ยัยตัวแสบแอบปิ๊งรุ่นพี่เข้าเเล้ว น่ารักเกินต้าน! - ตอนที่ 7.1 รุ่นน้องตัวเเสบที่ไม่อาจวิ่งหนีได้อีกต่อไป
- Home
- ยัยตัวแสบแอบปิ๊งรุ่นพี่เข้าเเล้ว น่ารักเกินต้าน!
- ตอนที่ 7.1 รุ่นน้องตัวเเสบที่ไม่อาจวิ่งหนีได้อีกต่อไป
ผ่านมากี่วันแล้วนะ…ที่ไม่ได้เจอรุ่นพี่?
ฉันพยายามนึกย้อน ขณะที่นั่งรถไฟ มาถึงแบบเฉียดฉิว เกือบจะสายเเล้ว วันเวลาที่ไม่มีรุ่นพี่ ช่างน่าเบื่อ ฉันใช้ชีวิตอย่างมึนงง ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง ดังนั้น ความทรงจำในช่วงนั้นจึงเลือนราง ฉันไม่รู้ว่าจะใช้เวลาหลังเลิกเรียนยังไง แต่ก่อนฉันไปที่ห้องสภานักเรียนทุกวัน ถึงเวลาที่ได้อยู่กับรุ่นพี่จะสั้น แต่ฉันก็นึกไม่ออกเลยว่า ก่อนที่จะได้เจอรุ่นพี่ ฉันฆ่าเวลาด้วยการทำอะไร
ฉันใช้เวลาไปกับการคิดถึงเเต่รุ่นพี่ แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่า จะไม่ไปเจอเขาอีก ฉันจะเก็บความทรงจำเกี่ยวกับรุ่นพี่ไว้ เป็นความทรงจำที่แสนงดงาม ราวกับอัญมณีที่ต้องทะนุถนอม ฉันคิดว่าการไปหาเขา คงเป็นการรบกวน
“สนุกจังเลยนะ…” ฉันพึมพำกับตัวเอง
ในที่สุดก็มีคนรู้ใจ…
ครั้งแรกที่ฉันได้พบเขา คือ วันสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย ฉันอยากเข้าโรงเรียนนี้ ที่สามารถย้อมผม แต่งหน้า ได้อย่างอิสระ ดังนั้น ฉันจึงตั้งใจเรียน แม้จะลำบาก แล้วก็มาถึงวันสอบ ฉันหลงทาง เดินเข้ามาทางด้านหลังของโรงเรียน แล้วก็เจอกับนักเรียนชายสองคน
“นี่ๆ เจอผู้หญิงน่ารักมากเลย”
“ฉันพูดแล้ว วันสอบเข้าเป็นโอกาสทองที่จะได้เจอผู้หญิงน่ารักๆ”
“เธอนี่สุดยอดไปเลย เป็นไง? โดดสอบ ไปเที่ยวกับพวกเราไหม?”
