ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - ตอนที่ 67 : กล้วยไม้หวาย
นิยาย ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 67 : กล้วยไม้หวาย บทที่ 67 : กล้วยไม้หวาย “หรือว่าสัตว์ประหลาดนั่นจะออกมาอา ละวาดตอนกลางวัน?!” เหอหลิงซี่ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับ รีบวิ่งตรงไปที่ขอบหน้าผาทันที และคนอื่นๆก็วิ่งตามไปด้วย แต่ทั้งหมดก็เห็น เพียงแค่คลื่นขนาดมหึมาอยู่ภายในบ่อโลหิตมังกรเท่านั้น และเสียงกรีดร้อง เมื่อครู่ก็เงียบหายไป ซูอานหรี่ตาลงเล็กน้อยในขณะที่กําลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และสิ่งที่เขาเห็นนั้นก็แตกต่างจากที่เหอหลิงซีและคนอื่นๆเห็น เขาเห็นร่างอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ว่ายอยู่ในบ่อโลหิตมังกรแต่ แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว บ่อโลหิตมังกรแห่งนี้ไม่ใช่บ่อน้ําธรรม ดาๆแน่ มันมันอะไรบางอย่างที่อันตรายมากอยู่ข้างล่าง และดูเหมือนจะไม่สา มารถจัดการได้ง่ายๆด้วย ซูอานได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ เขาสํารวจมองไปรอบๆบริเวณก็พบว่า พื้นที่รอบๆบริเวณบ่อมังกรแห่งนี้ นับเป็ นสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยล้ําเลิศมากแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าที่ใดมีฮวงจุ้ยที่ล้ําเลิศ ย่อม ต้องมีสมบัติล้ําค่าซ่อนอยู่ด้วยจึงเป็นธรรมดาที่จะมีเหล่าอสูรโผล่ออกมาคอยปก ป้องสมบัติล้ําค่าเหล่านั้น ซูอานคาดว่าภายในบ่อโลหิตมังกร แห่งนี้จะต้องมีอสูรอาศัยอยู่เป็นแน่และต้องเป็นอสูรที่ร้ายกาจด้วย ดูเหมือนว่า สมบัติที่ว่านี้คงยากที่จะได้มาง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด ซูอานก็ ไม่มีทางล้มเลิกอย่างแน่นอน หากนั่นจะเป็นหนทางให้เขาสามารถพัฒนาขั้น พลังของตนเองได้ ระหว่างนั้นซูอานก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิ ตที่ล่องลอยอยู่รอบตัวเขาจึงได้แต่ยิ้มออกมาและคิดอยู่ในใจว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้คงจะเหมาะยิ่งนักหากเขาจะเข้าสู่ขั้นต่อไปในสถานที่แห่งนี้เพราะความ หนาแน่นของพลังชีวิตบริเวณนี้มีมากพอที่จะช่วยให้เขาพัฒนาขั้นได้ จึงได้หันไปเจรจากับเหอหลิงซี.. “แม่นางเหอพวกเรามาเจรจาตกลงร่วมมือกันจะดีหรือไม่?” เหอหลิงซีหันไปจ้องมองซูอานด้วยความงุนงงเธอกระพริบตาถี่ๆพร้อมกับ ถามขึ้นว่า “ร่วมมือยังไงเหรอ?” “เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่รีว่า อสูรที่อยู่ใน บ่อโลหิตมังกรแห่งนี้ดุร้ายมากเพียงใดไม่ว่าเจ้าหรือข้าคนใดคนหนึ่งก็คงไม่อาจจัดการกับมันเพียงลําพังได้จะไม่ดีกว่าหรือหากพวกเราสองคนมาร่วมมือกัน เพื่อจะได้ในสิ่งที่พวกเราต่างก็ต้องการ..” เหอหลิงซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าตกลง.. เธอรู้ดีว่าซูอานนั้นไม่ใช่คนที่เธอจะสา มารถจัดการได้ง่ายๆ เพราะเขาสามารถเอาชนะบอดี้การ์ดของเธอสิบกว่าคนได้ อย่างง่ายดาย เขาจึงนับเป็นคู่สู้ที่เก่งกาจของเธอมากทีเดียว และเรื่องที่ซูอานจัดการกับเหล่าผู้ฝึก ยุทธก่อนหน้านี้ เธอก็ได้รับรายงานเรียบร้อยแล้วเธอจึงเลือกที่จะมองการ ไกลไว้ก่อน ส่วนเรื่องที่ซูอานมีวรยุทธนั้นเหอหลิงซีไม่ได้นึกหวาดกลัวนัก เพราะเธอเองก็มีปืนและเธอก็จะพยายามที่จะอยู่ห่างจากซูอานให้มากที่สุด.. หลังจากที่ตกลงกันได้ทั้งสองคนก็จับมือกันสยบศึกเพื่อหาวิธีจัดการนําสมบัติใต้บ่อโลหิตมังกรขึ้นมา! จากนั้นซูอานจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ก่อนที่จะลงมือใดๆข้าอยากจะใช้ที่นี่ เป็นสถานที่ฝึกฝนวิชาเสียก่อน เพราะที่ นี่มีพลังงานบางอย่างที่ร่างกายของข้าองการหากพลังภายในของข้าแกร่งกล้าขึ้นเมื่อใดข้าก็จะสามารถจัดการกับสิ่งที่อยู่ใต้น้ําได้..” “ได้สิ! แต่คุณต้องเร่งมือหน่อย” “ข้าขอเวลาสองวัน..” หลังจากที่ตกลงเจรจากันเรียบร้อย แล้ว ซูอานจึงปีนขึ้นไปบนหน้าผาแห่งหนึ่งและเริ่มนั่งขัดสมาธิฝึกฝนวิชา โดย มีซันกยืนอารักขาอยู่เงียบๆ พลังชีวิตจํานวนมากที่ล่องลอยอยู่ร อบๆบริเวณ ได้ถูกซูอานดูดซับเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่องนานถึงสองวันเต็ม และเวลานี้จุดตันเถียนของเขาก็อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิต ซูอานไม่กลัวว่าซันกกับเหอหลิงซีจะ หักหลังด้วยการทําร้ายตนเองเพราะเหอหลิงซียังต้องการความช่วยเหลือจาก เขา ในขณะที่ซันกูก็ต้องการผลประโยชน์จากเขาเช่นกัน การพัฒนาขั้นพลังของซูอานในครั้งนี้ เป็นไปอย่างง่ายดาย และในที่สุดเขาก็สามารถสําเร็จขั้นก่อสร้างรากฐานได้สําเร็จแล้ว.. การสําเร็จขั้นก่อสร้างรากฐานนี้ หมายความว่า ซูอานได้เข้าสู่ขั้นของผู้ฝึกยุทธโดยสมบูรณ์แล้ว และยิ่งซูอาน สามารถพัฒนาขั้นได้เช่นนี้ก็ยิ่งทําให้ซันกนับถือเขามากยิ่งๆขึ้นไปอีก 36Q4 หลังจากนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งอยู่นาน ถึงสองวัน ในที่สุดซูอานก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ! ข้าพร้อมจะลงไปสํารวจบ่อโล หิตมังกรแล้ว” ระหว่างที่พูดออกมานั้นสายตาของซูอานก็จับจ้องอยู่ที่บ่อซึ่งไร้จุดจบนี้อย่างสงบนิ่ง.. เหอหลิงซีเฝ้ารอซูอานด้วยความกระ วนกระวายใจมานานถึงสองวันเต็มๆเพราะเป็นห่วงปู่ของเธอที่กําลังรอคอยการกลับไปของเธออยู่เมื่อได้ยินเสียงของซูอานเธอก็รีบหันไปสั่งลูกน้องทันที “อาตํา อาเอ่อ พวกเจ้าสองคนจัดการเปิดทางที่!” “ครับคุณหนูเหอ!” บอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองคนพยักหน้าและเดินนําหน้าไปพร้อมกับใช้มีดในมือตัดกิ่งไม้ที่ขึ้นขวางทางอยู่เต็มไปหมด เพื่อเปิดทาง ตลอดระยะทางจากหน้าผาที่พวกเขาอยู่เวลานี้ไปจนถึงบ่อโลหิตมัง กรนั้น มีลมกรรโชกรุนแรงจึงทําให้การเดินทางค่อนข้างลําบากมากขึ้น.. ทั้งหมดใช้เวลาเดินทางร่วมสองชั่ว โมงกว่าจะเดินลงไปถึงพื้นด้านล่างของหน้าผาและบ่อโลหิตมังกรก็อยู่ห่างจาก ที่นั่นไปราวห้าสิบเมตร น้ําที่อยู่ภายในบ่อโลหิตมังกรนั้นไม่ได้ เป็นเลือดจริงๆเหมือนกับชื่อของมันเป็นเพียงแต่น้ําที่เห็นเป็นสีดําสนิท เนื่อง จากมีความลึกชนิดที่ไม่อาจหากันบ่อได้และเวลานี้ผิวน้ําก็ดูสงบนิ่งอย่างที่สุด ไม่คลื่นลมแม้แต่ระลอกเดียว.. ซูอานได้รับรู้ข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับบ่อ โลหิตมังกรแห่งนี้จากตาหวงมาบ้างแล้วตามตํานานโบร่ําโบราณที่เล่าต่อๆกันมา นั้น ว่ากันว่าบ่อโลหิตมังกรซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่ม เด็ก สาว หรือว่าผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านต่างก็พากันหวาดกลัวนั้น เมื่อก่อนก็เป็นเพียงบ่อน้ําธรรมดาทั่วไปที่ชาวบ้านมาใช้บริโภคอยู่เป็นประจํา น้ําของมันไม่เพียงใสสะอาดแต่ยังมีรสหวานอร่อยอีกด้วย.. แต่แล้ววันหนึ่ง จู่ๆท้องฟ้าก็มีเสียงคํา รามดังกึกก้องและมีฟ้าผ่าลงมาอย่างรุน แรง ชาวบ้านในแถบนั้นต่างก็พากันหวาดกลัวอย่างมาก ทุกคนจึงพากันหลบอยู่ แต่ในบ้านไม่กล้าออกมาในระหว่างนั้น ก็ได้แต่แอบดูเหตุการณ์ด้านนอกผ่านทางหน้าต่างเท่านั้น และสิ่งที่ชาวบ้าน เห็นก็ทําให้พวกเขาต้องจดจําไปชั่วชีวิตเลยทีเดียว.. มันคือภาพของหัวมังกรขนาดใหญ่ที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า และตกลงไปในบ่อโลหิตมังกรแห่งนี้ นับจากนั้นมาน้ําในบ่อที่เคยใสและ หวานอร่อย ก็ได้กลายเป็นสีแดงราวกับเลือดและก็ไม่มีชาวบ้านคนใดกล้าเข้าใกล้บ่อน้ําแห่งนี้อีกเลย! ชาวบ้านต่างก็ร่ําลือกันว่า มันเป็นการแสดงพลังอํานาจของมันกร!
เมื่อไปถึงซูอานก็ขึ้นไปยืนบนหินก้อนใหญ่และจ้องมองลงไปในผืนน้ําแห่งนี้เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ภายในบ่อนั้นจะแข็งแกร่งและอันตรายมากเพียงใด?ทําให้เขาเริ่มรู้สึกถึงความยากลําบากขึ้น มา.. เหอหลิงซีเดินตรงเข้าไปหาซูอานดวงตาทั้งคู่จ้องมองลงไปในบ่อโลหิ ตมังกรด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณชายซู คุณคิดว่าสมบัติที่ร่ําลือกันอยู่ที่ไหนกันแน่? ใต้บ่อนี้จริงๆหรือเป ล่า?” ซูอานพยักหน้า “เป็นไปได้มากทีเดียว!” “ถ้าอยู่ใต้บ่อนี้จะทํายังไงดี?ใครจะกล้าลงไป..” เหอหลิงซีร้องออกมาด้วยความกังวลและกระวนกระวายใจทันที เวลานี้ปู่ของเธอป่วยหนักและไม่อาจรอคอยเวลาได้ไม่ว่าหมอเก่งๆที่ไหนก็ไม่สามารถรักษาปู่ของเธอให้หายได้ “ข้าจะไปสํารวจบริเวณรอบๆบ่อดูก่อน!” หลังจากเดินสํารวจดูรอบๆอยู่ครู่ใหญ่อย่างละเอียดในที่สุดซูอานก็ค้นพบร่องรอยบางสิ่งบางอย่าง.. ด้านหลังม่านน้ําตกนั้น เขาพบกดิ์ นอายของสมุนไพรชนิดหนึ่งมันคือสมุนไพรที่เขาไม่คาดคิดว่าจะพบเจอที่นี่! ในโลกก่อนหน้าที่เขาจากมานั้นสมุนไพรที่ว่านี้มีอยู่ดาษดื่นเขาเดินเหยียบย่ําจนตายไปก็มากมายมันไม่ต่างจากต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่ทั่วไปและหาค่าอะไรไม่ได้บนโลกใบนี้ และหากเขามีสมุนไพรพลังชีวิตและมีหินพลังชีวิตเขาก็จะสามารถสร้างค่ายกลกักเก็บพลังชีวิตได้ การสร้างค่ายกลกักเก็บพลังชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ซูอานคิดที่จะทํานานแล้วเพราะหากเขาสามารถทําได้จริงต่อไปก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องพลังชีวิตที่ขาดแคลนอีกและเขาก็จะได้สามารพัฒนาขั้นพลังของตนเองได้อย่างไม่มีข้อจํากัด.. “เจ้ารอข้าอยู่ที่นั่นก่อน แล้วข้าจะรีบก ลับมา!” ซูอานร้องตะโกนบอกเหอหลิงซี แล์ วกระโจนลงไปในบ่อโลหิตมังกรทันที! เหอหลิงซีเห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องตะโก