ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่499 ขอบุตร
ฮั่วตงถิงมาพบดึกดื่นขนาดนี้ จะต้องมีเรื่องเร่งด่วนเป็นแน่
โจวเสาจิ่นปรนนิบัติเฉิงฉือสวมรองเท้า แล้วไปที่โถงรับแขก
ฮั่วตงถิงเห็นโจวเสาจิ่นมิได้มีท่าทางประหลาดใจแต่อย่างใด จึงลังเลครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่า
เฉิงฉือก็มิได้ว่าอะไรเช่นกัน เขาก็อดชําเลืองมองโจวเสาจิ่นทีหนึ่งไม่ได้ แล้วจึงกล่าวว่า “นายท่าน
สี่ ท่านให้คนไปปล่อยข่าวลวงว่าไท่จื่อประชวร หมอหลวงหวังจากสํานักหมอหลวงผู้นั้นก็รีบรุดไป
ตําหนักบูรพาตามคาดขอรับ องค์ชายสาม องค์ชายเจ็ดและองค์ชายทั้งหลายที่ยังไม่มีบรรดาศักดิ์
และอาณาเขตปกครองต่างมิได้เสด็จออกมาเคลื่อนไหว มีแต่ตําหนักขององค์ชายสี่กับหวงไท่ซุนที่
ทรงเคลื่อนไหว ทางด้านตําหนักของหวงไท่ซุนนั้นหวงไท่ซุนทรงเสด็จไปยังตําหนักบูรพาในทันที
ทว่าทางด้านองค์ชายสี่กลับมีคนไปติดต่อกับคนของตําหนักบูรพา เนื่องจากอยู่ไกลเกินไป พวก
ข้าเลยไม่ได้ยินชัดเจนว่าคนของตําหนักองค์ชายสี่กับคนของตําหนักบูรพาพูดอะไรบ้าง แต่พวก
ข้าจําคนที่ติดต่อกับตําหนักขององค์ชายสี่ได้ ต่อไปจะหาทางติดต่อเขา ดูว่าเขาให้ข้อมูลอะไรแก่
องค์ชายสี่ขอรับ”
เฉิงฉือพยักหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา พลางกล่าวว่า “พวกเจ้าระวังตัวด้วย”
เหตุการณ์ต่างๆ ในชาติก่อนมิอาจปล่อยให้เกิดขึ้นซํ้าได้ ผู้ที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์
เหล่านั้นมาก่อนย่อมไม่รู้สถานการณ์ภายใน ตอนนี้เขาค่อนข้างกังวลว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้
งูตื่น เหตุการณ์ต่างๆ ในชาติก่อนแปรเปลี่ยนไปแล้ว ทําให้อันตรายที่เดิมทีควรจะเกิดขึ้นถูกเลื่อน
ออกไป หรือไม่ก็หลบซ่อนอยู่ในซอกมุมหนึ่งที่เขามิได้สังเกต แล้วยามที่เขาคลายความระมัดระวัง
ลงก็จะโผล่ออกมา แล้วโจมตีเขาโดยไม่ได้ตั้งตัว
4643
หากมีเขาเพียงผู้เดียว เขาย่อมไม่หวาดหวั่น อย่างไรก็หลบหนีไปได้ แต่ตอนนี้เขามีเสาจิ่น
มารดา และอาจจะมีบุตรด้วยก็ได้… พอคิดถึงบุตร เขาก็อดก้าวมาสวมกอดโจวเสาจิ่นไม่ได้ แล้ว
หอมแก้มนางฟอดหนึ่ง
เฉิงฉือปล่อยข่าวลวงออกไป ในบรรดาองค์ชายทั้งหลายมีเพียงองค์ชายสี่กับหวงไท่ซุนที่
เสด็จออกมาเคลื่อนไหว หวงไท่ซุนทรงเป็นพระโอรสของไท่จื่อ การที่ทรงทราบสถานการณ์ของ
ไท่จื่อมิได้น่าสงสัยแต่อย่างใด ทว่าองค์ชายสี่กลับทรงทราบ… นอกจากนี้ในชาติที่แล้วเขาก็ได้เป็น
