ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่488 เข้าเฝ้า
พอพบหน้าฮูหยินเผิงเฉิงก็จับมือของฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอาไว้ ทอดถอนใจกล่าวว่า “เจ้าดูเจ้า
สิ มาจิงเฉิงแล้วก็ไม่ไปนั่งเล่นที่บ้านข้าบ้างเลย พวกพี่สาวน้องสาวในตอนนั้นยังมีอีกสองสามคน
ที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้ายังคงนิสัยรั้นและปณิธานสูงเกินไป ดื่มนํ้าของผู้อื่นไปถ้วยหนึ่งก็ต้องคิดหาวิธี
ตอบแทนให้ได้ มีประโยคหนึ่งกล่าวว่าอย่างไรนะ เป็นประโยคที่นักปราชญ์ข่งจื่อกล่าวเอาไว้ ที่
บอกว่าคนเมื่ออายุถึงเจ็ดสิบปีแล้ว อยากทําสิ่งใดก็ทําสิ่งนั้นได้แล้ว ประโยคนี้กล่าวมาจากที่ไหน
นั้น ความจําข้าก็ไม่ค่อยดีแล้ว…”
ขณะที่นางพึมพําอยู่นั้น ก็มีสตรีสวมชุดเพ่ยจื่อสีชมพูที่แต่งกายอย่างคนออกเรือนแล้วผู้
หนึ่งก้าวออกมาสองก้าว กล่าวขึ้นว่า “อายุล่วงเลยเจ็ดสิบจะกระทําตามใจปรารถนาไม่ถือว่า
ละเมิดกฎเจ้าค่ะ”
นํ้าเสียงของสตรีผู้นี้นุ่มละมุน โจวเสาจิ่นอดมองสตรีผู้นี้อีกครั้งหนึ่งไม่ได้
สตรีผู้นั้นอายุเพียงสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีเท่านั้น รูปร่างสูงโปร่งสมบูรณ์ ดวงหน้ารูปไข่
ดวงตานกตันเฟิ่ ง จมูกโด่ง ริมฝีปากสีแดงกุหลาบอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนละเอียด แม้นท่วงท่าจะ
อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ดวงตาคู่นั้นกลับสุกใสคมกริบ มีแววเฉียบคมสายหนึ่งวาบผ่านดวงตาอยู่
บ่อยๆ คล้ายกับดาบที่ซ่อนตัวอยู่ในฝัก ทําให้คนมองแล้วไม่กล้าประมาท
โจวเสาจิ่นใจสั่นสะท้าน
ชาติก่อน นางเคยเจอสตรีผู้นี้มาก่อน
เวลานั้นนางอยู่ในวัยที่เบ่งบานเต็มที่แล้ว มักจะสวมใส่อาภรณ์สีแดงสด สีม่วงเข้มหรือสี
จัดอื่นๆ เวลาเดินร่างกายตั้งตรง สายตาไม่ว่อกแว่ก ท่วงท่าสง่างามทั้งเรือนกาย ทุกครั้งที่ปรากฏ
ตัวออกมาล้วนดึงดูดให้ฮูหยินตราตั้งทั้งหมดพากันซุบซิบนินทา
4537
บ้านเดิมของนางแซ่ชิว อยู่บ้านเกิดที่ไท่หยวนนั้นค่อนข้างมีชื่อเสียง เป็นภรรยาเอกของ
ซื่อซุนของจวนเผิงเฉิงป๋ อ และบุตรสาวของอดีตนายทะเบียนศาลไท่ผู รัชศกจื้อเต๋อปีที่ยี่สิบสี่ เผิง
เฉิงป๋ อเสียชีวิต ซื่อจื่อรับตําแหน่งต่อ นางได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินซื่อจื่อ ไม่กี่เดือนแม่สามีของนางก็
เสียชีวิต พ่อสามีของนางรักอนุผู้หนึ่งในบ้านเป็ นอย่างมาก ตัดสินใจไม่แต่งภรรยาอีก จึง
มอบหมายหน้าที่ในจวนเผิงเฉิงป๋ อให้นางเป็นผู้ดูแล ปีที่สอง พ่อสามีของนางเสียชีวิต อนุผู้นั้นเล่น
ชู้กับผู้อื่นแล้วถูกจับได้ จวนเผิงเฉิงป๋ อกลัวว่าเรื่องนี้จะทําให้ชื่อเสียงของพวกเขาเสียหาย อนุผู้นั้น
ถูกส่งตัวไปให้ทางการแล้วก็เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ไม่นานบุตรชายที่นางให้กําเนิดออกมาทั้ง
สองคนก็ป่วยเสียชีวิตไปตามๆ กัน
สตรีชั้นสูงในเมืองหลวงต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างลับๆ ว่านี่เป็นฝีมือของชิวซื่อ บอกว่า
ตอนที่พ่อสามีของนางยังมีชีวิตอยู่นั้นอนุผู้นั้นเป่ าหูข้างหมอนไปไม่น้อย หากมิใช่เพราะพ่อสามี
ของนางด่วนจากไปเร็ว ตําแหน่งซื่อจื่อนี้ยังไม่แน่ว่าจะให้ผู้ใดมารับสืบทอดต่อ!
