ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 478 หยอกล้อเล่นสนุก
เฉิงฉือหลุดหัวเราะ กล่าวว่า “เส้าถังเทียบกับข้าได้หรือ เขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง แต่ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านพ่อตาย่อมวางใจข้ามากกว่าอยู่แล้ว!”
โจวเสาจิ่นคิดๆ ดูแล้วก็ถูกต้อง
พี่เขยยังต้องพึ่งพาเงินจากกองกลางของตระกูลมาเลี้ยงดูภรรยาและบุตร ทว่าเฉิงฉือนั้น รับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายของจวนหลักหรือแม้กระทั่งของซอยจิ่วหรูมาแล้ว บิดาจึงย่อมวางใจใน ตัวเขามากกว่าอยู่แล้ว
นางคล้องแขนของเฉิงฉือเอาไว้พร้อมกับยิ้มร่า
เฉิงฉือเห็นป้ารับใช้ที่เดินนําพวกเขาไปยังเรือนรับรองแขกผู้นั้นรีบก้มหน้าลง ดวงหน้า แดงกํ่าไปทั้งหน้า
แล้วก็มองไปรอบๆ อีกครั้งหนึ่ง
ข้ารับใช้ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่างก้มหน้าจนดวงตาชิดจมูก จมูกชิดหน้าอก แสร้งทําเป็นมอง ไม่เห็นกันหมดทุกคน แต่เสาจิ่นเด็กโง่ผู้นั้นกลับไม่สังเกตเห็น ยังคงกระซิบกระซาบพูดคุย เจื้อยแจ้วกับเขาต่อไปประหนึ่งลูกนกเริงร่าตัวหนึ่งก็ไม่ปาน
เขาอดถอนหายใจอยู่ในใจครั้งหนึ่งไม่ได้
เด็กโง่ผู้นี้ ควรจะเลี้ยงเอาไว้ในบ้านจะทําให้คนสบายใจกว่า
ด้านของพ่อภรรยาทางนี้ มาให้น้อยลงได้ก็มาให้น้อยเข้าไว้จะดีกว่า!
ตอนเที่ยงพวกเขารับประทานมื้อเที่ยงอย่างเรียบง่ายไปมื้อหนึ่งและพักผ่อนไปหนึ่งบ่าย ตกเย็นโจวเจิ้นเชิญสหายสนิทสองสามคนของตัวเองที่อยู่เป่ าติ้งมาอยู่ร่วมกินอาหารเย็น
4443
ต้อนรับเฉิงฉือด้วย ส่วนหลี่ซื่อและโจวเสาจิ่นคุยเรื่องส่วนตัวกันอยู่ในห้องชั้นใน “…บุตรเขยรองดี กับเจ้าหรือไม่”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงพลางพยักหน้า กล่าวตอบว่า “ดีมากเจ้าค่ะ!” พูดคุยเป็นเพื่อนนางมาตลอดทาง เห็นของอะไรน่าสนใจก็ซื้อให้นาง แม้นจะเหน็ดเหนื่อย บ้างจากการเร่งเดินทาง แต่นางกลับรู้สึกมีความสุขกับความยากลําบากนั้น เสียงพูดของหลี่ซื่อหยุดลงเล็กน้อย กล่าวอย่างลังเลว่า “เสาจิ่น บุตรเขยได้…ได้ร่วมหอ กับเจ้าหรือยัง” ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นพลันแดงกํ่าราวกับจะหลั่งโลหิตออกมาได้ อึกอักอยู่ครู่ใหญ่ก็ยัง ไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรดี เนื่องจากมิใช่มารดาและบุตรสาวกันจริงๆ อีกทั้งไม่เคยมีความผูกพันจากการเลี้ยงดูมา ก่อน บางอย่างทั้งสองคนก็ยังรู้สึกกระดากอายกันอยู่ แต่หลี่ซื่อได้รับการไหว้วานจากโจวเจิ้นมา จะไม่ถามก็ไม่ได้ นางเองก็รู้สึกกระดากอายเล็กน้อยเช่นกัน
ก้มหน้าลงจิบนํ้าชา ภายในห้องพลันเงียบเชียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพื้น โจวเสาจิ่นรู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก จะพูดแต่ก็หยุดไปหลายต่อหลายครั้ง
