ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1635 สามี
ตอนที่ 1635 สามี
……….
นางยื่นมือออกไปแล้วจิ้มที่หน้าอกของหรงซิวเบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างยั่วเย้า
“หรงซิว ไม่แน่ว่าแม่นางคนนั้นอาจจะเป็นคุณหนูจากตระกูลใดตระกูลหนึ่งที่มีฐานะยอดเยี่ยม แต่แม่นางคนนั้นกลับตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกพบ เห็นได้ชัดว่าฝีมือของเจ้ายังดีเหมือนเดิมเลยนะ”
นางนึกย้อนกลับไปตอนที่หรงซิวยังหนุ่ม ใบหน้ายังดูอ่อนเยาว์กว่านี้หลายส่วน และเป็นหนุ่มในฝันของสาวนับไม่ถ้วน
เขาเข้ามาที่สำนักหลิงเซียววันแรกก็แทบจะทำให้แม่นางทั่วทั้งสำนักไปมุงดูเขา
ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว จากเด็กหนุ่มเติบโตเป็นชายฉกรรจ์
ใบหน้าเย้ายวน ท่าทางสูงส่ง
แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ยังต้องลอบถอนหายใจในใจ
ผู้ชายคนนี้ดูสง่างามและสูงส่งมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
หรงซิวเหลือบสายตามองนาง จากนั้นก็กุมมือนางเอาไว้ก่อนจะดึงเข้ามาให้ใกล้ขึ้นอีกนิด
ทั้งสองคนแทบจะใช้ลมหายใจเดียวกัน ลมหายใจอุ่นร้อนรดใบหน้ากันและกัน
กลิ่นหอมเย็นๆ ยังคงอยู่ และยังมีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่ได้ขยับเข้าใกล้กัน เมื่อถูกดวงตาที่ลึกล้ำจนไร้ก้นบึ้งของหรงซิวมอง รอบกายก็ถูกลมปราณของเขาปกคลุม แต่ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกว่าใบหน้าของตนเองนั้นร้อนผ่าวขึ้นมา
ท่าทางของเขาดูมีมารยาทและมีความยับยั้งชั่งใจ ในตอนนี้นางรู้แค่เพียงว่าแววตานั้นแฝงด้วยความดุดันและก้าวร้าวขนาดไหน
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นไม่เป็นจังหวะอย่างกะทันหัน
สายตาของเขานั้นเต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึก จนแทบจะทำให้นางต้องเบี่ยงสายตาออกอย่างไม่รู้ตัว
“เจ้าได้กลิ่นอันใดบ้างหรือไม่?”
หรงซิวถามขึ้นอย่างกะทันหัน
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและแหบพร่า ในตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองใกล้กันมาก และเขายังจงใจพูดเสียงเบา เหมือนกับกำลังกระซิบที่ข้างหูของนาง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกร้อนขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“กลิ่นอันใดหรือ?”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น
“กลิ่นเปรี้ยว”
ฉู่หลิวเยว่ได้สติขึ้นมาในทันที พร้อมจ้องเขาตาเขม็งด้วยความโกรธ นางผลักตัวของเขาออก จากนั้นก็หัวเราะเสียงเบา และหมุนตัวเดินออกไป
คนบางคนก็เริ่มทำตัวกำเริบเสิบสานมากขึ้นแล้ว
หรงซิวที่ถูกผลักก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่กลับหัวเราะขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่รีบเดินเร็วขึ้นมากกว่าเดิม
หรงซิวเพิ่งจะสาวเท้าและเดินตามไปด้านหลังอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“เยว่เออร์ เจ้าไม่ได้กลิ่นจริงหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ทำเป็นไม่ได้ยิน
ซั่งกวนจิ้งมองขึ้นฟ้าอย่างไร้คำพูด
เขาก็ได้กลิ่นแล้ว กลิ่นเหม็นความรัก
…
หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ มาถึงป่าวิญญาณสีชาดอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่เขากำลังจะเดินเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง หนานอวี่สิงหันกลับไปมอง และขมวดคิ้วขึ้นในทันที
เหตุใดพวกเขาก็มาที่นี่ด้วย?
ภายในใจของเขามีความรู้สึกรังเกียจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงหัวเราะเยาะออกมาอย่างอดไม่ได้
“เมื่อครู่นี้ยังทำเป็นกำเริบเสิบสาน ตอนนี้จะไล่ตามข้ามาเหตุใด? ข้าจะขอพูดกับพวกเจ้าให้ชัดเจนเสียก่อนนะ เรื่องก่อนหน้านี้ ข้าจะเห็นแก่หน้าน้องสาวจึงไม่เอาความพวกเจ้าชั่วคราว แต่หากพวกเจ้ายังคงมาพัวพันไม่เลิกรา ก็อย่าโทษที่พวกเราไม่เกรงใจ!”
ฉู่หลิวเยว่มองไปด้วยสายตาแปลกประหลาด
“คุณชาย… ท่านนี้ เกรงว่าจะมีอันใดเข้าใจผิดกันแล้ว? พวกเราเพียงแค่ต้องการเดินทางผ่านป่าวิญญาณสีชาดเพื่อเข้าไปในสุสานสังหารเทพเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะไล่ตามพวกเจ้าเลย”
สีหน้าของหนานอวี่สิงย่ำแย่ในทันที
คำพูดของผู้ชายคนนั้นไม่น่าฟังอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่า แม่นางคนนี้จะเป็นเช่นเดียวกัน!