แต่บุตรชายทั้งสองคนของอนุผู้นั้นยังเด็กนัก ยังไม่รู้เรื่องอะไร นางกระทําการโหดร้าย
เกินไปเล็กน้อย
ทุกคนต่างค่อนข้างหวาดกลัวนาง ไม่ยินดีคบหากับนางสักเท่าไรนัก
ข่าวลือนี้โจวเสาจิ่นได้ยินมาตอนที่ได้เข้าไปถวายพระพรในวังไม่กี่ครั้งนั้น
คิดไม่ถึงว่าครั้งแรกที่นางได้เจอคนของจวนเผิงเฉิงป๋ อก็ได้พบกับฮูหยินชิวผู้นี้แล้ว
ความคิดพวกนี้วนเวียนไปมาอยู่ในใจของโจวเสาจิ่น ด้านฮูหยินเผิงเฉิงก็กล่าวเสียงดังขึ้น
ยิ้มๆ ว่า “ประโยคนี้แหละๆ! ยังคงเป็นหลานสะใภ้ของข้าผู้นี้ที่เฉลียวฉลาด สมเป็นคนเรียน
หนังสือมาก่อนจริงๆ” จากนั้นกล่าวแนะนําให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้จัก “นี่คือหลานสะใภ้คนโตของข้า
แซ่ชิว ชิวที่มาจากคําว่าฤดูใบร่วงคํานั้น บิดาของนางเป็นจิ้นซื่อขั้นสอง บ้านเดิมของนางที่ไท่
4538
หยวนมีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง บรรพบุรุษเคยมีคนเป็นต้าหรู273
1
มาแล้ว นางมีพี่ชายร่วมอุทรผู้หนึ่ง
ตอนนี้เป็นจวี่เหรินแล้ว!”
มองออกว่านางรู้สึกได้รับเกียรติจากพื้นเพการเป็นคนจากตระกูลบัณฑิตของชิวซื่อไป
ด้วย
ชิวซื่อรีบก้าวออกมาทําความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัว กล่าวเสียบอบอุ่นว่า “นี่เป็นเพราะ
ท่านย่ากล่าวชมข้า ทําให้ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเรื่องตลกแล้วเจ้าค่ะ”
คําพูดและการกระทําเหมาะสมดีงามยิ่ง
นัยน์ตาของฮูหยินผู้เฒ่ากัวเผยแววชื่นชมออกมา แนะนําโจวเสาจิ่นให้คนตระกูลเผิงรู้จัก
ฮูหยินเผิงเฉิงมองสํารวจโจวเสาจิ่นขึ้นและลง กล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “อาเซิ่น บุตร
สะใภ้ของเจ้าผู้นี้ช่างงดงามจริงๆ เพียงแต่ว่าร่างกายผอมบางไปสักหน่อย เกรงว่าจะคลอดบุตรไม่
ง่ายนัก…แต่อย่างไรก็ตาม ครอบครัวบัณฑิตอย่างพวกเจ้ามักจะชอบหาสะใภ้เช่นนี้ ดูอย่างภรรยา
ของต้าหลางและเอ้อร์หลางของพวกเจ้า ก็ผอมบางเช่นกัน เพราะฉะนั้นทายาทชายถึงไม่มาก…”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงกํ่าไปทั้งหน้า เพิ่งรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีนามว่า ‘เซิ่น’
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะร่า จับมือของโจวเสาจิ่นไว้ตบที่หลังมือของนางเบาๆ ให้ความรู้สึก
ของการปลอบโยนที่เด่นชัดยิ่งนัก กล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่ก็เป็นโชคชะตาของแต่ละคน ไม่อาจฝืนได้”
ฮูหยินเผิงเฉิงไม่เห็นด้วย ยังอยากจะกล่าวอะไรอีก ทว่าชิวซื่อมีไหวพริบยิ่งนัก รีบกล่าว