ขณะที่นางกําลังรวบรวมความกล้าหาญจะเอ่ยปากพูดนั้น ก็มีสาวใช้เด็กรายงานอยู่นอก ผ้าม่านว่า “ฮูหยิน ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ”
4444
เพื่อให้การรับรองโจวเสาจิ่นและเฉิงฉือกลับบ้านเดิมแล้ว โจวเจิ้นจึงมอบหมายให้คนที่ จัดหาสินค้าจัดหาผิงกั่วและหลีจื่อมาให้เป็นพิเศษ
ทั้งสองคนได้ยินแล้วต่างก็อดไม่ได้รู้สึกโล่งราวกับได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งออกไป ทยอยกันถอนหายใจอย่างโล่งอก เสียงถอนหายใจนั่นเมื่ออยู่ในห้องอันเงียบเชียบมันจึงเด่นชัด มากขึ้น โจวเสาจิ่นและหลี่ซื่อต่างหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
บรรยากาศน่าอึดอัดพลันเปลี่ยนเป็นรื่นเริงขึ้นมา
โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างขัดเขินว่า “ฮูหยินไม่ต้องเป็นห่วงข้า นายท่านสี่ดีกับข้ายิ่งนัก ข้าได้ แต่งกับเขา ชีวิตนี้ก็ไม่ร้องขอสิ่งใดแล้ว”
เป็นคําพูดที่ทําให้หลี่ซื่อหน้าแดงไปหมด ไม่กล้าถามอะไรต่ออีก
กระทั่งโจวเจิ้นกลับมา นางบอกเพียงว่าโจวเสาจิ่นพึงพอใจเป็นอย่างมากที่ได้แต่งงาน กับเฉิงฉือ ส่วนอย่างอื่นไม่ได้กล่าวอะไรทั้งนั้น โจวเจิ้นเป็นบิดา จะถามเรื่องในห้องหอของ บุตรสาวได้อย่างไร ก็ถือเป็นอันเข้าใจไปโดยปริยายว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เฉิงฉือเคยพูดเอาไว้ ก่อนแต่งงาน จึงไม่สอบสวนอะไรเพิ่มเติมอีก จากนั้นนึกถึงความนอบน้อมที่เฉิงฉือมีต่อตัวเองที่ งานเลี้ยงของวันนี้ขึ้นมา มีความรู้กว้างขวาง มีทักษะการเข้าสังคมที่เป็นกันเองแต่ก็ไม่ขาดความ จริงใจ ในใจจึงยิ่งรู้สึกพึงพอใจบุตรเขยผู้นี้มากยิ่งขึ้น จึงเลื่อนงานในมือออกไปก่อน วันนี้ชวนเขา ไปเที่ยวศาลเจ้าต้าเปยเก๋อ พรุ่งนี้ไปเดินร้านขายโบราณวัตถุ จากนั้นก็ไปเจอสหายแต่งบทกลอน ท่องอาขยาน ไม่เหมือนการรับรองบุตรเขย แต่เหมือนได้พบกับสหายเก่าที่รู้จักกันมาหลายปี มากกว่า จนหลี่ซื่อต้องแอบเตือนโจวเจิ้นเป็นการส่วนตัวว่า “พวกเขากลับบ้านเดิมหลังแต่งงาน มิใช่มาเพื่อเยี่ยมเยียนครอบครัวที่นี่ ท่านต้องให้พวกเขาสองสามีภรรยาได้ออกไปเดินเล่นบ้าง กระมัง”
4445
โจวเจิ้นไม่เห็นด้วย กล่าวขึ้นว่า “มิใช่ว่าเสาจิ่นไม่ชอบออกไปข้างนอกหรอกหรือ อีกอย่าง สถานที่ที่ข้าและจื่อชวนไปกันนั้นก็ไม่เหมาะที่จะพานางไปด้วย นางอยู่บ้านเป็นเพื่อนเจ้า ได้ ทํางานเย็บปักให้โย่วจิ่นมิใช่ว่าพอเหมาะพอดีกันหรอกหรือ”
หลี่ซื่อไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีแล้ว ครุ่นคิดว่าโชคดีที่กลับมาเพียงห้าวันก็กลับแล้ว ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าทั้งที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ แต่เจ้าบ่าวไม่อยู่เป็นเพื่อนเจ้าสาวกลับไป อยู่เป็นเพื่อนพ่อภรรยาแทนได้!