ดูเหมือนทุกโรงเรียนจะมีนักเรียนเกเร บางทีอาจเป็นเพราะฉันแต่งตัวฉูดฉาด พวกเขาจึงคิดว่าฉันเป็นพวกเดียวกัน
“ไม่เอา เอ่อ…”
“น่า ดูเหมือนเธอจะเป็นขาเที่ยวนี่”
การถูกตัดสินจากภายนอกเป็นเรื่องที่ฉันคุ้นเคย แต่ฉันไม่ใช่ขาเที่ยว ฉันไม่เก่งเรื่องเข้าสังคม เหตุผลที่ฉันแต่งตัวเเบบสาวเเกล ก็เพราะมันเป็นเกราะป้องกันตัวเอง คุณแม่ที่เป็นช่างทำผมสอนฉัน ท่านบอกว่า ฉันจะมีความมั่นใจ ถ้าแต่งตัวในแบบที่ตัวเองรู้สึกว่าน่ารักที่สุด เพื่อที่จะเข้มแข็ง ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร เดิมทีฉันมักจะถูกตัดสิน ดังนั้น ฉันจึงพยายามทำตัวให้น่ารัก เพื่อปกป้องตัวเอง ฉันย้อมผม หัดแต่งหน้า ศึกษาแฟชั่น ฝึกฝนท่าทาง สีหน้า และวิธีพูด เพื่อที่จะน่ารักขึ้น ฉันเริ่มคิดว่า “บางทีฉันอาจจะน่ารักก็ได้” แต่…ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ภายในใจฉันก็ยังคงอ่อนแอ
“เอาล่ะ ตกลงตามนี้ เธอต้องไปเดทกับพวกเรา”
ในขณะที่ฉันกำลังหดหู่ พูดไม่ออก ผู้ชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น พร้อมกับโอบไหล่ฉัน ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกลากไป…ทันใดนั้น ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น
“น่าประหลาดใจจริงๆ ไม่คิดเลยว่าโรงเรียนของฉันจะมีคนโง่ๆ แบบนี้อยู่ด้วย”
บุคคลที่มีบุคลิกเย็นชาขัดจังหวะพวกเรา พร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมา
“ล่วงละเมิดทางเพศ? เธอยังเป็นเด็กมัธยมต้นอยู่เลยนะ นี่มันเป็นอาชญากรรมร้ายแรง”
ภายหลังฉันก็ได้รู้ว่า เขาคือ สึจิโดะ มาซาจิกะ รุ่นพี่ รองประธานสภานักเรียน ถึงจะดูไม่น่าจะสู้ได้ แต่รุ่นพี่ก็สามารถไล่ผู้ชายสองคนนั้นไปได้ด้วยคำพูด ในขณะที่ฉันยืนตัวแข็งทื่อ เขาก็โค้งศีรษะให้ฉัน
“ผมขอโทษแทนนักเรียนของโรงเรียนเรานะ”
“เอ๋~ เอ่อ…รุ่นพี่ไม่คิดว่าฉันเป็นพวกเดียวกับพวกเขาเหรอ…?”
“ไม่มีใครคิดแบบนั้นกับเด็กมัธยมต้นที่กำใบสมัครสอบแน่น ตัวสั่น หรอก”
เขาพูดอย่างสบายๆ แต่ฉันคิดว่า คนส่วนใหญ่มักจะตัดสินจากภายนอก คิดว่าฉันเป็นพวกเดียวกัน ถึงจะไม่ใช่ คนทั่วไปก็คงเมินเฉย
“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ…”
“การป้องกันไม่ให้นักเรียนทำผิด และการไม่เสียรุ่นน้องในอนาคตไป เป็นหน้าที่ของสภานักเรียน แล้วก็เป็นผลดีต่อตัวพวกเราเอง อีกอย่าง ผมแค่รำคาญ ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะผมไม่ได้ทำเพื่อเธอ…เอาล่ะ ใกล้จะหมดเวลาลงทะเบียนแล้ว”
“อ๊ะ…เอ่อ…ฉันไม่รู้ว่าต้องไปลงทะเบียนที่ไหน”
ฉันพูด ด้วยหน้าแดงก่ำ รุ่นพี่พาฉันไปที่โต๊ะลงทะเบียน จากนั้นก็รีบไป เหมือนกำลังยุ่ง ต้องขอบคุณเขา ฉันถึงได้สมัครทัน ฉันเริ่มตามหารุ่นพี่