ฮ่องเต้ด้วย นี่จะได้ทําให้ผู้คนเกิดความคิดไปต่างๆ นานา
โจวเสาจิ่นเองก็พะวงถึงอนาคตของตระกูลเฉิงเช่นกัน นางกอดเฉิงฉือกลับแน่นๆ อย่าง
อดไม่ได้ กระซิบปลอบเขาว่า “ตอนนี้ซอยจิ่วหรูแยกตระกูลกันแล้ว จวนห้าย่อมมิใช่ตัวปัญหาเป็น
แน่ พวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะดึงความสนใจขององค์ฮ่องเต้ได้หรอกเจ้าค่ะ ส่วนจวนสี่
ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีท่านอาหยวนเพียงคนเดียวที่รับราชการอยู่ต่างถิ่น จึงเป็นไป
ไม่ได้ที่จะก่อเรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนั้น…”
ตรงกันข้ามกับจวนหลัก… โดยเฉพาะเฉิงจิงของจวนหลักที่มีความเป็นไปได้ที่สุดว่าจะทํา
ให้ทุกคนเดือดร้อน
ถ้าหากเรื่องของตระกูลเฉิงเกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่จริงๆ และองค์ชายสี่ทรงเป็นฮ่องเต้ที่
ฟ้าลิขิตไว้ล่ะก็ พวกเขาจะเอาชนะองค์ชายสี่ได้หรือ
นางกลืนถ้อยคํานี้ลงไปมิได้เอ่ยออกมา แล้วกล่าวต่อไปว่า “ตอนนี้พวกเราล้วนอยู่ที่จิงเฉิง
ขอเพียงระมัดระวังการกระทํา ก็คงไม่เกิดเรื่องที่ทําให้ราชวงศ์หวาดระแวงถึงจะถูกนะเจ้าคะ”
อยู่ด้วยกัน?
ประโยคนี้สะกิดใจเฉิงฉือ
4644
เขาปรึกษากับโจวเสาจิ่นว่า “เสาจิ่น ทางด้านพี่ใหญ่มีข้าจับตาดูอยู่ ส่วนทางด้านพี่รอง
นั้น เจ้าจะต้องไปเยี่ยมเยี่ยนให้มากสักหน่อยถึงจะดี”
เฉิงเว่ยอยู่ในสํานักฮั่นหลิน เป็นผู้ใกล้ชิดโอรสสวรรค์ ก็เป็นที่ที่ง่ายจะเกิดเรื่องขึ้นได้ที่หนึ่ง
โจวเสาจิ่นพยักหน้าพลางถามว่า “ข้าควรเฝ้าระวังอะไรบ้างเจ้าคะ”
เฉิงฉือตอบว่า “จับตาดูว่าครอบครัวของพี่รองผูกสัมพันธ์กับผู้ใดบ้างก็พอแล้ว”
ในสํานักฮั่นหลินเขาหาคนมาจับตามองเฉิงเว่ยได้ แต่เรื่องต่างๆ ในเรือนชั้นในกลับมิได้
ง่ายดายถึงเพียงนั้น
แต่พูดตามตรง เขาค่อนข้างเชื่อว่าผู้ที่ก่อเรื่องขึ้นเป็นเฉิงจิงพี่ชายใหญ่ของเขาเสีย
มากกว่า
เนื่องจากหายนะเช่นนี้ มิใช่ว่าใครก็เป็นผู้ก่อได้
ส่วนทางด้านพี่ชายรองกลัวแต่ว่าเขาถูกคนใช้ประโยชน์
นี่หาได้เป็นปัญหาไม่
โจวเสาจิ่นเล่าเรื่องที่ชิวซื่อนัดนางไปดูตัวคุณหนูตระกูลเซี่ยให้เฉิงฉือฟัง
เฉิงฉือประหลาดใจเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ฐานะของตระกูลเซี่ยมิได้สูงศักดิ์
นัก เหตุใด
พี่สะใภ้รองถึงสนใจแม่นางจากตระกูลเซี่ยหรือ”
“หรือไม่ก็คงอยากจะแต่งบุตรสะใภ้ที่มีฐานะตระกูลตํ่ากว่าเล็กน้อยกระมังเจ้าคะ!” โจว
เสาจิ่นตอบ “จะได้มีความขัดแย้งกันน้อยลงสักหน่อย”