นางปลอบใจโจวเสาจิ่นว่า “อย่าสนใจพวกเขาเลย ข้าให้คนไปซื้อเหยือกนํ้ากระเบื้อง เคลือบหลากสีเอาไว้เป็นจํานวนมาก เจ้านํากับข้าวตุ๋นของศาลเจ้าต้าเปยเก๋อกลับไปฝากคนอื่น ด้วยสักเล็กน้อย มิใช่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนจินหลิงหรอกหรือ ข้าและท่านลุงตระกูลหลี่ของเจ้า ช่วยกันหาพวกปลาเค็มเนื้อเค็มและไส้กรอกมาให้…จําเอาไว้ว่าต้องเข้ากับฮูหยินผู้เฒ่าให้ได้ บุตร เขยรองต้องไปจี่หนิง ในบ้านจะเหลือเจ้าเพียงคนเดียว มีเรื่องอะไรก็ไม่มีผู้ใดออกหน้าให้แล้ว หาก เจ้าไม่ดึงฮูหยินผู้เฒ่ามาเป็นพวก เวลาเสียเปรียบก็ไม่มีที่ให้ร้องเรียนได้สักที่…”
นี่เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนมารดาของนางเคยบอกนางเอาไว้ แต่นางแต่งงานกับสามีที่ไม่มีบิดา มารดาเหลืออยู่แล้วจึงไม่ได้ใช้ ตอนนี้ก็เลยนําออกมาบอกโจวเสาจิ่น
โจวเสาจิ่นเม้มปากยิ้ม กล่าวขอบคุณหลี่ซื่อ กล่าวด้วยว่า “ท่านจะคลอดเมื่อใดหรือ ก่อน คลอดส่งข่าวบอกข้าสักคํา หากไม่มีเรื่องสําคัญอะไรข้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน”
“บุตรสาวที่ออกเรือนแล้วก็เหมือนกับนํ้าที่สาดออกไปแล้ว” หลี่ซื่อรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่าง ยิ่ง ทว่าปากยังคงกล่าวอย่างเคืองๆ ว่า “มีเหตุผลใดให้เจ้าต้องกลับบ้านเดิมมาดูแลข้ากัน เจ้าใช้ ชีวิตของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ทางด้านนี้ข้ายังมีนายท่านอยู่ด้วยอีกคน!”