ไม่ได้หายากอะไร เพราะเขาดูโดดเด่น ฉันได้ยินเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับเขามากมายโดยที่ไม่ได้พยายาม ในฐานะรองประธานสภานักเรียน เขาจัดการงานอีเวนต์ต่างๆ แอบช่วยเหลือนักเรียน อาจารย์มักจะยกเขาเป็นตัวอย่าง บอกว่าเราควรจะทำตามเขา เพราะเขาเรียนเก่ง ขยัน แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นของฉันก็ยังพูดถึงเขา เขาคงไม่รู้ตัวหรอก แต่จริงๆ แล้ว เขาเป็นที่นิยมในหมู่รุ่นน้องผู้หญิง
ฉันรู้สึกกังวล
พอคิดดูแล้ว ผู้ชายสองคนที่ลวนลามฉัน ก็โดนไล่ออก หลังจากที่หลักฐานการกระทำผิดต่างๆ ถูกเปิดเผย มีข่าวลือว่ารุ่นพี่มีส่วนเกี่ยวข้อง…ฉันอยากคุยกับรุ่นพี่ กล่าวขอบคุณ แต่ก็หาจังหวะไม่ได้ เวลาผ่านไปครึ่งปี ไม่นานนัก เขาก็ได้เป็นประธานสภานักเรียน …ในที่สุดพวกเราก็เป็นเพื่อนกัน
เป็นความผิดของฉัน ที่ทำให้รุ่นพี่เดือดร้อน เพราะอาจารย์บางคนไม่ชอบฉัน เป็นแบบนี้มาตลอด แม้แต่ก่อนที่ฉันจะย้อมผม คนอื่นก็ตัดสินฉันจากภายนอก มองว่าฉันเป็นเด็กไม่ดี ฉันจึงถูกเมิน ถูกรังแก โดนดุโดยไม่มีเหตุผล ถ้าฉันอยู่กับรุ่นพี่ต่อไป คงทำให้รุ่นพี่เดือดร้อนมากขึ้น
รุ่นพี่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงในหมู่อาจารย์และคนอื่นๆ เขาพยายามอย่างหนักเพื่ออนาคต แม้จะต้องยุ่งกับเรื่องวุ่นวาย ฉันเป็นคนเข้าไปขัดขวาง ดังนั้น ฉันจึงไม่ควรก้าวก่ายอีก ก่อนที่ฉันจะฉุดเขาล้มลง ฉันต้องถอยห่าง แม้แต่มัตสึรินที่ในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนกับฉัน ก็คงจะได้รับผลกระทบจากฉันในไม่ช้า เธอเป็นเด็กเรียน ไม่เหมือนฉัน เธอไม่ควรคบกับคนอย่างฉัน น่าเศร้าจัง แต่ก็ช่วยไม่ได้ ไม่เป็นไร ฉันชินกับการบอกลาแล้ว
“วันนี้เป็นงานวิ่งมาราธอน ให้นักเรียนเปลี่ยนเป็นชุดพละ แล้วมารวมตัวกันที่ลานกว้าง”
เสียงประกาศดังขึ้น เมื่อฉันมาถึงโรงเรียน เริ่มต้นที่โรงเรียน วิ่งตามเส้นทางที่กำหนด แล้วกลับมาที่โรงเรียน นั่นคืองานอีเวนต์ จะมีการประกาศอันดับ และมีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่ทำเวลาได้ดี ดูเหมือนสมาชิกชมรมกีฬาจะกระตือรือร้นมาก แต่ฉันไม่ชอบเลย ไม่ได้เกลียดการออกกำลังกายหรอกนะ แต่ฉันแค่ไม่มีอารมณ์
“อยากวิ่งกับรุ่นพี่จัง…”
ฉันพึมพำกับตัวเอง ขณะที่เดินไปที่ลานกว้าง ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก แต่…กรรมการพลศึกษาประจำชั้นอธิบายกฎ ดูเหมือนสภานักเรียนจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการ ไม่มีวี่แววของรุ่นพี่ ฉันรู้สึกโล่งใจ และผิดหวัง
“เอาล่ะ เริ่มนับถอยหลังเลยนะ! ไม่ต้องห่วง ฉันจะตามไปทีหลัง!”
เสียงหัวเราะดังขึ้น ความกระตือรือร้นของเขา ทำให้เพื่อนร่วมชั้นของฉันดูสนุกสนาน ฉันยืนอยู่ข้างหลัง มองพื้น
“สาม สอง หนึ่ง เริ่ม!”
