ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 637 จุดกระตุ้น
ตอนที่ 637 จุดกระตุ้น
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวที่ต่างออกไปของฉู่หลิวเยว่ เซี่ยหลิงหยางก็ตาเป็นประกายด้วยความประหลาดใจทันที
คนที่อยู่ระดับสี่ขั้นสูงจะใช้ศิลปะการต่อสู้ระดับตี้ได้จริงๆ หรือ?
การใช้ศิลปะการต่อสู้ระดับตี้นั้นต้องใช้พลังปราณดั้งเดิมจำนวนมาก แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่กังวลว่าตัวเองจะรับไม่ไหวบ้างเลยหรือ?
ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเขา
แต่เซี่ยหลิงหยางก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจมากนัก ดังนั้นเขาจึงตั้งสมาธิอีกครั้ง และเปิดใช้งานพลังปราณดั้งเดิมในร่างกายของตน
พลันลวดลายอักขระสีฟ้าจางๆ ก็ค่อยๆ ควบแน่นต่อหน้าเขา!
…
ในอีกด้านหนึ่ง จุดแสงบนปลายนิ้วของฉู่หลิวเยว่ก็เริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ
พลังของโลกและสวรรค์โดยรอบถูกดูดเข้ามารวมกัน ด้วยแรงดึงดูดอันทรงพลังบางอย่าง!
ลำแสงนั้นสะท้อนลงบนใบหน้าขาวเนียนราวหยกของฉู่หลิวเยว่ พร้อมทั้งสะท้อนลงบนดวงตาที่ลึกและสดใสของนาง ราวกับว่ามีประกายระยิบระยับอยู่ในดวงตาของนาง
คราวก่อนนางไม่ได้ดึงศักยภาพทั้งหมดของนิภาปลายนิ้วออกมาใช้
และครั้งนี้ จะเป็นการพยายามเค้นพลังของนิภาปลายนิ้วออกมาใช้อย่างจริงจังครั้งแรก!
และนางก็ยังสงสัยไม่หายว่า ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตนนั้น จะสามารถดึงพลังของนิภาปลายนิ้วออกมาใช้ได้มากเพียงใดกัน!
…
ในขณะที่มนุษย์สองคนนั้นกำลังสะสมพลังปราณและเตรียมตัวทำการใหญ่ สัตว์อสูรทั้งสองตัวที่กำลังลอยอยู่เหนืออากาศ ก็เริ่มเข้าสู่การต่อสู้
หรือจะพูดว่าการเผชิญหน้า คงเหมาะกว่า
เนื่องจากรูปร่างของสัตว์อสูรทั้งสองมีขนาดต่างกันเกินไป
ถวนจื่อนั้นขนาดเท่าลูกตาของงูหลามมรกตหน้าจั่วข้างเดียวเท่านั้น
เพียงอ้าปาก มันก็สามารถกลืนถวนจื่อเข้าไปได้ทั้งตัว!
อีกทั้งตัวหนึ่งอยู่ระดับสาม และอีกตัวอยู่ระดับหก
แค่นี้ก็เห็นแล้วมิใช่หรือ ว่าผู้ใดจักเป็นฝ่ายชนะ?
งูหลามมรกตหน้าจั่วจ้องมองถ่วนจื่อที่อยู่ตรงหน้า พร้อมความโกรธแค้นในดวงตาของมัน
เจ้าอ้วนกลมนั่นเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับสาม แน่นอนว่าย่อมหลบหนีการโจมตีของมันไม่ได้
แต่ทว่าเพียงพอนโลหิตตัวนี้กลับรวดเร็วและว่องไวกว่าเพียงพอนโลหิตทั่วไปเสียอีก
และหลังจากยิงพลังออกไปรัวๆ อีกฝ่ายกลับหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย และนั่นสร้างความอับอายให้มันอย่างมาก
ราวกับสัมผัสได้ถึงความโกรธ ถวนจื่อกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยกอุ้งเท้าขึ้นและพุ่งเข้าใส่มันทันที
…เข้ามาสิ!
รูม่านตาของงูหลามมรกตหน้าจั่วหดตัวเป็นขีดบางๆ ในพริบตา!