ทั้งสองคนชวนกันคุยเรื่องต่างๆ ไปหลายเรื่อง ต่างรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นกว่า ยามปกติอยู่หลายส่วน
4446
ตีกลองบอกเวลายามสองกว่าเฉิงฉือจะกลับมา เขาไปเคี้ยวใบชากว่าครู่ใหญ่ถึงได้ล้าง มือไม้และล้างหน้าล้างตาเพื่อจะขึ้นเตียง กล่าวขอโทษนางอย่างรู้สึกผิดว่า “เดิมทีคิดจะกลับมา เร็วสักหน่อย ผลปรากฏว่าบังเอิญพบกับสหายร่วมปีการสอบผู้หนึ่งรั้งเอาไว้อย่างไรก็ไม่ยอมให้ กลับ ท่านพ่อตาเองก็ไม่อยากกลับด้วยเช่นกัน สุดท้ายจึงดื่มไปอีกสองจอก” ขณะที่เขากล่าวก็ใช้ เตาอุ่นมืออุ่นมือและเท้าไปด้วย จากนั้นถึงได้ขึ้นเตียง “สองวันนี้ไม่มีเวลามาดูแลเจ้าเลย วันนี้เจ้า ทําอะไรบ้าง”
ความจริงแล้วโจวเสาจิ่นชอบที่บิดาและเฉิงฉือเข้ากันได้ดีเหมือนเป็นสหายสนิทกันเช่นนี้ ยิ่งนัก
นี่เป็นเรื่องที่นางปรารถนาแต่ไม่อาจได้มาในชาติก่อน
นางโน้มตัวมาช่วยเหน็บมุมผ้าห่มให้เฉิงฉือ กล่าวยิ้มๆ ว่า “นานๆ ทีท่านพ่อจะได้มี ความสุขเช่นนี้ ท่านก็ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาสักหน่อยก็แล้วกัน ข้าอยู่บ้านทํางานเย็บปักกับฮูหยิน เตรียมของใช้สําหรับใช้ในช่วงปีใหม่และของขวัญที่จะนํากลับไป รวมถึงพาโย่วจิ่นเล่นถุงทราย ด้วย ก็สนุกมากเช่นกันเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือพยักหน้า ร่างกายร้อนยิ่งนัก จึงยื่นเท้าออกไปนอกผ้าห่ม หลับตาลงพร้อมกับจับ มือของโจวเสาจิ่นเอาไว้และลูบไล้เบาๆ
โจวเสาจิ่นยิ้มน้อยๆ
ภายใต้แสงตะเกียง องคาพยพทั้งห้าของเฉิงฉือดูลึกลับไม่ชัดเจน ทว่ากลับดูอบอุ่นและ หล่อเหล่ายิ่งกว่ายามปกติเสียอีก
นางลังเล ยื่นมือออกไปแล้วก็ดึงกลับมาหลายต่อหลายครั้ง ครู่ใหญ่ถึงวางมือลงบน หมอนใบใหญ่ข้างดวงหน้าของเขาเบาๆ
4447
เฉิงฉือหลับตาสนิททั้งสองข้าง ลมหายใจเข้าออกยาวและสมํ่าเสมอ เป็นท่าทางของคนหลับสนิท โจวเสาจิ่นถึงได้ใจกล้าขึ้นมา นิ้วมือค่อยๆ สัมผัสแก้มของเขาเบาๆ เฉิงฉือย่นหัวคิ้วเล็กน้อย โจวเสาจิ่นตกใจ รีบดึงมือกลับมาในทันที หัวคิ้วของเฉิงฉือคลายลง กลับไปหลับเงียบๆ อีกครั้ง โจวเสาจิ่นพาดตัวอยู่บนหมอนมองดูเขา
ขนคิ้วทั้งดําและหนา ขนตากลับทั้งยาวและงอน…ก็เหมือนกับตัวของเขา…คิดบัญชีกับ ท่านผู้นําตระกูลจวนรองแล้ว ก็ยังจะพูดโกหกหน้าตาเฉย บอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา…ช่าง เป็นจอมวายร้ายผู้หนึ่งจริงๆ!