เฉิงฉือกําชับนางว่าเมื่อถึงตอนนั้นให้พาบ่าวรับใช้ข้างกายเพิ่มอีกสองสามคน “อย่าให้ถูก
ผู้อื่นล่วงเกิน”
4645
เด็กน้อยของเขาหน้าตางดงามสะคราญ เขาไม่อยากให้นางไปถูกตาต้องใจผู้ใด
ทว่าโจวเสาจิ่นกลับไม่เคยรู้สึกว่าตนเองงามผุดผาดแต่อย่างใด เมื่อได้ยินแล้วเพียงคิดว่า
เฉิงฉือเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง จึงรับคํายิ้มๆ แล้วจูงเฉิงฉือกลับห้องนอน “ท่านพักผ่อนให้
เร็วสักหน่อย มิได้บอกว่าพรุ่งนี้ต้องไปเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้หรอกหรือเจ้าคะ”
องค์ฮ่องเต้ทรงเรียกเฉิงฉือไปเข้าเฝ้าในตอนเช้า
ก่อนการตัดสินใจย่อมยากเป็นธรรมดา แต่ครั้นตัดสินใจได้แล้ว ก็ได้แต่มุ่งไปข้างหน้า
อย่างอาจหาญเท่านั้น
อารมณ์ของเฉิงฉือสงบลงเป็นอย่างมาก
เขาคลี่ยิ้มพลางปล่อยให้โจวเสาจิ่นจูงเขาเข้าห้องนอน แล้วร่วมรักกับโจวเสาจิ่นใต้ผ้าห่ม
สามีภรรยากอดรัดเกี่ยวกระหวัดกันรอบหนึ่ง กระทั่งเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า โจวเสาจิ่นยังคง
หลับใหล เขาจุมพิตนางหลายทีนางเพียงร้องครางสองครั้ง แล้วพลิกตัวนอนต่อ
เฉิงฉือหลุดยิ้ม สวมเสื้อผ้าแล้วไปเข้าวัง
ตอนที่โจวเสาจิ่นตื่นขึ้นมาก็มิได้ขยับตัวนานครู่ใหญ่
นางไม่รู้ว่าเฉิงฉือจะบ้าคลั่งได้ถึงขั้นนี้… ต่อไปนางจะไม่ร่วมทําตัวเหลวไหลกับเขาอีกแล้ว
ยังดีที่ผู้ที่เลิกผ้าม่านเข้ามาปรนนิบัตินางลุกจากเตียงคือฝานมามา
ในชาติที่แล้ว มีสภาพอะไรของนางบ้างที่ฝานมามาไม่เคยเห็นมาก่อน ในชีวิตนี้นาง
กับเฉิงฉือเป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริง เฉิงฉือชื่นชอบนาง ฝานมามาเห็นแล้วคงได้แต่รู้สึกปีติ
ยินดีกระมัง
นางสํารวจมองฝานหลิวซื่อ
4646
ใบหน้าของฝานหลิวซื่อยากจะปกปิดรอยยิ้มเอาไว้ได้ตามคาด
โจวเสาจิ่นวางใจลงมา ให้แม่นมช่วยนางล้างหน้าล้างตัว จากนั้นก็ออกมาจากห้อง
อาบนํ้าอย่างสดชื่น มุ่นผมเป็นมวยตํ่า และเปลี่ยนไปสวมเสื้อคลุมตัวสั้นสําหรับสวมใส่อยู่บ้านตัว
หนึ่ง แล้ววิ่งไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัว
หลังจากผ่านวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งแล้ว อากาศก็แจ่มใสขึ้นมา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกําลังยืนอยู่ใต้ชายคามองดูบ่าวหญิงสองสามคนพรวนดิน เตรียมปลูก
ดอกซ่อนกลิ่นไว้หน้าเรือนของนาง
พอเห็นโจวเสาจิ่นมา นางก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าต้องการแปลงเรือนทิงเซียงให้กลายเป็น
สวนดอกไม้หรือ!”