ยิ้มๆ ขึ้นก่อนฮูหยินเผิงเฉิงว่า “ท่านย่า เวลาไม่เช้าแล้ว พวกเรารีบเข้าวังกันดีกว่าเจ้าค่ะ! ไม่แน่ว่า
ฮูหยินเฉิงเอินโหวอาจไปถึงแล้วก็เป็นได้”
1 ต้าหรู บัณฑิตผู้มีความรู้ความสามารถและคุณธรรมสูงส่ง
4539
ฮองเฮาองค์ปัจจุบันมิใช่พระชายาพระองค์แรกขององค์ฮ่องเต้
พระชายาพระองค์แรกขององค์ฮ่องเต้แซ่สวี่ เป็นพระมารดาบังเกิดเกล้าขององค์รัช
ทายาท ประชวรสวรรคตไปตั้งแต่ตอนที่องค์รัชทายาทพระชนมายุได้เจ็ดพรรษา ตระกูลสวี่ได้รับ
การแต่งตั้งเป็นเฉิงเอินโหว ฮองเฮาเผิงซื่อพระองค์ปัจจุบันทรงได้รับการเลื่อนยศขึ้นมาจากอี๋เฟย
ตอนที่พระนางยังเป็นพระสนมเฟยนั้นเคยประสูติพระธิดามาพระองค์หนึ่ง พระชนมายุไม่ครบ
หนึ่งพรรษาก็สวรรคตแล้ว ต่อมาก็ไม่เคยประสูติบุตรธิดาอีกเลย นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสําคัญที่ทํา
ให้พระนางได้เป็นฮองเฮาด้วยเช่นกัน
ฮูหยินเผิงเฉิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยยามอยู่ต่อหน้าคนของตระกูลสวี่ กล่าวขึ้นว่า “องค์
ฮองเฮาเหนียงเหนียงเชิญคนของเฉิงเอินโหวมาด้วยหรือ”
ชิวซื่อยํ้าเตือนฮูหยินเผิงเฉิงว่า “พรุ่งนี้เป็นวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาทเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเผิงเฉิงพลันจําได้ขึ้นมา แล้วก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “ข้า ข้าลืมเรื่องนี้
ไปชั่วขณะ”
ชิวซื่อยิ้มทว่าไม่กล่าวอะไร
โจวเสาจิ่นจดจําวันที่นี้ไว้ในใจ
เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่ากัวเคยเล่าเรื่องในวังให้นางฟังก่อนหน้านี้แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงไม่
เป็นห่วงว่าโจวเสาจิ่นจะพูดอะไรผิด คนทั้งกลุ่มพูดคุยยิ้มแย้มเบาๆ เดินเข้าวังหลวงไป
เนื่องจากเป็นกลางฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ ลมที่โชยมากระทบร่างทําให้หนาวจนเสียด
แทงไปถึงกระดูก โชคดีที่พวกนางล้วนคลุมด้วยเสื้อคลุมหนังและสวมปลอกแขนหนังเอาไว้ จึง
ไม่ได้หนาวมากนัก หลังจากที่เดินไปได้ระยะหนึ่ง ก็รู้สึกค่อยๆ ร้อนขึ้นมา
4540
ยังดีทีทุกคนต่างมีประสบการณ์แล้ว จึงไม่ได้เดินอย่างรีบร้อน กระทั่งไปถึงตําหนักฉาง
ชุนที่องค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงประทับอยู่แล้ว ร่างกายที่อบอุ่นนั้นจึงไม่ถึงกับมีเหงื่อหรือกลิ่นไม่
พึงประสงค์อะไรออกมา
กูกูคนที่มาต้อนรับพวกนางนั้นโจวเสาจิ่นรู้จัก คือซ่งกูกูคนข้างพระวรกายขององค์ฮองเฮา
เหนียงเหนียงที่มีหน้ามีตาที่สุด ชาติก่อนตอนที่นางเข้าวังมาถวายพระพรนั้นเคยเห็นอยู่ไกลๆ มี