โจวเสาจิ่นครางเบาๆ ไปสองครั้ง กัดริมฝีปากพลางยิ้ม ทําใจกล้าไปแตะคิ้วของเขาเบาๆ
ทั้งหนาและแข็ง ทําให้นางรู้สึกจักจี้ที่ปลายนิ้ว นางเงยหน้าขึ้นมามองสํารวจเขา นอนหลับสบายยิ่ง นางลูบไล้คิ้วของเขาไปตามแนวเส้นของคิ้ว เฉิงฉือยังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเหมือนเดิม
เขาเป็นคนเย็นชา สองวันนี้กลับต้องไปกินและดื่มเป็นเพื่อนบิดา คาดว่าคงเหนื่อยล้าเป็น อย่างยิ่งแล้ว
4448
โจวเสาจิ่นพลันรู้สึกหัวใจอ่อนยวบ ประทับริมฝีปากอ่อนนุ่มลงบนแก้มของเฉิงฉือ
เฉิงฉือไม่ขยับเขยื้อน
นางประทับริมฝีปากที่มุมปากของเขาอีกครั้ง…จากนั้นก็เป็นตรงหว่างคิ้ว เปลือกตา หน้าผาก แล้วก็กระหม่อม…ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกไม่พอสักที…นอนอยู่ตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง ปล่อยให้ นางทําตามใจชอบได้ทุกอย่าง…มีความรู้สึกหอมหวานและมีความสุขประเภทหนึ่งที่ว่าเขาเป็น ของนาง
โจวเสาจิ่นอดเอามือปิดปากหัวเราะไม่ได้
เฉิงฉือพลิกกายอย่างรวดเร็วดุจเสือดาว กดโจวเสาจิ่นเอาไว้ใต้ร่าง กล่าวยิ้มๆ ว่า “ดียิ่ง! ถึงกับกล้ารังแกข้าตอนที่ข้าหลับอยู่ ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!”
โจวเสาจิ่นตกใจจนกรีดร้องออกมา แต่เมื่อเสียงร้องนั่นออกมาจากลําคอแล้วถึงรู้สึกตัว ว่าไม่น่าเลย จึงรีบหยุดเสียงในทันใด ทว่าก็ยังเหลือเสียงสั้นๆ เอาไว้อยู่เสียงหนึ่ง
ฝานหลิวซื่อที่เฝ้าเวรยามอยู่ด้านนอกยังไม่ได้ไปพักผ่อน รีบถามขึ้นว่า “ฮูหยินสี่ เกิดอะไร ขึ้นเจ้าคะ”
“ไม่มีอะไรๆ!” โจวเสาจิ่นรีบตอบ “ข้าเหมือนจะเห็นหนูตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากหน้าเตียง”
“หนูหรือเจ้าคะ!” ฝานหลิวซื่อกล่าวอย่างประหลาดใจ “ในที่ว่าการของเจ้าเมืองยังจะมี หนูอยู่ด้วยหรือเจ้าคะ ท่านผูกผ้าม่านให้แน่น อดทนให้ผ่านคืนนี้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที พรุ่งนี้ เช้าข้าจะไปบอกฮูหยิน ให้นางหาแมวมาให้สักตัวหนึ่ง…” จากนั้นก็บ่นพึมพําขึ้นเตียงไปพักผ่อน
โจวเสาจิ่นถึงได้รู้สึกตัวว่าร่างหนักๆ ของเฉิงฉือกดทับอยู่บนร่างของนาง นางรู้สึกชาไป ครึ่งร่างแล้ว
4449
“รีบลุกขึ้นเลยเจ้าค่ะ!” นางกล่าวอย่างขัดเขิน “ระวังพวกมามาจะสังเกตเห็นอะไรเข้านะ เจ้าคะ!”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่บ้านเดิมของนางแล้วไม่ค่อยสะดวกหรือเป็นเพราะหลายวันมานี้เฉิง ฉือดื่มสุรา เขาจึงไม่ค่อย ‘มือไม้ซุกซน’ กับนางเหมือนตอนอยู่ที่เมืองจิงเฉิงนัก
เฉิงฉือกลับไม่ขยับเขยื้อน มองนางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มพลางกล่าว “หนูหรือ เจ้าเห็นหนู ตัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ อยู่ที่ใดเล่า เหตุใดข้าไม่ยักรู้ว่าในห้องนี้มีหนูอยู่ด้วย ให้ข้าดูสักหน่อย…”