นบอกซูอานด้วยความกระวนกระวายใจ“นี่คุณ.. คุณไม่กลัวตายหรือยังไง? ข้าง ล่างนั้นมีสัตว์ประหลาดอยู่นะ..” ซูอานว่ายตรงไปที่น้ําตกแห่งนั้นทันที และเวลานี้อุณหภูมิของน้ําก็เย็นราวกับน้ําแข็งซูอานจําเป็นต้องโคจรพลังชีวิต ไปทั่วร่างกายของตนเองเพื่อไม่ให้หนาวจนแข็งตายและเมื่อไปถึงตีนน้ําตกซูอานก็ปีนขึ้นไปบนหน้าผาทันทีโดยไม่สนใจสายน้ําที่ซัดสาดลงมา อย่างรุนแรงและต่อเนื่อง.. หน้าผาแห่งนี้แทบจะเป็นพื้นเรียบไม่มี ที่ให้เกาะปีนขึ้นไปได้เลย อีกทั้งยังมีต้นมอสเกาะอยู่เต็มไปหมด หากเป็น คนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่มีทางปืนขึ้นไปได้อย่างแน่นอน.. แต่ซูอานไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เขา ถ่ายเทพลังชีวิตไปที่ฝ่ามือของตนเองและเวลานี้ฝ่ามือของเขาก็เกาะติดกับหินไม่ต่างจากตีนตุ๊กแก เวลานี้ซูอานไม่ต่างจากตุ๊กแกที่เกาะ อยู่ตามผนังบ้าน และกําลังปืนขึ้นไปบนหน้าผาด้วยความรวดเร็วทุกคนที่เห็นจึงได้แต่ตกตะลึง! “นั่นเขาปีนขึ้นไปได้ยังไงกัน” “คุณชายซูไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!” ซันก เอ่ยออกมาด้วยความชื่นชม ในสายตาของเขานั้นไม่มีสิ่งใดที่ซูอานทําไม่ได้ เหอหลิงซีได้แต่กรอกตามองซันกที่ ชื่นชมซูอานไม่หยุด แล้วจึงหันไปมองซูอานต่อ หลังจากที่ปืนไปได้ครึ่งทาง ซูอานก พบสมุนไพรพลังชีวิต เขาจึงถอนมันออกมาเก็บไว้และกระโดดลงไปในบ่อ โลหิตมังกรอีกครั้ง แล้วค่อยๆว่ายกลับเข้าฝั่งไป เหอหลิงซีเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่บ่น พิมพ์ออกมา “คุณทําให้ฉันกลัวแทบตายฉันคิดว่าคุณจะถูกสัตว์ประหลา ดนั่นจับไปกินซะแล้ว!” ความจริงแล้วซูอานสามารถดําน้ําลง ไปได้ลึกในระดับหนึ่งเลยทีเดียวแต่เพราะเขาไม่เห็นสิ่งใดอยู่ใต้น้ํา และมองไม่ เห็นแม้แต่กันบ่อว่าสิ้นสุดที่ใดเขาจึงยังไม่คิดที่จะดําลงไปในตอนนี้ หลังจากขึ้นมาบนฝั่งแล้ว ซูอานก็ถอด เสื้อผ้าที่เปียกน้ําของตนเองออกแล้วจัดการหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ในกระเป๋าเป้ ของตนออกมาใส่โท่งๆตรงนั้นเลย เหอหลิงซีเห็นเช่นนั้นจึงรีบยกมือทั้ง สองข้างขึ้นปิดตาตัวเองไว้ พร้อมกับร้องโวยวายเสียงดัง“ทุเรศอุจาดที่สุด!” ซูอานยิ้มออกมาเล็กน้อย และไม่สนใจ ท่าทีของเหอหลิงซี หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็เอาแต่ชื่นชมสมุนไพรพลังชีวิตในมือของตนเอง สมุนไพรพลังชีวิตต้นนี้นับว่าเหนือ ความคาดหมายของซูอานมาก เพราะพลังชีวิตที่มันปลดปล่อยออกมาอย่างต่อ เนื่องนั้นมีไม่น้อยทีเดียวและด้วยสมุนไพรพลังชีวิตต้นนี้เพียงแค่ต้นเดียวเขา สามารถกลั่นให้เป็นหยดพลังชีวิตซึ่งเป็นของเหลวเก็บไว้ในขวดได้อีกด้วย และไม่อาจประมาทขวดของเหลวพลัง ชีวิตขวดนี้ของเขาได้ เพราะหากคนธรรมดาทั่วไปได้รับหยดพลังชีวิตของเขา เข้าไป ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานในระดับกลางได้ในทันที.. หลังจากที่หายตกใจแล้วเหอหลิงซีก็หันไปจ้องมองสมุนไพรพลังชีวิตในมือของซูอานพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นี่มันกลัวไม้หวายนี่!”