เขากัดริมฝีปากแน่น แกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ๆ!
เขากำหมัดแน่นน้ำเสียงเย็นยะเยือกกว่าเดิม
“พวกเจ้าก็จะเข้าไปหรือ? สุสานสังหารเทพอันตรายเป็นอย่างมาก และเป็นที่ที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย พวกเจ้าไม่มีธุระอันใดจะเข้าไปที่นั่นด้วยเหตุใด?”
เดิมทีเขาคิดว่า อีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อหาสถานที่ลึกลับในการหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาโดยเฉพาะเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แล้ว
ฉู่หลิวเยว่เกือบจะหัวเราะออกมาแล้ว
“หรือป่าวิญญาณสีชาดและสุสานสังหารเทพจะเป็นที่ของพวกเจ้า มีเพียงแค่พวกเจ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ส่วนคนอื่นล้วนเข้าไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ? หากไม่ได้เป็นเช่นนี้… เจ้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะพูดไม่ใช่หรือ?”
หนานอวี่สิงพูดอันใดไม่ออก
เขาไม่ได้โต้เถียงต่อแต่กลับหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้น
แต่…
หนานอีอีกลับกอดอกขึ้นมาอย่างกะทันหัน และหัวเราะเสียงเย็นก่อนจะพูดว่า
“เป็นเพราะว่าพวกเจ้าน่าสงสัยน่ะสิ”
“พวกเราต้องการเดินทางผ่านป่าวิญญาณสีชาดเพื่อเข้าไปในสุสานสังหารเทพก่อน พวกเจ้าติดตามมาทีหลัง อีกทั้งสุสานสังหารเทพยังกว้างขวางขนาดนี้ พื้นที่ชายแดนมีจำนวนมากที่สามารถเดินทางเข้าไปได้ แต่เหตุใดพวกเรายังเจอพวกเจ้าอยู่ที่นี่อีกละ? แบบนี้มันคงไม่บังเอิญเกินไปหรอกมั้ง?”
ตราบใดที่นางไม่ได้เผชิญหน้ากับหรงซิว ความสามารถในการต่อสู้ของนางก็ไม่ได้อ่อนด้อยเลย
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้นางก็เห็นว่าฉู่หลิวเยว่เป็นศัตรูของตนเองแล้ว
จะว่าไปแล้วมันคือการสู้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน!
“อ่า… อย่างนี้นี่เอง ได้ยินเช่นนี้ก็เหมือนว่าจะมีเหตุผลอยู่หลายส่วนนะ…”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเหมือนกับเห็นด้วย จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที
“แต่เหมือนว่าพวกเราจะมาถึงก่อนนะ หากพูดถึงตัวปัญหา ก็น่าจะเป็น… พวกเจ้ามากกว่าละมั้ง?”
หนานอีอีชะงักไปเล็กน้อย
“เจ้า…”
นางอยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่เหมือนคิดขึ้นมาได้ว่า อีกฝ่ายมาถึงที่นี่ก่อนพวกนางจริงๆ
ทันใดนั้นเหตุผลหลักของนางก็กลายเป็นเรื่องไร้สาระไป ความรู้สึกเช่นนี้ย่ำแย่อย่างมาก
หนานอวี่สิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นกัน
แล้วหมายความว่า…มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงหรือ?
“ต่อให้เป็นเช่นนั้น แต่ตอนนี้พวกเราจะเข้าทางนี้ พวกเจ้า…ไปทางอื่น อย่ามาใช้ถนนเส้นเดียวกับพวกเรา”
น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้าง เหมือนกับกำลังสั่งการใครอยู่
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนุกมากยิ่งขึ้น
เหมือนว่าสมองของสองพี่น้องคู่นี้จะไม่มีกล้ามเนื้ออยู่เลย
ไม่ทราบว่าเขานั่งตำแหน่งเจ้าคนนายคนนานเกินไปหรือไม่ จึงได้ชี้นิ้วสั่งการเป็นนิสัย ทุกคำพูดที่พูดออกมาทำให้นางรู้สึกรังเกียจได้สำเร็จแล้ว
“ปกติแล้วพวกเจ้าสนใจฟ้าใส่ใจดินมากขนาดนี้เลยหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นมาด้วยความความสงสัยอย่างอดไม่ได้
หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ ก็รู้สึกเก้อกระดากไปทันที
“ในเมื่อพูดเช่นนี้หมายความว่าพวกเจ้าจะไม่ยอมทำตามหรือ?”
ภายในน้ำเสียงของหนานอวี่สิงแฝงด้วยแรงคุกคามอยู่หลายส่วน
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา ดวงตาก็โค้งขึ้น
นางยื่นมือออกมาแล้วชี้ไปทางหนานอีอีก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงใจเป็นอย่างมาก
“หากพูดว่าคนที่พัวพันไม่เลิกรา…คงจะเป็นน้องสาวที่รักของเจ้ามากกว่าละมั้ง ที่ยังมาพัวพันกับสามีของข้าไม่เลิกรา? ข้าคิดว่าคนที่จะต้องออกไปก่อนน่าจะเป็นพวกเจ้ามากกว่าละมั้ง?”
……….