แต่นางที่รู้จักผู้อื่น แต่ผู้อื่นไม่รู้จักนาง นอกจากนี้เวลานั้นซ่งกูกูยังดูเงียบขรึม ไม่เหมือนเวลานี้ที่
ยิ้มแย้ม ดูอัธยาศัยดีเป็นกันเอง มองโจวเสาจิ่นอย่างเป็นมิตรพลางกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “นี่
คงเป็นบุตรสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ของท่านกระมัง หน้าตางดงามยิ่งนัก! ท่านช่างมีวาสนาดี
จริงๆ”
“กูกูกล่าวชมเกินไปแล้ว!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวทักทายซ่งกูกูอย่างถ่อมตน เข้าไปที่ท้าย
ตําหนักของตําหนักฉางชุน
ปีนี้องค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงก็มีพระชนมายุห้าสิบกว่าพรรษาแล้ว เส้นผมดําขลับ ดวง
หน้าอวบอิ่มผิวขาวเนียนละเอียด สีหน้าดูอบอุ่น สวมชุดเพ่ยจื่อสีนํ้าเงินไพลินลายดอกไม้ที่ทรง
สวมใส่ในชีวิตประจําวัน เกล้าผมเป็นมวย ปักปิ่นปักผมขนนกกระเต็นสีฟ้า ตุ้มหูมรกตและกําไล
หยกมันแพะ มือคู่ที่ยื่นออกมานั้นเนียนละเอียดคล้ายมือของเด็กสาวของไม่ปาน
นางประทับอยู่บนเตียงเตาหลังใหญ่ข้างหน้าต่างเพียงลําพัง นอกจากข้ารับใช้ข้างกาย
แล้ว ก็ไม่เห็นผู้อื่นเลย
หลังจากทอดพระเนตรโจวเสาจิ่นและชิวซื่อถวายบังคมพระนางยิ้มๆ แล้ว พระนางก็ทรง
รับสั่งให้นางกํานัลยกตั่งกลมเข้ามาให้พวกนาง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรีบกล่าวขึ้นว่า “นางยังเด็กนัก อะไรก็ยังไม่เข้าใจ มิกล้ารับนํ้าพระทัยของ
เหนียงเหนียงเช่นนี้หรอกเพคะ”
4541
“ไม่เป็นไรๆ” ฮองเฮาเหนียงเหนียงตรัสยิ้มๆ “นางเองก็อายุมากกว่าไท่ซุนไปเพียงสอง
สามปีเท่านั้น ยังเป็นดั่งดอกไม้ตูม อีกทั้งยังงดงามเช่นนี้ ข้าเห็นแล้วก็ชื่นชอบยิ่งนัก”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงพลางกล่าวขอบพระทัย
องค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงทอดพระเนตรแล้วก็ยิ่งชอบพระทัย
คนข้างกายนางส่วนมากล้วนเป็นคนฉลาดเจนโลก ความขี้อายของโจวเสาจิ่นทําให้คน
รู้สึกชิดใกล้
ทุกคนทรุดกายนั่งล้อมเตียงเตาหลังใหญ่ข้างหน้าต่าง
องค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงถามถึงโจวเสาจิ่นขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าเจ้าสู่ขอบุตรสะใภ้ได้
แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะยังเยาว์ขนาดนี้ แต่หน้าตาไม่เลวเลยทีเดียว”
“พระนางทรงตรัสชมเกินไปแล้วเพคะ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ อย่างนอบน้อม “เป็น
เด็กที่ข้าเห็นมาตั้งแต่เล็ก เดิมทีแล้วเป็นญาติฝั่งเขยของจวนสี่ที่ซอยจิ่วหรู ยังเป็นเด็กคนละรุ่นกับ