นิยาย ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 67 : กล้วยไม้หวาย
บทที่ 67 : กล้วยไม้หวาย
“หรือว่าสัตว์ประหลาดนั่นจะออกมาอา ละวาดตอนกลางวัน?!”
เหอหลิงซี่ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับ รีบวิ่งตรงไปที่ขอบหน้าผาทันที และคนอื่นๆก็วิ่งตามไปด้วย แต่ทั้งหมดก็เห็น เพียงแค่คลื่นขนาดมหึมาอยู่ภายในบ่อโลหิตมังกรเท่านั้น และเสียงกรีดร้อง เมื่อครู่ก็เงียบหายไป
ซูอานหรี่ตาลงเล็กน้อยในขณะที่กําลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และสิ่งที่เขาเห็นนั้นก็แตกต่างจากที่เหอหลิงซีและคนอื่นๆเห็น เขาเห็นร่างอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ว่ายอยู่ในบ่อโลหิตมังกรแต่ แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว
บ่อโลหิตมังกรแห่งนี้ไม่ใช่บ่อน้ําธรรม ดาๆแน่ มันมันอะไรบางอย่างที่อันตรายมากอยู่ข้างล่าง และดูเหมือนจะไม่สา มารถจัดการได้ง่ายๆด้วย
ซูอานได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ เขาสํารวจมองไปรอบๆบริเวณก็พบว่า พื้นที่รอบๆบริเวณบ่อมังกรแห่งนี้ นับเป็ นสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยล้ําเลิศมากแห่งหนึ่ง
แน่นอนว่าที่ใดมีฮวงจุ้ยที่ล้ําเลิศ ย่อม ต้องมีสมบัติล้ําค่าซ่อนอยู่ด้วยจึงเป็นธรรมดาที่จะมีเหล่าอสูรโผล่ออกมาคอยปก ป้องสมบัติล้ําค่าเหล่านั้น
ซูอานคาดว่าภายในบ่อโลหิตมังกร แห่งนี้จะต้องมีอสูรอาศัยอยู่เป็นแน่และต้องเป็นอสูรที่ร้ายกาจด้วย ดูเหมือนว่า สมบัติที่ว่านี้คงยากที่จะได้มาง่ายๆ
แต่ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด ซูอานก็ ไม่มีทางล้มเลิกอย่างแน่นอน หากนั่นจะเป็นหนทางให้เขาสามารถพัฒนาขั้น พลังของตนเองได้
ระหว่างนั้นซูอานก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิ ตที่ล่องลอยอยู่รอบตัวเขาจึงได้แต่ยิ้มออกมาและคิดอยู่ในใจว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้คงจะเหมาะยิ่งนักหากเขาจะเข้าสู่ขั้นต่อไปในสถานที่แห่งนี้เพราะความ หนาแน่นของพลังชีวิตบริเวณนี้มีมากพอที่จะช่วยให้เขาพัฒนาขั้นได้ จึงได้หันไปเจรจากับเหอหลิงซี..
“แม่นางเหอพวกเรามาเจรจาตกลงร่วมมือกันจะดีหรือไม่?”
เหอหลิงซีหันไปจ้องมองซูอานด้วยความงุนงงเธอกระพริบตาถี่ๆพร้อมกับ ถามขึ้นว่า “ร่วมมือยังไงเหรอ?”
“เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่รีว่า อสูรที่อยู่ใน บ่อโลหิตมังกรแห่งนี้ดุร้ายมากเพียงใดไม่ว่าเจ้าหรือข้าคนใดคนหนึ่งก็คงไม่อาจจัดการกับมันเพียงลําพังได้จะไม่ดีกว่าหรือหากพวกเราสองคนมาร่วมมือกัน เพื่อจะได้ในสิ่งที่พวกเราต่างก็ต้องการ..”
เหอหลิงซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าตกลง..
เธอรู้ดีว่าซูอานนั้นไม่ใช่คนที่เธอจะสา มารถจัดการได้ง่ายๆ เพราะเขาสามารถเอาชนะบอดี้การ์ดของเธอสิบกว่าคนได้ อย่างง่ายดาย เขาจึงนับเป็นคู่สู้ที่เก่งกาจของเธอมากทีเดียว
และเรื่องที่ซูอานจัดการกับเหล่าผู้ฝึก ยุทธก่อนหน้านี้ เธอก็ได้รับรายงานเรียบร้อยแล้วเธอจึงเลือกที่จะมองการ ไกลไว้ก่อน ส่วนเรื่องที่ซูอานมีวรยุทธนั้นเหอหลิงซีไม่ได้นึกหวาดกลัวนัก เพราะเธอเองก็มีปืนและเธอก็จะพยายามที่จะอยู่ห่างจากซูอานให้มากที่สุด..
