แต่กลัวว่าจะกลายเป็นคนผิดของตระกูล ไม่มีหน้าไปเจอกับบรรพบุรุษ
“พ่อครับ จริงๆ แล้วเรายังมีอีกคนหนึ่งที่สามารถช่วยเราออกสู้ได้” จงเส่นซานมองจงจิงเจินแล้วพูด
จงจิงเจิงมองขึ้นไปเล็กน้อย เขาก็รู้เลยว่าคนที่จงเส่นซานพูดคือฉินหลั่ง แต่จงจิ่วเจินกลับไม่ตอบสนองอะไร
ในใจของเขา ฉินหลั่งคือคนที่เอาไว้ปกป้องจงยู่ ถ้าเรียกเขามาช่วยตระกูลจงครั้งนี้ งั้นก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ‘บอดี้การ์ดมหาวิทยาลัยเย็นจีน’ ของเขาก็เก็บไม่อยู่แล้ว คนที่คิดไม่ถึง ก็อาจจะสืบประวัติของฉินหลั่ง และประวัติของจงยู่ก็จะถูกเปิดเผยออกมาด้วย!
ถ้าจงยู่ถูกเปิดเผยออกมา จงจิ่วเจินคิดว่า เป็นเรื่องที่อันตรายมาก
เรื่องเมื่อปีก่อนที่จงจิ่วเจินทำให้จงเสวี่ยนเย่นตาย ยังคงค้าคางใจเขาอยู่ เขานังรับไม่ได้ ที่จะให้สายเลือดคนเดียวของจงเสวี่ยนเย่น อยู่ในอันตราย
“พ่อครับผมเข้าใจว่าในใจของพ่อเป็นห่วงความปลอดภัยของจงยู่มาก แต่ว่าตอนนี้ สำหรับตระกูลจงแล้ว เป็นเวลาที่ชี้ชะตาของตระกูลจง ถ้าตระกูลจงล้มลงจริงๆ ผมว่าถึงเวลานั้นพ่อคงจะเสียใจกว่านี้”
จงเส่นซานพูด เขาคิดว่าพ่อของเขาจะตัดสินใจอย่างถูกต้อง
“ผมคิดว่าถ้าเสวี่ยนเย่นยังอยู่ ถ้าจงยู่รู้ถึงเหตุการณ์ตอนนี้ พวกเธอสองแม่ลูกต้องสนับสนุนให้พ่อเชิญฉันหลังมาช่วยเราแน่นอน”
จงจิ่วเจินนั่งไว้บนโซฟาไม่ขยับ แต่ว่าในใจของเขาก็เริ่มเห็นด้วย เพราะว่าเขาไม่สามารถรับผิดชอบที่ตัวเองทำให้ตระกูลจงที่มีมาร้อยปีล้มลงได้
“อีกอย่าง ถึงแม้ว่าฉินหลั่งจะช่วยตระกูลจงสู้ ก็อาจจะไม่ทำให้กลุ่มนั้นสนใจได้ พ่อครับ พ่ออาจจะคิดมากไป เป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลจง ในเวลาแบบนี้ พ่อต้องเลือกวิธีที่ถูกต้องที่สุด
จงเส่นซานพูด
จงจิ่วเจินเงยหน้าอิงลงโซฟา ในสมองของเขากำลังเลือกที่ตัดสินใจยากมากที่สุด อีกด้านนึงคือตระกูลและชีวิตของคนเป็นร้อย อีกด้านนึงคือชีวิตของหลานสาวลูกของลูกรักที่ถูกเขาบังคับตายเมื่อ20ปีที่แล้ว
สำหรับเขาแล้วทั้ง2อย่างนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
“ได้ เชิญฉินหลั่งมา ถ้าเขารับปาก ก็เชิญเขามาออกสู้แทนเรา แต่ถ้าเขาปฏิเสธ งั้นเราก็จะไม่บังคับ” จงจิ่วเจินถอนหายใจเสียงยาว สุดท้ายก็ตัดสินใจแล้ว
“ครับ” จงเส่นซานตื่นเต้นมาก
“โอเค งั้นแกไปติดต่อฉินหลั่งเถอะ ให้เขามากินข้าวที่นี่ในคืนพรุ่งนี้ ฉันเหนื่อยแล้ว” จงจิ่วเจินพิงไว้ที่โซฟา หลับตาลง เขาที่เงียบในตอนนี้ ก็ดูแก่ลงไปอีกหลายปี
“ครับ” จงเส่นซานพูดเสร็จ ก็ค่อยๆ เดินออกจากห้องไป
กลับไปถึงที่พักของตน จงเส่นซานก็โทรหาฉินหลั่ง
“คุณจง สวัสดีครับ” ตอนนี้ฉินหลั่งเพิ่งทำงานเฝ้าตรงหน้าโรงพยาบาลของผู้ป่วยเสร็จ กำลังกลับไปที่พักของตน
“คุณฉิน จงยู่ไม่ได้อยู่ข้างๆ คุณใช่ไหม?” จงเส่นซานถามอย่างระวัง
“ไม่อยู่ครับ คุณวางใจได้ ผมเห็นจงยู่กลับไปพักผ่อนที่หอแล้ว คุณจงหาผมมีเรื่องอะไรรึเปล่า?” ฉินหลั่งถาม
“งั้นก็ดี คือแบบนี้นะ คืนพรุ่งนี้เชิญคุณมาที่บ้านตระกูลจงหน่อย ผมกับพ่อของผมเชิญคุณมากินข้าว” จงเส่นซานพูดอย่างมีมารยาท
“จะถามถึงเรื่องของจงยู่หรอ?” ฉินหลั่งถาม
“ไม่สะดวกพูดทางโทรศัพท์ รอคุณมาก็รู้แล้ว คุณฉิน พรุ่งนี้ที่บ้านตระกูลจงยินดีต้อนรับ ใช่สิ ตอนที่คุณมา ขอให้ระวังตัวอย่าให้คนอื่นเห็น แบบนี้ดีกว่า พอถึงเวลา ผมเรียกรถไปรับคุณ….” พูดจบ จงเส่นซานก็วางสายเลย
ในใจของฉินหลั่งมีคำถาม เขากับจงยู่เพิ่งเข้ามาในมหาวิทยาลัยเย็นจีนไม่กี่วัน ตระกูลจงก็ถามเรื่องจงยู่แล้ว? นี่ก็เร็วเกินไปรึเปล่า? หรือว่าตระกูลจงมีเรื่องอื่น?
ฉินจงคิดไปด้วย แล้วก็เดินกับหอเขาไปด้วย