ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1630 ผู้ชายคนนั้น
ตอนที่ 1630 ผู้ชายคนนั้น
……….
นางมองไปมองมา
จากนั้นก็เห็นว่าผู้ชายที่สวมชุดขาวหยิบก้อนหินที่มีแสงสีทองจางๆ ออกมาสองสามก้อน
ก้อนหินเหล่านั้นมีขนาดเท่ากันทุกก้อน จากนั้นเขาก็วางเรียงแถวยาว
หลังจากสังเกตดีๆ แล้ว ก็ยังเห็นลายเส้นสีดำที่อยู่ด้านในด้วย
“นั่นมัน…”
หลังจากหนานอวี่สิงมองเห็นชัดเจนแล้ว เขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬ?”
ผู้อาวุโสอูเผิงพยักหน้า
คนที่เหลือก็มองหน้ากันไปมา
ของสิ่งนี้ล้ำค่าเป็นอย่างมาก เหตุใดเพียงพริบตาเดียวชายคนนี้ก็สามารถหยิบออกมาในจำนวนมากขนาดนั้นได้ล่ะ?
อีกทั้งยังนำมาหลอมอาวุธอีก?
“หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬจำนวนมากขนาดนี้ เขาจะหลอมเป็นอาวุธชนิดใดกันแน่?”
หนานอวี่สิงขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
ก่อนหน้านี้เขาแค่รู้สึกสงสัย แต่ตอนนี้เขาสามารถมั่นใจได้แล้วว่า ฐานะของชายคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสอูเผิงไม่พูดไม่จา ดวงตาทั้งสองข้างจดจ้องอยู่ทางนั้นตาเขม็ง
บางทีอาจจะได้รับอิทธิพลจากบรรยากาศโดยรอบ ทุกคนจึงเงียบเสียงลงพร้อมกัน
…
หลังจากวางหินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬแปดก้อนลงแล้ว หรงซิวก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ทัณฑ์สวรรค์รวมตัว เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง
วินาทีถัดมา เขาก็หลับตาลงเบาๆ
ความเงียบปกคลุมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
จากนั้นทัณฑ์สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ผ่าลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน!
เปรี้ยงๆ!
ทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาทีละสายอย่างบ้าคลั่ง! พร้อมโจมตีไปที่หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬอย่างรุนแรง!
ประกายไฟเกิดขึ้นโดยรอบ!
เงาร่างของเขาแทบจะกลืนหายไปในลำแสงที่สว่างเจิดจ้า!
…
“เขาไม่ได้กำลังหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง”
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว ในที่สุดผู้อาวุโสอูเผิงก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เขากำลังหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชา!”
ความจริงต่อให้เขาไม่พูด พวกเขาก็สามารถมองออกได้
หลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวระดับนี้ได้อย่างใด?
อายุเพียงแค่นี้แต่กลับเป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชา ต่อให้เป็นพวกเขา ก็ยังพบเห็นได้น้อยมาก
“นับว่าเขาก็มีฝีมือเหมือนกัน…”
หนานอวี่สิงหรี่ตามองเล็กน้อย
“แต่เหตุใดเขาต้องมาหลอมอาวุธที่นี่?”
การหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาจำเป็นจะต้องใช้เวลาและพลังไม่น้อยเลย
ต่อให้เป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถหลอมสำเร็จได้ทุกครั้ง
ในสถานการณ์ทั่วไปแล้ว พวกเขาจะเลือกสถานที่สงบและปลอดภัยเอาไว้ล่วงหน้า อีกทั้งยังหาคนคอยคุ้มกัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมารบกวน จากนั้นค่อยเริ่มหลอมอาวุธอย่างเป็นทางการ
ต้องบอกก่อนว่าหากถูกรบกวนระหว่างการหลอมอาวุธ การล้มเหลวในการหลอมอาวุธนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก หากพลังในการหลอมอาวุธสะท้อนกลับสู่ตัวผู้หลอม นั่นจะต้องเป็นเรื่องน่ากลัวแน่นอน
แต่คาดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะหลอมอาวุธอยู่บริเวณด้านนอกของป่าวิญญาณสีชาด…
ไม่ว่าเขาจะเป็นคนที่ใจกล้า หรือว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง?
แต่ก็เป็นคนที่บ้าคลั่งอย่างมาก
หนานอวี่สิงตัดสินอีกฝ่ายภายในใจ
เขามีชีวิตอยู่มาหลายปีแล้ว กอปรกับมีสถานะพิเศษ ทำให้เห็นคนที่ท่าทางเย่อหยิ่งมาจำนวนไม่น้อยแล้ว
แม้กระทั่งเขา ก็นับเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
แต่…
แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านั้น กลับดูเย่อหยิ่งและบ้าคลั่งกว่าคนส่วนใหญ่ที่เขาเคยเห็นมา
ต่อให้อีกฝ่ายจะพูดคุยกับเขาแค่ไม่กี่คำเท่านั้น
แต่เขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความเย่อหยิ่งที่อยู่ภายในกระดูกของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“หนุ่มคนนั้นเป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชา หากอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็ควรจะมีชื่อเสียงสิ แต่เหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกคุ้นเคยเลย?”