หลังจากที่ตกลงกันได้ทั้งสองคนก็จับมือกันสยบศึกเพื่อหาวิธีจัดการนําสมบัติใต้บ่อโลหิตมังกรขึ้นมา!
จากนั้นซูอานจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ก่อนที่จะลงมือใดๆข้าอยากจะใช้ที่นี่ เป็นสถานที่ฝึกฝนวิชาเสียก่อน เพราะที่ นี่มีพลังงานบางอย่างที่ร่างกายของข้าองการหากพลังภายในของข้าแกร่งกล้าขึ้นเมื่อใดข้าก็จะสามารถจัดการกับสิ่งที่อยู่ใต้น้ําได้..”
“ได้สิ! แต่คุณต้องเร่งมือหน่อย”
“ข้าขอเวลาสองวัน..”
หลังจากที่ตกลงเจรจากันเรียบร้อย แล้ว ซูอานจึงปีนขึ้นไปบนหน้าผาแห่งหนึ่งและเริ่มนั่งขัดสมาธิฝึกฝนวิชา โดย มีซันกยืนอารักขาอยู่เงียบๆ
พลังชีวิตจํานวนมากที่ล่องลอยอยู่ร อบๆบริเวณ ได้ถูกซูอานดูดซับเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่องนานถึงสองวันเต็ม และเวลานี้จุดตันเถียนของเขาก็อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิต
ซูอานไม่กลัวว่าซันกกับเหอหลิงซีจะ หักหลังด้วยการทําร้ายตนเองเพราะเหอหลิงซียังต้องการความช่วยเหลือจาก เขา ในขณะที่ซันกูก็ต้องการผลประโยชน์จากเขาเช่นกัน
การพัฒนาขั้นพลังของซูอานในครั้งนี้ เป็นไปอย่างง่ายดาย และในที่สุดเขาก็สามารถสําเร็จขั้นก่อสร้างรากฐานได้สําเร็จแล้ว..
การสําเร็จขั้นก่อสร้างรากฐานนี้ หมายความว่า ซูอานได้เข้าสู่ขั้นของผู้ฝึกยุทธโดยสมบูรณ์แล้ว และยิ่งซูอาน สามารถพัฒนาขั้นได้เช่นนี้ก็ยิ่งทําให้ซันกนับถือเขามากยิ่งๆขึ้นไปอีก 36Q4
หลังจากนั่งขัดสมาธิหลับตานิ่งอยู่นาน ถึงสองวัน ในที่สุดซูอานก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ! ข้าพร้อมจะลงไปสํารวจบ่อโล หิตมังกรแล้ว” ระหว่างที่พูดออกมานั้นสายตาของซูอานก็จับจ้องอยู่ที่บ่อซึ่งไร้จุดจบนี้อย่างสงบนิ่ง..
เหอหลิงซีเฝ้ารอซูอานด้วยความกระ วนกระวายใจมานานถึงสองวันเต็มๆเพราะเป็นห่วงปู่ของเธอที่กําลังรอคอยการกลับไปของเธออยู่เมื่อได้ยินเสียงของซูอานเธอก็รีบหันไปสั่งลูกน้องทันที
“อาตํา อาเอ่อ พวกเจ้าสองคนจัดการเปิดทางที่!”
“ครับคุณหนูเหอ!”
บอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองคนพยักหน้าและเดินนําหน้าไปพร้อมกับใช้มีดในมือตัดกิ่งไม้ที่ขึ้นขวางทางอยู่เต็มไปหมด เพื่อเปิดทาง ตลอดระยะทางจากหน้าผาที่พวกเขาอยู่เวลานี้ไปจนถึงบ่อโลหิตมัง กรนั้น มีลมกรรโชกรุนแรงจึงทําให้การเดินทางค่อนข้างลําบากมากขึ้น..
ทั้งหมดใช้เวลาเดินทางร่วมสองชั่ว โมงกว่าจะเดินลงไปถึงพื้นด้านล่างของหน้าผาและบ่อโลหิตมังกรก็อยู่ห่างจาก ที่นั่นไปราวห้าสิบเมตร
น้ําที่อยู่ภายในบ่อโลหิตมังกรนั้นไม่ได้ เป็นเลือดจริงๆเหมือนกับชื่อของมันเป็นเพียงแต่น้ําที่เห็นเป็นสีดําสนิท เนื่อง จากมีความลึกชนิดที่ไม่อาจหากันบ่อได้และเวลานี้ผิวน้ําก็ดูสงบนิ่งอย่างที่สุด ไม่คลื่นลมแม้แต่ระลอกเดียว..
