ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 954 ตามหาคน
ตอนที่ 954 ตามหาคน
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ บริเวณเชิงหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง ทุกคนล้วนปักหลักรออยู่ตรงนั้นอย่างสงบ
ชั่วพริบตาเดียวก็เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว
แต่เรื่องที่ทำให้ฉู่หลิวเยว่วางใจเล็กน้อยก็คือ หลังจากกระดิ่งทองคำของอู๋หมิงแหลกสลายไปแล้ว กระดิ่งทองคำของคนอื่นล้วนยังปกติดี ไม่ได้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน
“ทุกคนล้วนอยู่ด้านในนั้นมาหนึ่งคืนแล้ว เช่นนั้นพวกเราควรกลับไปพักผ่อนกันก่อนดีหรือไม่ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
ในที่สุดจวินฉีจือก็พูดขึ้น
แม้ว่าสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว การปักหลักอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายวันหลายคืนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ความจริงแล้วจะต้องรอทั้งหมดสิบห้าวัน ซึ่งเป็นเวลาที่ค่อนข้างจะยาวนาน
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ปักหลักรออยู่ที่นี่ล้วนเป็นจักรพรรดิของหลายเมือง ล้วนไม่มีใครเป็นคนที่ว่างงาน
แม้กระทั่งตัวของจวินฉีจือเอง ก็ต้องหาเวลากลับไปจัดการราชกิจ
เมื่อกงซุนเซียวและคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเล็กน้อย
จะกลับกันแล้วหรือ…แบบนี้ไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังอยู่ข้างในกันอยู่เลยนะ ความเป็นจริงเรื่องนี้ทำให้เขาไม่สามารถวางใจลงได้
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เข้าใจ เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะเพคะ”
ท่ามกลางความเงียบงัน ฉู่หลิวเยว่ก็ลุกขึ้นยืน
ทุกคนต่างตกใจกันอย่างมาก จากนั้นก็ค่อยๆ หันไปมองหน้านาง
พวกเขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?
คาดไม่ถึงว่าซั่งกวนเยว่จะเดินออกไปเป็นคนแรก?
หรือว่านางจะไม่เป็นห่วงคนของราชวงศ์เทียนลิ่งที่เข้าไปเลยใช่หรือไม่?
ต้องบอกก่อนว่า ในกลุ่มของคนที่เข้าไปด้านในนั้น กลุ่มของพวกนางเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด และสถานการณ์จึงน่าเป็นห่วงมากที่สุดด้วย…
จวินฉีจือเองก็แปลกใจเล็กน้อย แต่ในเมื่อฉู่หลิวเยว่พูดเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้พูดอันใดมาก จึงพยักหน้าตอบรับ
“ข้าจะให้คนไปส่งเจ้า”
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หลังจากนั้น นางก็เบนศีรษะไปพูดกับผู้อาวุโสเฉินเค่อและคนอื่นๆ ว่า
“ข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อน ลำบากผู้อาวุโสทั้งหลายแล้ว”
เมื่อพูดจบนางก็สาวเท้าเดินออกไปจริงๆ
ขั้นตอนทั้งหมด ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ แต่ก็สามารถจัดการทุกอย่างได้หมดจด
“ช่างเยาว์วัยจริงๆ แค่นี้ก็รอไม่ได้”
กงซุนเซียวหัวเราะฮ่าๆ
“ที่นี่มีผู้อาวุโสทั้งหลายคอยดูแลอยู่ เดิมทีก็ไม่มีอันใดน่าเป็นห่วง”
จวินฉีจือพูดขึ้นและลุกขึ้นยืน
“ข้านั้นยังมีธุระต้องไปจัดการ ต้องขอตัวไปก่อน ทุกคนเชิญตามสบาย ถ้าหากพวกท่านมีปัญหาอันใด ที่นี่มีผู้อาวุโสมากมายและแม่ทัพชี พวกเขาสามารถช่วยท่านแก้ไขปัญหาได้”
เดิมทีที่นี่ก็เป็นดินแดนของเป่ยหมิง พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องอันใด
พวกเขารออยู่ด้านนอก สถานการณ์ด้านในเป็นอย่างใด พวกเขาล้วนมองไม่เห็น อยู่ที่นี่ก็จะมีแต่ความลำบาก ความจริงแล้วมันไม่ค่อยจำเป็นเลย
เมื่อเห็นว่าจวินฉีจือและฉู่หลิวเยว่หายลับตาไปแล้ว สีหน้าของกงซุนเซียวก็หวั่นไหวเล็กน้อย
เขาหันไปมองทางหนิงหยวนครู่หนึ่ง
“พี่หนิง ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างใด? จะรออยู่ตรงนี้ต่อหรือไม่?”
ท่าทางของหนิงหยวนดูสงบนิ่ง
“อยู่ที่นี่ข้าก็สามารถบำเพ็ญเพียรได้ ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาถ้าจะต้องรอ”
กงซุนเซียวสำลัก
หนิงหยวนตั้งใจจะปักหลักรออยู่ที่นี่จนจบเลยหรือ?
“ที่พี่หนิงพูดก็มีเหตุผล”
กงซุนเซียวล้มเลิกความคิดที่จะจากไป และรอพร้อมกันอยู่ที่นี่
เดิมทีเขาก็คิดว่าจะรอไปด้วยและบำเพ็ญเพียรไปด้วยอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่จิตใจไม่สงบ จึงไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้ สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้
รอก็รอ!