สอดมือเข้ามาในอาภรณ์ของนาง จับส่วนที่อุดมสมบูรณ์ของนางเอาไว้ โจวเสาจิ่นรีบลุกขึ้นอย่างร้อนใจ วันที่นางกลับมาถึงในวันนั้นหลี่ซื่อยังถามนางว่าได้ร่วมหอกับเฉิงฉือหรือยังอยู่เลย เขา เองก็เคยรับปากบิดาเอาไว้แล้วว่าจะรอให้นางโตอีกสักหน่อยค่อยร่วมหอกัน นี่หากว่าส่งเสียงดัง จนหลี่ซื่อและบิดาทราบเรื่องเข้า…บิดาจะต้องมีภาพจําที่ไม่ดีเกี่ยวกับเฉิงฉือเป็นแน่
โจวเสาจิ่นคว้าจับมือของเขาเอาไว้ รีบกล่าว “อย่า อย่าทําเช่นนี้…” เฉิงฉือจึงหัวเราะพร้อมกับปล่อยตัวนาง ก้มหน้าลงมาจูบนาง จุมพิตดูดดื่มแนบแน่น ทําให้ร่างของโจวเสาจิ่นค่อยๆ อ่อนยวบลงมา มือของเฉิงฉือลูบไล้ไปที่เอวของนาง นางจักจี้จนบิดกายไปมาและหัวเราะออกมา เฉิงฉืองับใบหูของนาง นางรู้สึกวาบหวามจนหัวใจกระเพื่อม ผลักเขาด้วยดวงหน้าแดงกํ่า
4450
เขาไปงับไหปลาร้าของนางแทน โจวเสาจิ่นอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ไม่เหมือนกับการกระทําที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความต้องการเหล่านั้น เฉิงฉือในเวลานี้ ก็เพียงหยอกล้อเล่นกับนางอย่างสนิทชิดเชื้อเท่านั้น ความรู้สึกระแวดระวังป้องกันตัวที่เกิดขึ้นในใจเหล่านั้นพลันถูกทําให้กระจายหายไป โจวเสาจิ่นหัวเราะร่า ลองไปจักจี้เฉิงฉือดูบ้าง เฉิงฉือหัวเราะ งับผลอิงเถาสีชมพูบนหน้าอกของนางคําหนึ่ง โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโพลง
เฉิงฉืองับนางอีกคําหนึ่ง
โจวเสาจิ่นจึงทําเรื่องที่เมื่อครู่นางอยากทํามาโดยตลอดแต่ไม่ได้ทําเรื่องนั้น นางขยี้เส้น ผมของเขาจนยุ่ง
เฉิงฉือหัวเราะเสียงตํ่า กอดโจวเสาจิ่นเอาไว้กลิ้งลงไปบนเตียง จูบนางอย่างอบอุ่น… หัวเราะและเล่นนัวเนียกับนาง…อากาศค่อยๆ อุ่นร้อนขึ้นมา…
โจวเสาจิ่นค่อยๆ ผ่อนคลายลง ไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือระแวดระวังตัวกับเขาหลงเหลืออยู่ แล้ว…
เฉิงฉือถอนหายใจ บรรยากาศดีขนาดนี้ เหตุใดต้องอยู่ที่บ้านเดิมของเสาจิ่นด้วยนะ!
4451
เขากอดโจวเสาจิ่นแน่น กระซิบกล่าวที่ข้างหูของนางอย่างหนักแน่นว่า “กลับบ้านไปคอย ดูว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไรบ้าง!”
โจวเสาจิ่นตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ อย่างห้ามไม่อยู่ เสียงหัวเราะนั่นทั้งสดใสและมีความสุข เป็นความสุขและความพึงพอใจที่นางไม่เคยมีมาก่อน! หัวใจของเฉิงฉือก็มีความสุขตามนางไปด้วย
นี่ต่างหากคือเสาจิ่นที่เขาอยากเห็น คนที่ไม่มีหมอกเมฆมาปกคลุมและไม่มีความทุกข์ยากอะไรอีกแล้ว เหมือนเด็กสาวที่ไม่เคยผ่านเรื่องร้ายๆ ของโลกใบนี้ ได้หัวเราะอย่างมีความสุขและมีชีวิต อย่างที่ใจปรารถนา เขากอดโจวเสาจิ่นให้แน่นอีกครั้งหนึ่ง