เสียงของเขาดังผ่านไมโครโฟน นักเรียนวิ่งออกไปพร้อมกัน ฉันถูกฝูงชนผลัก จนต้องก้าวเท้า ฉันวิ่งด้วยความเร็วระดับเต่า ถูกคนอื่นๆ แซง เหมือนกับว่าฉันกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ถ้าอยู่กับรุ่นพี่ แม้แต่งานน่าเบื่อแบบนี้ก็คงสนุก
“ฉันคงจะ…เคยตกหลุมรัก…”
ไม่สิ ไม่ใช่อดีต แต่เป็นปัจจุบัน ตอนนี้ฉันพูดได้อย่างเต็มปากแล้ว รักแรกของฉันคือรุ่นพี่ แต่ตอนนี้ มันจบลงแล้ว ถ้าฉันสามารถพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่คิดมาก บอกความรู้สึกออกไป มันคงจะง่ายกว่านี้ ไม่รู้ว่าถ้าฉันสารภาพรัก รุ่นพี่จะรู้สึกแบบเดียวกันไหม? เขาเป็นคนซับซ้อน ดังนั้น มันคงเป็นเรื่องยาก
“ฉันวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว”
ฉันหยุดวิ่ง แขนไม่มีแรง ขาหนักอึ้ง เหมือนกำลังเดินลุยน้ำ บางทีฉันควรจะวิ่งหนีจากทั้งหมดนี้ ฉันคิด พลางเดินตามหลังนักเรียนคนอื่นๆ มาราธอนมีระยะทางแค่สี่กิโลเมตร ถึงจะวิ่งเหยาะๆ ก็ไม่น่าจะเกินสามสิบนาที เวลาแห่งการหลบหนีจบลงเร็วกว่าที่คิด
ในที่สุดฉันก็มาถึงโรงเรียน ซึ่งเป็นเส้นชัย ฉันรู้สึกถึงความผิดปกติ
“…?”
มีบางอย่างแปลกๆ ปกติตรงเส้นชัยจะมีนักเรียนเยอะแยะ เพราะฉันอยู่กลุ่มสุดท้าย คนส่วนใหญ่น่าจะเข้าเส้นชัยก่อนฉัน แต่พวกเขากลับสนใจอย่างอื่น
“บ้าไปแล้ว…”
“นี่มันเรื่องใหญ่”
นักเรียนถือกระดาษ พูดคุยกัน ดูเหมือนพวกเขาจะตื่นเต้นกับเรื่องไม่คาดฝัน
“ชิราฮาตะจบสิ้นแล้ว”
ฉันได้ยินแบบนั้น มีกระดาษปลิวมาตกอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันหยิบขึ้นมา เป็นกระดาษที่มีดีไซน์คล้ายๆ หนังสือพิมพ์ ดูน่าสนใจ ตรงกลางมีรูป…อาจารย์ชิราฮาตะ กำลังสูบบุหรี่อยู่หลังอาคารเรียน
ใช่แล้ว รุ่นพี่เป็นคนถ่าย
“ไม่มีทาง…นี่มัน…”
ฉันกำหนังสือพิมพ์แน่น อ่านข้อความ การสูบบุหรี่ในโรงเรียนที่ควรจะเป็นเขตปลอดบุหรี่ กลายเป็นเรื่องปกติ แม้แต่ในอาคารเรียน มีคำให้การเกี่ยวกับการกลั่นแกล้ง และการลงโทษทางร่างกายในชมรมยูโดที่เขาเป็นที่ปรึกษา มันคือการใช้อำนาจในทางมิชอบ การชี้นำและการลงโทษที่เกินกว่าบทบาทของอาจารย์ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ เปิดโปงความผิดของอาจารย์ชิราฮาตะ
ดูเหมือนมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของอาจารย์
“รุ่นพี่…!”
ฉันโยนหนังสือพิมพ์ทิ้ง วิ่งออกไป ฉันไม่รู้ว่ารุ่นพี่อยู่ที่นั่นไหม แต่มันมีเพียงที่เดียวเท่านั้นที่ฉันคิดจะไป