ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1632 ทำให้ข้าไปหาภรรยาช้า
ตอนที่ 1632 ทำให้ข้าไปหาภรรยาช้า
……….
ทัณฑ์สวรรค์ลดจำนวนลง เมฆดำก็จางหายไป!
เปลวเพลิงโดยรอบกายเขาหายไปทีละน้อย
เหลือเพียงแต่ชุดเกราะที่ลอยอยู่ด้านหน้า พร้อมลำแสงที่สว่างเจิดจ้า!
ภายนอกมีประกายแสงปกคลุมหนึ่งชั้น ทำให้คนภายนอกมองเห็นไม่ชัดเจน
อย่างใดก็ตามลมปราณที่แข็งแกร่งและจำนวนมากนั้นกลับไม่สามารถทำให้ผู้คนเมินเฉยได้
ในตอนนั้นผู้อาวุโสอูเผิงและคนอื่นๆ ต่างตกอยู่ในความเงียบงัน
พวกเขาล้วนรู้ดีว่า นั่นคือ… อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาจริงๆ!
คาดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้… จะใช้เวลาเพียงวันเดียว… ไม่สิ! คืนเดียวเท่านั้น ในการหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาออกมาหนึ่งชิ้น!
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นกับตา หัวใจก็สั่นสะท้าน และไม่สามารถบรรยายออกมาได้
หรงซิวสะบัดมือของตนเอง ลำแสงตกลงที่กลางฝ่ามือของเขา จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว รอบข้างยังมีหมอกหนาปกคลุมหนึ่งชั้น
เขาสวมชุดขาวยืนอยู่กลางกลุ่มหมอก ท่าทางงดงามดั่งเซียน
หนานอีอีมองจนนิ่งค้างไป
และในตอนนั้นเอง เขาก็หมุนตัวกลับมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะเดินมาทางนี้
เขาเดินมาอย่างเชื่องช้าและสงบนิ่ง ทว่าฝีเท้าแต่ละก้าวนั้นได้เหยียบย่ำที่หัวใจของหนานอีอี
หนานอีอีกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ทั่วทั้งร่างตึงเกร็งขึ้นมาทันที
หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเหมือนถูกแผดเผา
นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ผู้ชายคนหนึ่งที่นางยังเห็นหน้าไม่ชัด จะทำให้นางไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายลดลงเรื่อยๆ
หนานอวี่สิงหันมองทางหนานอีอี เมื่อเห็นว่านางกำลังจ้องไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย ตอนแรกเขาก็อยากจะพูดอันใดขึ้นมา
แต่เมื่อคำพูดมาอยู่ที่ริมฝีปาก เขาก็พูดอันใดไม่ออกอย่างกะทันหัน
เขาไม่เคยเห็นน้องสาวผู้นี้แสดงสีหน้าให้ใครเช่นนี้มาก่อนเลย
แม้ว่าปกติแล้วเขาจะเข้มงวดกับนาง แต่ภายในใจก็ยังเอ็นดูนางอยู่เสมอ
หากนางชอบอีกฝ่ายมากจริงๆ … ตราบใดที่อีกฝ่ายมีภูมิหลังที่ดี ด้วยลักษณะท่าทางสง่างามเช่นนี้ กอปรกับเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการหลอมอาวุธ เขาก็สามารถพิจารณาได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็สาวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วประสานมืออย่างเกรงใจ
“ท่านผู้นั้นโปรดรั้งเท้าก่อน”
ฝีเท้าของหรงซิวไม่หยุดนิ่ง เขาทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
หนานอวี่สิงขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
ผู้ชายคนนี้มีความเย่อหยิ่งจองหองมากจริงๆ
แต่หากอีกฝ่ายเดินไปไกลแล้วจะแย่เอาได้
เขาเดินไปด้านหน้าอีกครั้งเพื่อขวางทางหรงซิวไว้
หรงซิวถึงได้หยุดฝีเท้า เขาเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายเล็กน้อย
หัวใจของหนานอวี่สิงเต้นระรัว
ดวงตาของผู้ชายคนนี้ลึกล้ำ ราวกับกำลังมองบึงเหน็บหนาวอันไร้ก้นบึง
แค่มองไปก็รู้สึกถึงความเย็นชาและหนาวเหน็บ
เหมือนกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งของที่ไม่มีความสำคัญ
สายตานั้นทำให้หนานอวี่สิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
แต่เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ขาดประสบการณ์ ตอนนี้เขายังสามารถควบคุมอารมณ์ได้
“ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย ผู้น้อยมีนามว่าหนานอวี่สิง ข้าเห็นว่าท่านอายุยังน้อยแต่ได้เป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชา ข้าจึงรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าพวกเราจะสามารถเป็นสหายกันได้หรือไม่? หลังจากนั้น…”
“ไม่จำเป็น”
เขายังไม่ทันพูดจบ หรงซิวก็ได้ให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมาแล้ว
เมื่อพูดจบหรงซิวก็เบี่ยงตัวหลบ แล้วเดินหน้าต่อ
หนานอวี่สิงยังคงยืนตะลึงอยู่ที่เดิม ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
ปกติแล้วเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มสานสัมพันธ์กับใครง่ายๆ แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกปฏิเสธ
โดยทั่วไปแล้วมีคนตั้งมากมายที่อยากจะพูดคุยและแสวงหามิตรภาพจากเขา แต่คนเหล่านั้นอาจจะไม่มีโอกาสนี้!
คาดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้…
เขาโมโหจนหัวเราะออกมา จากนั้นก็หมุนตัวกลับไป
“เหมือนว่าตัวท่านจะมีค่ามากเลยสินะ”
แม้ว่าเขากำลังหัวเราะอยู่ แต่คำพูดนั้นแฝงด้วยการประชดประชันที่ชัดเจนอย่างมาก
หรงซิวไม่ได้ชะงักฝีเท้าเลยด้วยซ้ำ
ในที่สุดหนานอวี่สิงก็ไม่สามารถเก็บอาการได้อีกต่อไปแล้ว
เขายังไม่ทันได้ทำอันใด หนานอีอีก็วิ่งไปด้านหน้าก่อนแล้ว!
“เจ้า! ช้าก่อน!”
นางวิ่งเยาะๆ เข้าไป หลังจากนั้นไม่นานก็พุ่งตัวไปหยุดอยู่ด้านหน้าของหรงซิว
หรงซิวที่มีสีหน้าราบเรียบมาโดยตลอด ในที่สุดก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นแล้ว
เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในแววตามีประกายหมดความอดทนฉายชัดขึ้นมา
หนานอีอีเงยหน้าขึ้น และมองใบหน้าของเขา
ในตอนนั้นสมองของนางแทบจะขาวโพลนในทันที
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยได้มองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนเลย แต่ในเวลานี้พวกเขาอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ทันทีที่นางเงยหน้าก็สามารถมองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
คิ้วกระบี่ยกสูง ดวงตาหงส์ลึกล้ำดั่งมหาสมุทร สันจมูกตั้งสูง ริมฝีปากแดงราวกับวสันต์แรกแย้ม
แต่เห็นได้ชัดว่ามีความเย็นชาและเหินห่าง แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกวาบหวาม
ชั่วขณะนั้นมีความเย็นชาดุจเทพเซียน แต่ภายในพริบตาเดียวก็เหมือนหมู่มาร
นี่เรียกได้ว่าเป็นความงดงามทางโลกโดยแท้
ทันใดนั้นเองคำพูดที่หนานอีอีเตรียมจะพูดก็ติดอยู่ในลำคอ ไม่ว่าจะทำอย่างใดก็พูดไม่ออก
ใบหน้าเช่นนี้ส่งผลกระทบกับนางมากเกินไป มากเสียจนไม่ได้สังเกตอารมณ์ของหรงซิวเลย
“หลบไป”
หรงซิวพูดขึ้นน้ำเสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง นอกจากนี้ยังแฝงความรู้สึกสูงส่งที่ไม่อาจเอื้อม
หนานอีอีจึงหลบไปด้านข้างแทบจะในทันทีโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้หนานอวี่สิงก็รู้สึกโกรธมากขึ้นกว่าเดิม
น้องสาวของเขาผู้นี้ ปกติแล้วไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ครอบครัวของเขาแทบจะประคองนางอยู่ในฝ่ามือ กลัวว่าเมื่อนางจะเผชิญสิ่งต่างๆ แล้วจะทำให้นางไม่ได้รับความเป็นธรรม
แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่ได้แสดงสีหน้าที่ดีเลย แล้วยังจะบอกให้นางหลบไปอีกหรือ?
เงาร่างของหนานอวี่สิงวูบไหว!
ทันใดนั้นเองเขาก็ปรากฏกายอยู่ที่ด้านข้างของหนานอีอี
เขาดึงตัวหนานอีอีไปไว้ที่ด้านหลัง ส่วนตนเองก็ก้าวเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว แล้วหัวเราะเสียงเย็นว่า
“ช่างหลอมอาวุธระดับราชา เจ้าคิดว่าเจ้ามีอันใดดี? พวกเราต้องการมอบมิตรภาพให้อย่างจริงใจ แต่เหตุใดต้องถึงทำตัวสูงส่งยิ่งใหญ่เช่นนี้?”
เขาเห็นว่าอีอีชอบอีกฝ่าย ดังนั้นจึงไว้หน้าให้แก่เขาอยู่หลายส่วน
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่เห็นค่าเลยแม้แต่น้อย
พูดดีๆ ไม่ชอบ ต้องให้บังคับ!
หรงซิวไม่มีความอดทนกับคนเหล่านี้มากนัก ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้คิดจะสร้างปัญหาให้กับเขา
ในที่สุดเขาก็หันไปมองทางหนานอวี่สิง
แต่ในตอนนั้นเองกลับทำให้หนานอวี่สิงเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง!
หรงซิวมีท่าทางเกียจคร้าน น้ำเสียงก็สงบนิ่งเป็นอย่างมาก
“พวกเจ้ากำลังทำให้ข้าไปหาภรรยาช้า”
คำพูดที่ออกมาแต่ละคำ ทำให้รู้สึกหนาวจนสั่นสะท้าน!
……….