ซูอานได้รับรู้ข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับบ่อ โลหิตมังกรแห่งนี้จากตาหวงมาบ้างแล้วตามตํานานโบร่ําโบราณที่เล่าต่อๆกันมา นั้น ว่ากันว่าบ่อโลหิตมังกรซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่ม เด็ก สาว หรือว่าผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านต่างก็พากันหวาดกลัวนั้น เมื่อก่อนก็เป็นเพียงบ่อน้ําธรรมดาทั่วไปที่ชาวบ้านมาใช้บริโภคอยู่เป็นประจํา น้ําของมันไม่เพียงใสสะอาดแต่ยังมีรสหวานอร่อยอีกด้วย..
แต่แล้ววันหนึ่ง จู่ๆท้องฟ้าก็มีเสียงคํา รามดังกึกก้องและมีฟ้าผ่าลงมาอย่างรุน แรง ชาวบ้านในแถบนั้นต่างก็พากันหวาดกลัวอย่างมาก ทุกคนจึงพากันหลบอยู่ แต่ในบ้านไม่กล้าออกมาในระหว่างนั้น ก็ได้แต่แอบดูเหตุการณ์ด้านนอกผ่านทางหน้าต่างเท่านั้น และสิ่งที่ชาวบ้าน เห็นก็ทําให้พวกเขาต้องจดจําไปชั่วชีวิตเลยทีเดียว..
มันคือภาพของหัวมังกรขนาดใหญ่ที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า และตกลงไปในบ่อโลหิตมังกรแห่งนี้
นับจากนั้นมาน้ําในบ่อที่เคยใสและ หวานอร่อย ก็ได้กลายเป็นสีแดงราวกับเลือดและก็ไม่มีชาวบ้านคนใดกล้าเข้าใกล้บ่อน้ําแห่งนี้อีกเลย!
ชาวบ้านต่างก็ร่ําลือกันว่า มันเป็นการแสดงพลังอํานาจของมันกร!
เมื่อไปถึงซูอานก็ขึ้นไปยืนบนหินก้อนใหญ่และจ้องมองลงไปในผืนน้ําแห่งนี้เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ภายในบ่อนั้นจะแข็งแกร่งและอันตรายมากเพียงใด?ทําให้เขาเริ่มรู้สึกถึงความยากลําบากขึ้น มา..
เหอหลิงซีเดินตรงเข้าไปหาซูอานดวงตาทั้งคู่จ้องมองลงไปในบ่อโลหิ ตมังกรด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณชายซู คุณคิดว่าสมบัติที่ร่ําลือกันอยู่ที่ไหนกันแน่? ใต้บ่อนี้จริงๆหรือเป ล่า?”
ซูอานพยักหน้า “เป็นไปได้มากทีเดียว!”
“ถ้าอยู่ใต้บ่อนี้จะทํายังไงดี?ใครจะกล้าลงไป..”
เหอหลิงซีร้องออกมาด้วยความกังวลและกระวนกระวายใจทันที เวลานี้ปู่ของเธอป่วยหนักและไม่อาจรอคอยเวลาได้ไม่ว่าหมอเก่งๆที่ไหนก็ไม่สามารถรักษาปู่ของเธอให้หายได้
“ข้าจะไปสํารวจบริเวณรอบๆบ่อดูก่อน!”
หลังจากเดินสํารวจดูรอบๆอยู่ครู่ใหญ่อย่างละเอียดในที่สุดซูอานก็ค้นพบร่องรอยบางสิ่งบางอย่าง..
ด้านหลังม่านน้ําตกนั้น เขาพบกดิ์ นอายของสมุนไพรชนิดหนึ่งมันคือสมุนไพรที่เขาไม่คาดคิดว่าจะพบเจอที่นี่!
ในโลกก่อนหน้าที่เขาจากมานั้นสมุนไพรที่ว่านี้มีอยู่ดาษดื่นเขาเดินเหยียบย่ําจนตายไปก็มากมายมันไม่ต่างจากต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่ทั่วไปและหาค่าอะไรไม่ได้บนโลกใบนี้
และหากเขามีสมุนไพรพลังชีวิตและมีหินพลังชีวิตเขาก็จะสามารถสร้างค่ายกลกักเก็บพลังชีวิตได้
การสร้างค่ายกลกักเก็บพลังชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ซูอานคิดที่จะทํานานแล้วเพราะหากเขาสามารถทําได้จริงต่อไปก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องพลังชีวิตที่ขาดแคลนอีกและเขาก็จะได้สามารพัฒนาขั้นพลังของตนเองได้อย่างไม่มีข้อจํากัด..
“เจ้ารอข้าอยู่ที่นั่นก่อน แล้วข้าจะรีบก ลับมา!”
ซูอานร้องตะโกนบอกเหอหลิงซี แล์ วกระโจนลงไปในบ่อโลหิตมังกรทันที!
เหอหลิงซีเห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องตะโก นบอกซูอานด้วยความกระวนกระวายใจ“นี่คุณ.. คุณไม่กลัวตายหรือยังไง? ข้าง ล่างนั้นมีสัตว์ประหลาดอยู่นะ..”