“แปลงเป็นสวนดอกไม้มีอะไรไม่ดีหรือเจ้าคะ” ยิ่งได้สนิทสนมกับฮูหยินผู้เฒ่ากัว โจวเสา
จิ่นก็ยิ่งเคารพนับถือนาง และยิ่งชื่นชอบที่จะอยู่ใกล้ชิดนาง “ข้ายังให้คนไปหาดอกซีฝูไห่ถังสอง
ต้นมาด้วย รออีกสักพักก็จะปลูกไว้หน้าเรือนของท่าน เช่นนั้นจึงจะคึกคักมีชีวิตชีวานะเจ้าคะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะร่า เดินเข้าไปในเรือนโดยมีโจวเสาจิ่นช่วยประคอง พลางกล่าวว่า
“หากต้องการพูดถึงเรื่องคึกคักมีชีวิตชีวา พวกเจ้าก็เพิ่มหลานชายหรือหลานสาวสักคนให้ข้าเร็วๆ
ถึงจะคึกคักมีชีวิตชีวา”
ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นขึ้นสีแดงเรื่อ
ทว่าผ่านไปไม่กี่วัน ระดูของนางก็มา
นางใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย เมื่อกลับมาจากบ้านใหม่ของชิวซื่อ ได้ยินว่าเฉิง
เซิงก็ตั้งครรภ์แล้ว ตอนลงจากเกี้ยวนางก็รู้สึกราวกับทั้งตัวเต็มไปด้วยตะกั่วก็ไม่ปาน
4647
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวปลอบโยนนางว่า “เจ้าดูชิวซื่อสิ แต่งเข้าตระกูลพวกเรามานานหลายปีถึง
จะมีบุตร เจ้าอายุยังน้อย ไม่ต้องรีบร้อนหรอกๆ”
โจวเสาจิ่นจะไม่รู้สึกรีบร้อนได้อย่างไร
นางอยากให้พี่สาวช่วยแนะนํานาง แต่พอนึกถึงเรื่องที่เฉิงฉือบอกว่าเขาได้สัญญาต่อบิดา
ของนางว่าสองปีนี้จะไม่แตะต้องนาง นางก็เปลี่ยนใจอีก
บังเอิญเฉิงเจียส่งจดหมายมา บอกว่าตอนนี้ครรภ์ของนางมั่นคงแล้ว ความคิดของหลี่จิ้ง
คือ บุตรชายคนโตมิอาจให้กําเนิดข้างนอกได้ ตั้งใจว่าหลังจากร่วมงานแต่งของเฉิงสวี่แล้วจะ
กลับไปลั่วหยาง
โจวเสาจิ่นได้รับจดหมายแล้วอดกัดฟันไม่ได้ บอกชุ่ยหวนว่า “ข้าจะไปหานางวันนี้ เจ้าไป
บอกนางสักหน่อย”
ชุ่ยหวนรับคําแล้วออกไป
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากัวทราบเรื่องแล้วก็กล่าวว่า “ไปนั่งเล่นกับหลานเจียสักหน่อยก็ดี หาก
หลานเจียกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้พบหน้ากันอีกเมื่อใด”
โจวเสาจิ่นจึงนํายาโอสถเล็กน้อยติดไปด้วย
เฉิงเจียต้อนรับนางหน้าประตูชั้นใน
เมื่อเทียบกับคราวก่อน เฉิงเจียอ้วนขึ้นอีกแล้ว
โจวเสาจิ่นอดเบิกดวงตาโพลงไม่ได้
เฉิงเจียบ่นพึมพําว่า “วันๆ หลี่จิ้งเอาแต่ให้ข้ากินๆ ๆ ข้าจะไม่อ้วนได้อย่างไร เพียงแต่หมอ
ตําแยที่เชิญมาจากจิงเฉิงบอกให้ข้ากินให้น้อยแต่ขยับร่างกายให้มาก ทว่าพวกมามาที่มาจากลั่ว
4648
หยางกลับบอกให้ข้ากินให้มากแต่ขยับร่างกายให้น้อย ข้าคิดว่าหมอตําแยจากจิงเฉิงพูดได้มี
เหตุผล แต่หลี่จิ้งบอกว่ามามาทั้งหลายที่มาจากลั่วหยางต่างมากประสบการณ์ พี่สะใภ้น้องสะใภ้
ในตระกูลหลายคนล้วนได้พวกนางปรนนิบัติดูแล… ข้ากําลังโมโหเขาด้วยเรื่องนี้! เจ้ามาได้พอดี
คุยเล่นเป็นเพื่อนข้าที ประเดี๋ยวพวกเราไปเที่ยวถนนการค้ากัน”
“เรื่องไปเที่ยวก็ช่างมันเถอะ” ตอนนี้โจวเสาจิ่นไม่มีอารมณ์เช่นนั้น นางกระซิบข้างหูเฉิง
เจีย
เฉิงเจียหัวเราะร่วนขึ้นมา
โจวเสาจิ่นทั้งร้อนรนทั้งขุ่นเคือง ผลักนางทีหนึ่ง
ชุ่ยหวนพุ่งเข้ามาในทันที ประคองเฉิงเจียและมองโจวเสาจิ่นอย่างไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรหรอกๆ” เฉิงเจียโบกมือปัดชุ่ยหวน กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเรา
ก็ไปวัดหงหลัวแล้วกัน ข้าอยากออกไปเที่ยวข้างนอกเร็วๆ แล้ว”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า
เฉิงเจียบอกให้ชุ่ยหวนส่งจดหมายไปให้เฉิงเซิง “บอกว่าข้ากับเสาจิ่นตั้งใจจะไปถวายธูป
ถามนางว่าอยากไปแก้บนหรือไม่ หากอยากไปแก้บน อยากจะไปพร้อมกับพวกเราหรือไม่”
ชุ่ยหวนออกไปจัดเตรียมตามรับสั่ง
เฉิงเจียก็นอนเอกเขนกบนเตียงเตาริมหน้าต่างกับโจวเสาจิ่นพลางชวนคุยว่า “เจ้ารีบร้อน
ไปทําไม เจ้ายังอายุน้อยอยู่เลยนะ!”
