ยัยเฉิ่มแสนเชยมัดใจนายหล่อร้าย - ตอนที่ 29
นี่ก็ผ่านมาสองเดือนกว่าแล้วที่ฉันคืนดีกับเจสันและใช้ชีวิตอยู่กับเขา ฉันย้ายมาอยู่เขาอย่างถาวรเลยก็ว่าได้ คอนโดฉันก็คืนห้องไปแล้ว ตอนนี้ชีวิตของเราสองคนก็ราบรื่นดีนับวันเจสันเขายิ่งน่ารักกับฉันมาก แถมขี้หึงขี้หวงอีกต่างหากแต่ฉันก็ดีใจนะที่เขาหึงหวงฉันเพราะถ้าเขาไม่หึงไม่หวงแสดงว่าเขาคงหมดรักฉันแล้ว
ฉันยังทำงานที่ผับเหมือนเดิมแต่ทำน้อยลงอาทิตย์หนึ่งทำแค่สองสามวันเอง ส่วนมากจะไปนั่งเฝ้าเขาทำงานมากกว่า ก็เขาหน่ะสิไม่ให้ฉันทำ นี่ฉันก็อ้อนเอานะจนกว่าจะได้ทำ
ส่วนในมหาลัยตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าฉันคือยัยเฉิ่มและกำลังคบกับเจสันอยู่เราสองคนได้รับความสนใจจากคนในมหาลัยเป็นอย่างมาก ข่าวที่ว่ายัยเฉิ่มคบกับเจ้าของมหาลัยดังไปทั่ว บ้างก็ว่าฉันอ่อยเขา ฉันโชคดีตกถังข้าวสาร มีแฟนเป็นเจ้าของมหาลัยแล้วสวยขึ้นมาทันที มีทั้งแง่ดีแง่ร้าย เจสันบอกฉันว่าอย่าไปสนใจแค่รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ก็พอ
และตอนนี้เราก็อยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะฉันซึ่งก็มี เจสัน พี่มาร์ค พี่บีม อ่อ แล้วก็มีชาลีอีกคน ตอนนี้ชาลีเป็นเพื่อนที่คณะฉันเพียงคนเดียวและไม่ค่อยถูกกับเจสันด้วย เขาเห็นฉันอยู่กับชาลีทีไรต้องทะเลาะกันตลอด ทะเลาะกันหน่ะไม่ใช่ฉันกับเขานะแต่เป็นชาลีกับเจสันต่างหาก แต่เขาก็ไม่ได้ถึงขนาดให้ฉันเลิกคบกับชาลีเป็นเพื่อน ฉันบอกว่าถ้าคิดจะรักกันต้องไว้ใจกันเขาก็ยอมรับและไว้ใจฉัน
“น้ำเรากลับก่อนนะ พอดีมีธุระกับที่บ้านหน่ะ” ชาลีเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขม็งกับเจสันตั้งแต่เดินมาถึงโต๊ะ
“เคจ๊ะ ขับรถดีๆ นะ”
“รีบกลับสิ จะอยู่ทำไม” เจสันเอ่ยขึ้นเสียงเรียบและทำสีหน้าไม่พอใจใส่ชาลี
“พี่เจ” ฉันพูดขึ้น ไม่รู้จะอะไรของเขานักหนา
“ไปล่ะนะ บ๊ายเดี๋ยวเราโทรหา” นี้ก็อีกคนขยันยั่วอารมณ์กันจริง ชาลีพูดจบก็เดินออกไปทันที โดยไม่หันมาดูคนที่อยู่ข้างหลังทำหน้าฟึดฟัดอยู่
“น้ำอ่ะ เลิกเป็นเพื่อนมันได้ไหมอ่ะ” เจสันพูดอย่างเอาแต่ใจ
“พี่เจ เราคุยกันแล้วนะ อีกอย่างพี่ไม่คิดจะให้น้ำมีเพื่อนบ้างเหรอคะ” ฉันทำหน้างอนๆ ให้กับคนไม่มีเหตุผลทั้งที่คุยกันรู้เรื่องแล้ว
“ครับๆ พี่ล้อเล่นเอง”