ซูอานว่ายตรงไปที่น้ําตกแห่งนั้นทันที และเวลานี้อุณหภูมิของน้ําก็เย็นราวกับน้ําแข็งซูอานจําเป็นต้องโคจรพลังชีวิต ไปทั่วร่างกายของตนเองเพื่อไม่ให้หนาวจนแข็งตายและเมื่อไปถึงตีนน้ําตกซูอานก็ปีนขึ้นไปบนหน้าผาทันทีโดยไม่สนใจสายน้ําที่ซัดสาดลงมา อย่างรุนแรงและต่อเนื่อง..
หน้าผาแห่งนี้แทบจะเป็นพื้นเรียบไม่มี ที่ให้เกาะปีนขึ้นไปได้เลย อีกทั้งยังมีต้นมอสเกาะอยู่เต็มไปหมด หากเป็น คนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่มีทางปืนขึ้นไปได้อย่างแน่นอน..
แต่ซูอานไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เขา ถ่ายเทพลังชีวิตไปที่ฝ่ามือของตนเองและเวลานี้ฝ่ามือของเขาก็เกาะติดกับหินไม่ต่างจากตีนตุ๊กแก
เวลานี้ซูอานไม่ต่างจากตุ๊กแกที่เกาะ อยู่ตามผนังบ้าน และกําลังปืนขึ้นไปบนหน้าผาด้วยความรวดเร็วทุกคนที่เห็นจึงได้แต่ตกตะลึง!
“นั่นเขาปีนขึ้นไปได้ยังไงกัน”
“คุณชายซูไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!” ซันก เอ่ยออกมาด้วยความชื่นชม ในสายตาของเขานั้นไม่มีสิ่งใดที่ซูอานทําไม่ได้
เหอหลิงซีได้แต่กรอกตามองซันกที่ ชื่นชมซูอานไม่หยุด แล้วจึงหันไปมองซูอานต่อ
หลังจากที่ปืนไปได้ครึ่งทาง ซูอานก พบสมุนไพรพลังชีวิต เขาจึงถอนมันออกมาเก็บไว้และกระโดดลงไปในบ่อ โลหิตมังกรอีกครั้ง แล้วค่อยๆว่ายกลับเข้าฝั่งไป
เหอหลิงซีเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่บ่น พิมพ์ออกมา “คุณทําให้ฉันกลัวแทบตายฉันคิดว่าคุณจะถูกสัตว์ประหลา ดนั่นจับไปกินซะแล้ว!”
ความจริงแล้วซูอานสามารถดําน้ําลง ไปได้ลึกในระดับหนึ่งเลยทีเดียวแต่เพราะเขาไม่เห็นสิ่งใดอยู่ใต้น้ํา และมองไม่ เห็นแม้แต่กันบ่อว่าสิ้นสุดที่ใดเขาจึงยังไม่คิดที่จะดําลงไปในตอนนี้
หลังจากขึ้นมาบนฝั่งแล้ว ซูอานก็ถอด เสื้อผ้าที่เปียกน้ําของตนเองออกแล้วจัดการหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ในกระเป๋าเป้ ของตนออกมาใส่โท่งๆตรงนั้นเลย
เหอหลิงซีเห็นเช่นนั้นจึงรีบยกมือทั้ง สองข้างขึ้นปิดตาตัวเองไว้ พร้อมกับร้องโวยวายเสียงดัง“ทุเรศอุจาดที่สุด!”
ซูอานยิ้มออกมาเล็กน้อย และไม่สนใจ ท่าทีของเหอหลิงซี หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็เอาแต่ชื่นชมสมุนไพรพลังชีวิตในมือของตนเอง
สมุนไพรพลังชีวิตต้นนี้นับว่าเหนือ ความคาดหมายของซูอานมาก เพราะพลังชีวิตที่มันปลดปล่อยออกมาอย่างต่อ เนื่องนั้นมีไม่น้อยทีเดียวและด้วยสมุนไพรพลังชีวิตต้นนี้เพียงแค่ต้นเดียวเขา สามารถกลั่นให้เป็นหยดพลังชีวิตซึ่งเป็นของเหลวเก็บไว้ในขวดได้อีกด้วย
และไม่อาจประมาทขวดของเหลวพลัง ชีวิตขวดนี้ของเขาได้ เพราะหากคนธรรมดาทั่วไปได้รับหยดพลังชีวิตของเขา เข้าไป ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานในระดับกลางได้ในทันที..
หลังจากที่หายตกใจแล้วเหอหลิงซีก็หันไปจ้องมองสมุนไพรพลังชีวิตในมือของซูอานพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“นี่มันกลัวไม้หวายนี่!”