4649
โจวเสาจิ่นก็ตอบไม่ได้แน่ชัดว่าทําไม เพียงแต่ปรารถนาอยากได้บุตรคนหนึ่งเหลือเกิน
โดยเฉพาะบุตรของเฉิงฉือ ทางที่ดีจะต้องหน้าตาเหมือนกับเฉิงฉือ ขณะที่พูดนางก็เผยรอยเฝ้าฝัน
ออกมาหลายส่วน
เฉิงเจียหัวเราะลั่น พูดเย้าแหย่นางว่า “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะชอบท่านอาฉือขนาดนี้ เมื่อพูด
ถึงเขาดวงตาก็เปล่งประกายวาววับ”
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร” โจวเสาจิ่นหน้าแดงเรื่อแล้วร่วมหัวเราะกับเฉิงเจีย
ทว่าพอได้หัวเราะออกมาอย่างนี้ อารมณ์ของนางก็ดีขึ้นมาก จวนจนตอนบ่ายเมื่อได้รับ
จดหมายตอบจากเฉิงเซิง บอกว่าพรุ่งนี้อยากจะไปวัดหงหลัวพร้อมกับพวกนาง อารมณ์ของนางก็
ดียิ่งขึ้นแล้ว
เมื่อกลับมาถึงบ้าน นางบอกอย่างเอียงอายว่าตนอยากจะไปวัดหงหลัว อยากจะไปแก้
บนเป็นเพื่อนเฉิงเซิง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมิใช่คเนที่ชอบกักตัวบุตรสะใภ้ไว้กับตัวประเภทนั้น ทั้งรู้นิสัยของเฉิงเซิงดี
จึงเห็นด้วยเป็นอย่างมากที่นางจะสนิทชิดเชื้อกับเฉิงเซิงให้มาก นางย่อมยินยอมเป็นธรรมดา
ทว่าพอนางบอกเรื่องนี้ให้เฉิงฉือ สีหน้าของเฉิงฉือกลับดูค่อนข้างกระดากอาย
เขาเอ่ยถามโจวเสาจิ่นเสียงค่อยว่า “คงมิใช่เจ้าที่อยากไปกระมัง” ขณะที่ถาม ก็โอบกอด
นางพร้อมกับปลอบโยนนางว่า “พวกเราล้วนไม่รีบร้อนอะไร เป็นข้าที่คิดว่าเจ้ายังเด็กเกินไป อีก
ทั้งสัญญากับพ่อภรรยาว่าจะไม่ร่วมหลับนอนกับเจ้า… รอให้ผ่านไปสักสองสามปีพวกเราย่อม
ต้องมีเจ้าตัวน้อยคนหนึ่งอย่างแน่นอน” และถามนางอีกว่า “ท่านแม่พูดอะไรต่อหน้าเจ้าใช่หรือไม่
พรุ่งนี้ข้าจะไปพูดกับนาง เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดการให้เอง”
โจวเสาจิ่นอึ้งงัน ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะเอ่ยว่า “ท่าน… ท่านไม่อยากมีลูกหรือเจ้าคะ”
4650
สายตานั้น เห็นแล้วทําให้เฉิงฉือรู้สึกลนลาน รีบตอบว่า “ไม่ใช่ๆ เพียงคิดว่ารอให้เจ้าโตขึ้น
อีกสักหน่อยเท่านั้นเอง”
โจวเสาจิ่นอดพึมพําเสียงค่อยไม่ได้ว่า “คนอื่นที่อายุเท่าข้าล้วนเป็นแม่คนกันหมดแล้วนะ
เจ้าคะ…”
เฉิงฉือรีบกล่าวว่า “คนอื่นก็คือคนอื่น พวกเราก็คือพวกเรา ข้ายังอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับ
เจ้าจนแก่เฒ่านะ!”
หากให้กําเนิดบุตรตอนนี้ก็จะใช้ชีวิตร่วมกันจนแก่เฒ่าไม่ได้หรืออย่างไร
โจวเสาจิ่นไม่เคยโกรธเคืองอะไรมาก่อน นอกจากนี้เฉิงฉือเป็นคนในดวงใจของนาง ก็ยิ่ง
คล้อยตามเขา และทําตามคําพูดของเขามาโดยตลอด… ทว่าคราวนี้ โจวเสาจิ่นกลับไม่อยาก
ฟังเฉิงฉือแล้ว
นางมิได้ตอบอะไร
ตัดสินใจไปวัดหงหลัวในวันพรุ่งนี้ตามที่นัดกันไว้
อย่างไรนางก็อยากจะมีลูกคนหนึ่ง!
เลวร้ายที่สุดนางก็เป็นฝ่ายรุกเร้าก่อนแล้วกัน…
นึกถึงตรงนี้ ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นก็ร้อนผะผ่าว
เจ้าสี่…คงจะชื่นชอบตนมาก… หากนางเป็นฝ่ายรุกเร้าก่อนก็คงจะสําเร็จกระมัง
โจวเสาจิ่นรู้สึกว้าวุ่นใจ นานพักหนึ่งถึงได้จมเข้าสู่ภวังค์ความฝัน