มันอ้าปากที่เปื้อนเลือดขึ้นและฉกออกไปด้วยหวังจะกลืนกินถวนจื่อ!
พลันแรงดูดที่ทรงพลังก็ระเบิดออกมา!
จนเกิดลมกระโชกพัดโถมใส่ถวนจื่อ!
ร่างกายของมันถูกดึงออกไปโดยพลังที่มองไม่เห็น!
ไม่นานมันก็ลอยมาอยู่ตรงหน้างูหลามมรกตหน้าจั่ว!
ฟันที่ขาวและแหลมคมส่องประกายแวววาวเย็นยะเยือก!
แต่ขณะนั้นเอง ถวนจื่อก็เริ่มเคลื่อนไหว และพุ่งเข้าใส่งูหลามมรกตหน้าจั่วด้วยตัวเอง!
ส่วนงูหลามมรกตหน้าจั่วที่ไม่ทันได้ตั้งรับ และคิดจะหยุด กลับต้องพบว่าเพียงพอนโลหิตตัวนั้น กระโดดใส่หัวของตนแล้ว!
“วืดๆ”
งูหลามมรกตหน้าจั่วสะบัดและส่ายหัวไปมา หวังให้เจ้าอ้วนกลมนั่นหลุดจากตน
แต่กรงเล็บของถวนจื่อนั้นแหลมคม จนสามารถตัดผ่านเกล็ดที่อยู่เหนือหัวของมันได้!
งูหลามมรกตหน้าจั่วกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด!
…นั่นคือ เกราะเกล็ดสามเหลี่ยม! เกล็ดที่สำคัญที่สุดและเปราะบางที่สุดบนตัวมันเชียวนะ!
ร่างกายของมันเริ่มกระตุกอย่างรุนแรง!
ถวนจื่อกำเกราะเกล็ดสามเหลี่ยมที่หักไว้แน่น! ให้ตายอย่างใดมันก็จะไม่ปล่อยมือเด็ดขาด!
เมื่อความเจ็บปวดบนหัวของมันทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ งูหลามมรกตหน้าจั่วก็เริ่มกระวนกระวายใจ พลันฮึดสู้อย่างไร้ความปราณี และฟาดหางตบถวนจื่อที่อยู่บนหัวของมันโดยตรง!
ถวนจื่อเงยหน้าขึ้น แล้วดึงเกราะเกล็ดสามเหลี่ยมนั้นออก ด้วยสายตาที่เฉียบคมและมือที่ฉับไว!
ร่างของงูหลามมรกตหน้าจั่วสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด พร้อมเลือดสีเข้มที่สาดกระเซ็นออกมา!
ถวนจื่อดีดตัวถอยหลังกลับอย่างไม่ลังเล!
เปรี้ยง!
ตามมาด้วยเสียงฟาดที่ดังกังวาน!
ทว่าหางของงูหลามมรกตหน้าจั่วกลับตบโดนหัวของตัวเองเต็มๆ!
มันทั้งมึนและโกรธมาก มันสูญเสียการควบคุมไปชั่วขณะ เพราะมันออกแรงฟาดเสียเต็มแรง!
ส่งผลให้หัวงูที่บาดเจ็บอยู่แล้ว ยิ่งดูแย่กว่าเดิม!
อสรพิษร้ายงุนงงจนมองเห็นดาว และแทบจะล้มลงไป!
ผิดกับถวนจื่อที่ลอยตัวอยู่ไม่ไกล พลางถือเกล็ดเปื้อนเลือดที่ใหญ่กว่าตัวของมันไว้ในกรงเล็บ โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย
ภาพเหตุการณที่เกิดขึ้นนั้นดูแปลกประหลาดเสียจน ผู้คนที่มองดูต่างพากันเงียบและทำหน้าทำตาประหลาดใจสุดขีด
จะ…เจ้าเพียงพอนโลหิตระดับสามนี่ แข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ?