“มึงนี่จะหวงอะไรขนาดนั้นปล่อยให้น้องเขามีเพื่อนบ้างเหอะ” พี่มาร์คพูดเข้าข้างฉันอีกคน
“มึงไม่เป็นกูมึงไม่รู้หรอก” เขาทำหน้างอนๆ ใส่พี่มาร์ค ถ้านักศึกษาที่อยู่แถวนี้สังเกตเห็นหน้าของเจ้าของมหาลัยตอนนี้คงจะตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งเป็นแน่ เพราะปกติเห็นแต่อยู่ในโหมดเย็นชา
“เออ พ่อคนขี้หึง มึงไปไหนต่อ กูว่าจะกลับแล้วทำธุระให้ม๊า”
“กูมีประชุมวะ น้ำจะกลับก่อนหรือว่าจะรอพี่ครับ” ใช่สิวันนี้เขามีประชุมนี่น่า
“กลับดีกว่าค่ะ พอดีน้ำทำงานค้างไว้น่ะต้องส่งอาจารย์พรุ่งนี้ด้วย”ที่จริงก็อยากอยู่รออยู่หรอกแต่มีงานต้องทำไง
“อ่อ เอาไงดีอ่ะ พี่ต้องเข้าประชุมแล้วไปส่งน้ำไม่ได้ด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้ำกลับเองได้ พี่เจไม่ต้องห่วง”
“มึงให้ไอ้บีมไปส่งดิ” พี่มาร์คพูดขึ้นขัดการสนทนาของเราสองคนโดยเสนอให้พี่บีมไปส่งฉัน ซึ่งเจสันก็มองหน้าพี่มาร์คและหันไปมองหน้าพี่บีมต่อทันทีเขาเหมือนคิดอะไรนิดหน่อย
“มึงว่างรึเปล่าละ” เจสันเอ่ยถามพี่บีมที่นั่งเงียบอยู่นานตั้งแต่มา
“ว่าง” แค่นั้นแหละที่พี่บีมตอบ
“งั้นกูฝากไปส่งน้ำด้วยละกัน” อ้าว ไม่ถามฉันสักคำ
ฉันมองหน้าเจสันด้วยท่าทางอึดอัด และเขาก็คงรู้เขาเลยพยักหน้าให้ ว่าไปเหอะฉันก็ไม่รู้ปฏิเสธยังไง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้พี่บีมยังชอบฉันอยู่รึเปล่าเพราะตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาจะไปส่งฉันตอนที่ฉันทะเลาะกับเจสัน ฉันยังไม่ได้คุยกับเขาอีกเลย อีกอย่างฉันก็ไม่กล้าคุยด้วยยิ่งเขาเป็นคนพูดน้อยอยู่ด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แต่ฉันคิดว่าเจสันน่าจะเคลียร์กับพี่บีมเรียบร้อยแล้วล่ะ ไม่งั้นเขาคงไม่ไว้ใจให้พี่บีมไปส่งฉันหรอก ฉันก็ไม่ได้ถามด้วยสิ
“เอ่อ….” ฉันยังคงมีท่าทีอึกอัก
“ไปเถอะน้ำ พี่ไม่อยากให้น้ำกลับเองพี่เป็นห่วง ไอ้บีมฝากน้ำด้วยนะ” เจสันพูดเสร็จสับ
“อืม” พี่บีมก็รับปาก
“งั้นพี่ไปประชุมก่อนนะ ประชุมเสร็จแล้วจะรีบกลับ” พูดเสร็จเจสันก็เดินออกไปทันที เหลือฉันไว้กับพี่บีมพี่มาร์ค
“งั้นพี่ไปก่อนนะครับน้องน้ำ ไปแล้วเว้ยไอ้บีมส่งน้องเขาดีๆ นะมึง” พี่มาร์คเอ่ยลา ฉันได้แต่ยิ้มให้ เขาหันมาตบบ่าพี่บีมแล้วเดินออกไป ฉันได้แต่ยืนเอ๋ออยู่กับที่
“ไปครับ” พี่บีมเอ่ยปากขึ้นก่อน เราสองคนก็พากันเดินไปที่รถ