ซื่อหลางของพวกข้าอีกด้วย! ข้าเห็นนางเฉลียวฉลาดและน่าเอ็นดู จึงให้นางมาช่วยคัดพระธรรม
และทํางานเย็บปักอยู่ข้างกาย เวลานั้นยังคิดว่า ไม่รู้ว่าบ้านใดจะมีวาสนาได้สู่ขอนางไป ผู้ใดจะ
คิดว่าพวกข้ากับจินหลิงทางด้านโน้นจะแยกตระกูลกัน พี่สาวของเด็กผู้นี้แต่งมาอยู่ที่จิงเฉิง นาง
ติดตามมารดาเลี้ยงมาดูแลพี่สาวช่วงอยู่เดือน ก็เลยได้พบกัน ข้าคิดว่าแทนที่จะให้เด็กที่ข้าเลี้ยงดู
มาอย่างยากลําบากแต่งไปเป็นสะใภ้ของผู้อื่น ไม่สู้เก็บเอาไว้ที่บ้านของพวกข้าจะดีกว่า ถึงได้
บังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ให้ซื่อหลางแต่งกับนางเพคะ…”
โจวเสาจิ่นตะลึงงัน
เห็นๆ อยู่ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกําลังแก้ไขชื่อเสียงให้ตนอยู่!
แต่นี่อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงเชียวนะ!
4542
โจวเสาจิ่นขลาดกลัวไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
ทว่าองค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงกลับทรงพระสรวลอย่างยิ้มแย้ม ทรงตรัสขึ้นอย่างสน
พระทัยว่า “ข้าได้ยินฮูหยินเผิงเฉิงบอกว่า ตอนนี้ซื่อหลางของพวกเจ้าอยู่ที่สํานักข้าหลวงฝ่ าย
จัดการนํ้าหรือ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้า กล่าวอย่างโศกสลดว่า “หลายวันก่อนเกิดข้อผิดพลาดขึ้น โชคดี
ที่ฝ่าบาททรงมีพระเมตตา ให้เขาได้ทําความดีลบล้างความผิดพลาด หัวใจของข้าดวงนี้ถึงได้วาง
ลงมาได้เพคะ”
องค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงตรัสยิ้มๆ ว่า “นี่นับเป็นความผิดพลาดอะไรกัน องค์รัช
ทายาททรงรับสั่งแล้วว่า ไม่ลงมือทําก็ไม่ผิด คนที่ยิ่งลงมือทํามากถึงจะเกิดความผิดพลาดได้ง่าย”
“ขอบพระทัยความห่วงใยและพระเมตตาขององค์รัชทายาทและฮองเฮาเหนียงเหนียงเพ
คะ” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวขอบคุณ
องค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงจึงทรงรําลึกถึงเรื่องเก่าแต่หนหลังกับฮูหยินผู้เฒ่ากัว “…ตอน
นั้นฮูหยินเฟิ่ งเซิ่งชอบพูดอยู่บ่อยๆ ว่าเจ้าทําอะไรก็แน่วแน่มั่นคงและเด็ดขาด เวลานั้นข้าจึงอยาก
พบเจ้ายิ่งนัก ต่อมาพี่เขยของฮูหยินเฟิ่ งเซิ่งลุ่มหลงอนุจนละเลยภรรยา ทุกคนต่างร้องจะตีจะฆ่า
กันอย่างเดียว มีเพียงเจ้าที่บอกพี่สาวของฮูหยินเฟิ่ งเซิ่งอย่างสงบและอ่อนโยนว่าควรจะปฏิบัติต่อ
อนุผู้นั้นอย่างไรบ้าง เวลานั้นข้ารู้สึกชื่นชมยิ่งนัก…แต่น่าเสียดายที่ใต้เท้าเฉิงด่วนจากไปเร็ว
ไม่อย่างนั้นเจ้าก็คงจะได้เข้าวังมาสนทนากับข้าบ่อยๆ แล้ว!”