ถวนจื่อมองเกล็ดงูในกรงเล็บของมันด้วยความขยะแขยง
แม้ว่างูหลามมรกตหน้าจั่วจะเป็นสัตว์อสูรระดับหก แต่ความฉลาดทางจิตวิญญาณของมันไม่สูง และไม่มีอันใดเลยนอกจากพลังอันดุร้าย
เห้อ! ไม่เห็นจะน่าท้าทายตรงไหน
มันคว้าเกล็ดชิ้นนั้นขึ้นมา แล้วหักมันอย่างดุเดือด ภายใต้การจ้องมองที่น่าสยดสยองของูหลามมรกตหน้าจั่ว!
แกร็ก!
เกล็ดชิ้นนั้นหักเป็นสองท่อน!
งูหลามมรกตหน้าจั่วส่งเสียงคำรามอย่างคร่ำครวญ
พลันเกล็ดที่เหลือบนร่างกายของมัน ก็เริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็ว!
และในพริบตา ลำตัวของมันก็เปลี่ยนจากสีเขียว เป็นเทาอ่อน!
ทุกคนต่างมองตาค้าง อ้าปากกว้างอย่างตกตะลึง
เซี่ยหลิงหยางที่อยู่บนพื้นสัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง พลันเงยหน้าขึ้นมอง!
เมื่อเขาเห็นรูปลักษณ์ของงูหลามมรกตหน้าจั่วในตอนนี้เต็มสองตา ก็ถึงกับหน้าซีดทันควัน!
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
ร่างของงูหลามมรกตหน้าจั่วบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอยู่กลางอากาศ ชั้นของเกล็ดสีเทาอ่อนเหล่านั้นค่อยๆ ลอกออกจากร่างกายของมัน!
ราวกับถูกบังคับให้ต้องลอกคราบ!
สิ่งที่ถูกขนานนามที่สุดเกี่ยวกับงูหลามมรกตหน้าจั่ว ก็คือเกล็ดที่เหมือนเกราะของมัน
แต่มันก็มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงอยู่จุดหนึ่ง นั่นก็คือ เกราะเกล็ดสามเหลี่ยมบนหัวของมัน เมื่อเกล็ดนั่นถูกทำลาย เกล็ดของร่างกายทั้งหมดจะเสียหาย และส่งผลให้มันต้องลอกคราบ
ซึ่งหลังจากลอกคราบแล้ว ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนกว่าที่เกล็ดสีเทาอ่อนจะเติบโตกลายเป็นเกล็ดสีเขียวที่แข็งเหมือนเดิม!
กล่าวคือ ตอนนี้งูหลามมรกตหน้าจั่วได้สูญเสียพลังการต่อสู้พื้นฐานแล้ว!
…
ถวนจื่อบินกลับไปหาฉู่หลิวเยว่ พลางกระดิกหางราวกับจะขอรางวัล
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขณะมองมัน
ดูเหมือนเจ้าตัวน้อยนี่จะเติบโตขึ้นแล้ว…
ทั้งๆ ที่นางเพิ่งจะเตือนมันเมื่อครู่ แต่มันกลับโจมตีอย่างต่อเนื่องและไร้ความปรานี อีกทั้งยังไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ได้โต้กลับด้วยซ้ำ
เซี่ยหลิงหยางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มหน้าบูดบึ้ง
เมื่อเขาเห็นงูหลามมรกตหน้าจั่วถูกเรียกคืน ความโกรธของเขาแทบจะทะลักออกมาราวกับลาวาที่กำลังปะทุ!
กล้าหลอกกันได้นะ ฉู่หลิวเยว่!
เขาพึมพำเสียงทุ้ม จากนั้นอักขระสีน้ำเงินที่อยู่ข้างหน้าเขา ก็บินออกไปโดยเงียบๆ!
“ยันต์เก้าวิญญาณยมโลก!”
อักขระเหล่านั้นลอยขึ้นต้านลม!
เพียงพริบตา มันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนสูงเท่าคนคนหนึ่ง!
พร้อมแสงสีน้ำเงินจางๆ ที่ส่องสว่างบนนั้น! ช่างน่าประหลาด! ทว่าแข็งแกร่งยิ่ง!
ขณะเดียวกัน ฉู่หลิวเยว่ก็ชี้มือขวาไปข้างหน้า
“นิภาปลายนิ้ว!”