คนของราชวงศ์เทียนลิ่ง น่าจะมาที่นี่เพื่อมาเข้าร่วมเท่านั้น อีกทั้งราชวงศ์ไท่อวี่ก็ไม่มีอันใดให้น่ากังวลเลย
ภัยคุกคามที่แท้จริงของราชวงศ์ซีเหยียน นั่นก็คือเป่ยหมิงและตงหนิง!
เป่ยหมิงมีกาลเวลาที่เหมาะสม สถานที่ที่เหมาะสม ดังนั้นมีโอกาสที่จะชนะมากก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว
และพวกเขาเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะต่อสู้อย่างหนัก
ขอเพียงแค่ชนะตงหนิงได้ก็พอแล้ว!
หนิงหยวนรออยู่ที่นี่ แน่นอนว่าเขาก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้!
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่มีความตั้งใจที่กลับไป ถานไถเฉินเองก็จะนั่งรออยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ ด้วยเช่นเดียวกัน
…
อีกด้านหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ที่ออกมาจากหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงแล้ว นางก็กลับไปที่จวนกลางเมืองหลินโจวอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ทุกคนอยู่บนหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงเกือบจะทั้งหมดแล้ว ในตอนนี้จวนจึงดูเหมือนร้างอย่างมาก มีเพียงข้ารับใช้ที่ถูกส่งมาบางส่วนเท่านั้น
เมื่อเห็นว่านางกลับมา เหล่าบ่าวรับใช้ก็ตกใจอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอันใด
ช่วงนี้มีข่าวลือออกมาว่าคนผู้นี้กับไท่จื่อเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ต่อกัน ไม่ว่าอย่างใดพวกเขาก็ประจบไม่ทันแล้ว แต่ไหนเลยจะกล้าล่วงเกิน?
ฉู่หลิวเยว่พูดเพียงว่าต้องการจะพักผ่อน ก็ไม่มีใครกล้ารบกวน บ่าวรับใช้เหล่านั้นจึงถูกไล่ออกไปอย่างง่ายดาย
หลังจากที่เข้าห้องมาแล้ว นางก็ลงกลอนประตูอย่างดี เหมือนว่าต้องการจะพักผ่อนจริงๆ
แต่นางไม่ได้เดินไปที่เตียง นางกลับเดินอ้อมฉากบังลมไป
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ยืนรออยู่ที่ด้านหลัง ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้แล้ว
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง ชายผู้นั้นก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“ถวายบังคมฝ่าบาท!”
ฉู่หลิวเยว่มองหน้าชายผู้นั้น
ดูแล้วเขาอายุประมาณ ยี่สิบสี่ยี่สิบห้า รูปร่างผอมสูง ใบหน้าหล่อเหลา
ดวงตาสีชา บางครั้งก็มีประกายความมืดมิดพร้อมกับแววตาที่เจ้าเล่ห์ สามารถมองออกได้ว่า เขาดูไม่มีผิดไม่มีภัย
ปลายจมูกของฉู่หลิวเยว่กระตุกเล็กน้อย
“ดื่มเหล้าอีกแล้วหรือ?”
ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นมืดครึ้มลง
“ฝ่าบาท ไม่เจอกันตั้งสองปี ครั้งแรกที่เจอกันเหตุใดท่านถึงตรัสเช่นนี้เล่า?”
ฉู่หลิวเยว่เดินไปนั่งลงที่ข้างกายของคนผู้นั้น แล้วยกยิ้มขึ้น
“ไม่เจอกันตั้งสองปี อู่เหยา เจ้ายังไม่เลิกติดดื่มสุราอีกหรือ”
อู่เหยาลูบจมูกปอยๆ แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ
“หึ ท่านเดาผิดแล้ว สองปีมานี้ ข้าน้อยไม่ได้แตะสุราแม้แต่หยดเดียวเลยจริงๆ ”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“จริงหรือ? แล้วกลิ่นสุราพวกนี้มาจากไหน?”
อู่เหยาขยับตัวเข้าใกล้เล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แม้ว่าข้าน้อยจะเลิกเหล้าแล้ว แต่ฝีมือการกลั่นสุรานั้นไม่ใช่เรื่องโกหก! วันนี้ข้าใช้สุราเพียงแค่กาเดียว ก็สามารถเปิดห้องทรงอักษรของไท่จื่อเป่ยหมิงได้แล้ว”
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางเหยียดตัวหลังตรง
“ได้อันใดมาบ้าง?”
อู่เหยาหรี่ตามอง
“ภายในห้องทรงอักษรของจวินจิ่วชิงผู้นั้น มีช่องทางลับอยู่ช่องทางหนึ่ง แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้น ภายในช่องทางลับนั้น เหมือนว่าได้ซ่อนค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาไว้ด้านในด้วย!”
“แล้วได้สืบหรือไม่ว่าปลายทางของค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นอยู่ที่ใด”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ แต่ว่า…ข้าน้อยกับเจออันใดบางอย่าง คนที่ท่านเคยให้ข้าตามหามาก่อนหน้านี้ เหมือนว่าเขาจะเคยมาที่ห้องทรงอักษรนี้มาก่อน!”