“เฮียบีม” แต่อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้นจากด้านหลังฉันกับพี่บีม พี่บีมหยุดเดินทันทีที่ได้ยินเสียง เราสองคนหันกลับไปมองทางต้นเสียงก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางน่ารักเปรี้ยวๆ อยู่ตรงหน้า ฉันไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อนแต่กับพี่บีมอาจรู้จักเพราะเธอเรียกเขา
“อะไร” พี่บีมพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบออกไปตามแบบฉบับของเขา แสดงว่าเขาสองคนก็รู้จักกันมาก่อน
“เฮียจะไปไหน เรามีนัดกันนะ” สองคนนี้สนิทกันมากขนาดไหนเธอไม่รู้แต่ที่รู้ๆ มันต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน
“ตอนนี้ฉันไม่ว่างแล้ว” พี่บีมตอบออกไปด้วยใบหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่คิดอะไรมาก แต่เป็นฉันเองนี่แหละที่คิดมาก
“เอ่อ พี่บีมถ้ามีนัดแล้วน้ำกลับเองก็ได้ค่ะ” ฉันบอกออกไปด้วยความเกรงใจ ผู้หญิงคนนั้นก็มองหน้าฉันด้วยท่าทางแปลกๆ จะว่ามองแบบร้ายๆ ก็ไม่ใช่เหมือนเธอไม่ได้คิดร้ายอะไรกับฉันมีแต่ความไม่พอใจในสีหน้า
“ไม่ได้” พี่บีมพูดออกมาเสียงดังฟังชัด
“แล้วที่เรานัดกันล่ะ เฮียจะเบี้ยวเหรอ” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น
“ไว้วันหลัง” พี่บีมบอกออกไปด้วยท่าทางเหนื่อยๆ
“นี่เฮีย ไอ้คนเฮงซวย ไอ้คนไม่รักษาคำพูด” ผู้หญิงคนนั้นตวาดใส่พี่บีมเสียงดังลั่น ดราม่าซะงั้น ฉันเป็นต้นเหตุให้เขาสองคนทะเลาะกันรึเปล่าเนี่ยรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ ผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่บีมแน่ๆแต่ในฐานะอะไรนั้นยังไม่แน่ชัด
“แล้วแต่เธอจะคิด ไปเถอะน้ำ” เขาว่าจบแล้วมาเดินจับมือฉันให้ตามออกไป
“เอ่อ… พี่บีมน้องเขา” ฉันพยายามให้พี่บีมหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นซึ่งตอนนี้ฉันเห็นเหมือนเธอจะร้องไห้
“ช่างเขา” แต่เขาก็ไม่สนใจ จนเราเดินมาถึงรถเขาก็เปิดประตูให้ฉันขึ้นไปนั่งบนรถแล้วขับออกไปทันที หลังจากนั้นในรถก็เกิดความเงียบขึ้นทันที เหมือนเขามีอะไรให้คิดหรือสับสนอะไรสักอย่าง
“พี่บีมเป็นอะไรรึเปล่าคะ” ฉันทนความอึดอัดไม่ไหวเลยถามออกไป ฉันว่าจะเคลียร์เรื่องที่ค้างคาให้หมดไม่อยากเป็นแบบนี้อีกเวลาอยู่ต่อหน้ากัน
“ไม่เป็นไรครับ” เขาหันมามองหน้าฉันนิดหน่อยแล้วตั้งใจขับรถต่อ