เมื่อเอ่ยถึงเฉิงซวินที่จากไปแล้วขึ้นมา ขอบตาของฮูหยินผู้เฒ่ากัวดูรื้นชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับขอบตา
4543
องค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงทอดพระเนตรแล้วก็ทรงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ทรงตรัสถึงเฉิง
จิงขึ้นมา “…ตอนนี้เป็นขุนนางใหญ่แล้ว ก็ถือได้ว่าทําให้ความปรารถนาของใต้เท้าเฉิงสัมฤทธิผล
แล้ว”
“ผู้ใดว่ามิใช่กันเพคะ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มออกมา พลางกล่าว “เด็กคนนี้ก็ถือได้ว่ากตัญ�ู
แล้ว ตอนนี้ข้าอาศัยอยู่ที่บ้านของซื่อหลาง เนื่องจากซื่อหลางไม่อยู่บ้าน อีกทั้งโจวซื่อและซื่อหลาง
ก็เพิ่งจะแต่งงานกัน ข้าจําต้องช่วยดูแลพวกเขาสักหน่อย ต้าหลางสองสามีภรรยาจึงจําต้องมา
คารวะเยี่ยมเยียนข้าทุกวัน หากมิใช่เพราะข้าห้ามเอาไว้ หิมะตกหนักลมแรงขนาดนี้ ก็คงจะยังตื่น
แต่เช้ามาคารวะข้าก่อนแล้วค่อยไปที่ท้องพระโรงอยู่ ยังไม่อาจทําให้คนแข็งตายไปก่อนได้! เขา
เองก็เป็นคนที่ใกล้จะต้องสู่ขอบุตรสะใภ้แล้วเพคะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าช่างพูดเก่งยิ่งนัก!
แล้วก็ช่างกล้าพูดมากๆ ด้วย!
แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อไปเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากัวอาศัยอยู่ที่ประตูเฉาหยางก็ไม่ต้องกลัว
เรื่องถูกพวกตรวจราชการเหล่านั้นฟ้องร้องแล้วกระมัง
โจวเสาจิ่นนึกถึงเรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวถึงตนเมื่อครู่ขึ้นมา รู้สึกอยู่รางๆ ว่าการเข้าวัง
ของฮูหยินผู้เฒ่ากัวในครั้งนี้จะมิใช่เพียงแค่การพูดคุยเรื่องเก่าธรรมดาๆ เสียแล้ว
นางรู้สึกชื่นชมฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ่งนัก!
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว!” องค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงกลับทรงเชื่อฮูหยินผู้เฒ่ากัวโดยไม่สงสัยสิ่งใด
ทรงตรัสถึงเรื่องของตระกูลเฉิงขึ้นมา “…ได้ยินว่าแยกตระกูลกันแล้ว ยังนําเงินออกมาด้วย นี่ตก
ลงว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่”
4544
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถอนใจครั้งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ตบมือข้างเดียวไม่ดังเพคะ! ท่านผู้นําตระกูล
จวนรองคิดแต่จะให้ซื่อหลางช่วยดูแลกิจการของตระกูล แต่ซื่อหลางนั้นเป็นคนที่ชื่นชอบการเรียน
มาตั้งแต่เด็กผู้หนึ่ง บิดาของเขาก็จากไปเร็ว เขาปรารถนาให้ได้รับการแต่งตั้งยศเป็นขุนนาง
เหมือนอย่างบิดาและพี่ชายมาโดยตลอด จึงมุ่งมั่นตั้งใจอย่างหนักจนสอบเป็นจิ้นซื่อได้ในรัชศกจื้
อเต๋อปีที่สิบห้า เขาไหนเลยจะอยากช่วยดูแลกิจการของตระกูล แต่พวกข้าก็มีจํานวนคนน้อย
เหลือเกิน ข้าเองก็ทําใจให้เด็กคนนี้ทุกข์ทนอยู่ในบ้านเช่นนี้ไม่ได้ จึงกัดฟันแยกตระกูลกับจวนรอง
เพคะ!”