หนานอวี่สิงนึกชื่อภายในสมองอยู่นาน แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายคือใคร
“ผู้อาวุโสอูเผิง ท่านสามารถคาดเดาสถานะของคนผู้นั้นได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสอูเผิงส่ายหน้า
“หรืออีกฝ่ายปลอมตัวปกปิดตัวตน หรือว่า… เขาจะเป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชาที่เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมา”
เขาชะงักไปเล็กน้อย และเกิดความลังเลอยู่หลายส่วน
ความจริงแล้วสำหรับเขา สถานการณ์ทั้งสองนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้
คนแบบใด ถึงจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นงดงามและมีความสามารถเช่นนี้?
หากคนทั่วไปต้องการจะปลอมตัว โดยพื้นฐานแล้วเขาจะแสร้งทำให้ตกต่ำลง เพื่อทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามไม่ใช่หรือ?
แต่คนลักษณะเช่นนี้ได้เจอเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีทางลืมเลือน
เช่นนั้นเขากำลังวางแผนอันใดอยู่กันแน่?
ส่วนการคาดเดาครั้งที่สองนั้น มันค่อนข้างจะห่างไกลจากความเป็นจริง
ตัวเขาเป็นช่างหลอมอาวุธ ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นว่าอีกฝ่ายมีทักษะและท่าทีในการหลอมที่ผ่อนคลาย
ด้วยฝีมือและทักษะการหลอม เขาไม่มีทางเป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชาที่เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมาอย่างแน่นอน
“…ยังมีความเป็นไปได้อยู่อีกหนึ่งอย่าง… ก่อนหน้านี้เขาได้ปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้”
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะสามารถอธิบายสิ่งที่ไม่เข้าใจต่างๆ มากมาย
“นี่มัน… ดังนั้นเขาจึงตั้งใจมาหลอมอาวุธที่นี่หรือ?”
หนานอีอีคิดขึ้นได้ในทันที
“โดยปกติแล้วไม่มีใครมาที่แห่งนี้ แต่เขากลับตั้งใจเลือกที่นี่! เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับพวกเรา…”
นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ
ความจริงแล้วป่าวิญญาณสีชาดมีอาณาเขตล้อมรอบสุสานสังหารเทพ แต่พวกเขากลับบังเอิญมาพบกันที่นี่
ถ้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วจะเป็นเรื่องอันใด?
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้หนานอวี่สิงก็รู้สึกโล่งอก
ดูเหมือนว่าชายชุดขาวผู้นี้เพียงแค่ต้องการค้นหาพื้นที่ที่สะดวกแก่การหลอมอาวุธเท่านั้น
เขาไม่ต้องการเปิดเผยฐานะของตนเอง พวกเขาก็ไม่อยากจะไปทำความรู้จักกับอีกฝ่าย
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง ซึ่งก็นับว่าไม่เลวเลย
แต่ที่สำคัญก็คือ โดยปกติแล้วการหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาจำเป็นจะต้องใช้เวลานาน
อย่างน้อยคือหนึ่งเดือน อย่างมากคือครึ่งปี
เขาเคยได้ยินมาว่ามีคนใช้เวลาสามปีเพียงเพื่อหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาหนึ่งชิ้น
แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ยุ่งยากลำบากเพียงใด
หากเป็นเช่นนี้ พรุ่งนี้พวกเขาจะต้องเดินทางผ่านป่าวิญญาณสีชาด เพื่อเข้าไปในสุสานสังหารเทพ ส่วนผู้ชายคนนี้ก็คงจะอยู่ที่นี่ต่อไป
เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นคิดหาหนทางแยกตัวจากเขา
ในตอนนั้นเอง เหนือน่านฟ้าก็มีเสียงดังกึกก้องเกิดขึ้นอีกครั้ง!
ทัณฑ์สวรรค์หลายสายปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง!
หนานอวี่สิงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
ความ… ความเร็วในการอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ของคนผู้นี้ จะรวดเร็วเกินไปหรือเปล่า?
…
ลำแสงปกคลุมทั้งร่าง หรงซิวยังคงหลับตาลงเช่นเดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
เขายกแขนขึ้นเล็กน้อย นิ้วชี้เรียวยาวกางเอาไว้อยู่กลางอากาศ
หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬแปดก้อน เริ่มหลอมรวมตัวกันอย่างรวดเร็วท่ามกลางการโจมตีของทัณฑ์สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วน!
……….