ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1626 ห่างออกไปหมื่นลี้
ตอนที่ 1626 ห่างออกไปหมื่นลี้
……….
“จริงๆ ด้วยสินะ…”
หลานเซียวเบะริมฝีปากออกมา บนใบหน้างดงามมีรอยยิ้มประชดประชัน
“หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ สำนักหลิงเซียวคงไม่ก่อเรื่องเสียยิ่งใหญ่เช่นนี้…”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขารู้ว่าทางนั้นเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาก็สามารถคาดเดาอันใดบางอย่างได้เลือนรางแล้ว
แต่ผลสรุปก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ …
“เจ้าได้ประมือกับเขาหรือ?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าถามขึ้นอย่างร้อนรน
ตู๋กูโม่เป่าหยุดชะงักไปเล็กน้อย
“ก็ไม่นับว่าประมือ หลังจากที่ค่ายกลกระสวยสวรรค์ถูกทำลายไปแล้ว นังหนูเยว่เออร์ก็เป็นคนซ่อมแซมมัน อีกทั้งหลังจากครั้งนั้นข้าก็รีบกลับมาทันที”
ส่วนบาดแผลในครั้งนี้ เป็นเพราะเขาได้รับแรงสะท้อนกลับจากการโจมตีที่แข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ เขายังไม่ทันได้ป้องกัน ดังนั้นจึงมีบาดแผลทิ้งเอาไว้
ยังดีที่ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต
ผู้อาวุโสลำดับห้าและหลานเซียวล้วนตกใจเป็นอย่างมาก
“ค่ายกลกระสวยสวรรค์? เจ้าให้นังหนูเป็นคนซ่อมแซม? เจ้า…”
ขณะที่หลานเซียวกำลังพูดขึ้น ทันใดนั้นเขาก็คิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
“นี่คงเป็นเหตุผลที่เจ้าให้นังหนูเยว่เออร์ท่องค่ายกลทั้งวันทั้งคืน”
ตู๋กูโม่เป่าเหลือบสายตามองเขาอย่างไม่แสดงอารมณ์ ในแววตาเต็มไปด้วยคำว่า “เจ้าเพิ่งเข้าใจหรือ?”
หลานเซียวรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“เจ้าๆ! ในตอนนั้นนังหนูเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง เจ้าก็คิดถึงขั้นนี้แล้วหรือ? ตู๋กูโม่เป่าเจ้าอายุขนาดนี้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะเล่นกลอุบายเช่นนี้! เจ้าลองคิดดูสิในตอนนั้นนังหนูเยว่เออร์ต้องลำบากมากขนาดไหนที่จะต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้เอาไว้? ถุ้ย! เจ้านี่ไม่ละอายใจเลยนะ!”
ในปีนั้นแม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม แต่ท้ายที่สุดแล้วระดับก็ยังไม่สูงพอ อีกทั้งค่ายกลที่ตู๋กูโม่เป่าทิ้งเอาไว้ให้นั้นก็มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก เพื่อทะลวงค่ายกลอันลึกซึ้งเหล่านั้น ในตอนนั้นนางจึงต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไปอย่างมาก
“ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ภัยพิบัติของสำนักหลิงเซียวในครั้งนี้ นางไม่สามารถต่อกรได้อย่างแน่นอน”
ตู๋กูโม่เป่ามีสีหน้าราบเรียบ
“ไม่ว่าช้าหรือเร็วสำนักนี้ก็จะต้องเป็นของนาง การปกป้องหลิงเซียว เดิมทีก็เป็นหน้าที่ของนางอยู่แล้ว”
แม้ว่าตอนนี้จะดูเร็วไปหน่อย แต่เรื่องนี้มันอยู่ในแผนของตู๋กูโม่เป่ามาเป็นเวลานานมากแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของเขา ผู้อาวุโสลำดับห้าและหลานเซียวก็ไม่สามารถโต้เถียงได้
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เขาพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
แม้ว่าขั้นตอนเหล่านี้จะเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ว่าความตั้งใจเดิมและผลลัพธ์ก็ออกมาดีอย่างยิ่ง
เมื่อมองไปแล้ว สิ่งที่ตู๋กูโม่เป่าทำใช่ว่าจะเป็นเรื่องผิด เพียงแต่ว่า… มันรุนแรงมากเกินไป
“โรคจิต มีเพียงแต่นังหนูเยว่เออร์เท่านั้นที่จะรับเจ้าได้”
หลานเซียวมุ่ยปาก
แต่หลังจากได้ยินตู๋กูโม่เป่าพูดเรื่องเหล่านี้ ความกังวลภายในใจของพวกเขาก็ลดน้อยลงไปไม่น้อย
“มือข้างหนึ่งที่ฝังเอาไว้ใต้เขาหมื่นเมรัย ต้องรออีกสักพักถึงจะตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์”
ตู๋กูโม่เป่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมองทางคนทั้งสอง
“แต่ภายในช่วงเวลานี้ พวกเจ้าทั้งสองคนต้องรีบฟื้นคืนร่างศักดิ์สิทธิ์กลับมาให้เร็วที่สุด”
“พูดเหมือนง่าย!”
หลานเซียวเอนตัวพิงกับโซ่เหล็กด้านข้าง จากนั้นก็ยื่นมือไปเคาะโซ่เหล็กที่หนักและเย็นยะเยียบเบาๆ
“พวกเราอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว และเพิ่งมีแต่เจ้าที่ทำสำเร็จ อีกทั้งยังมีราคาที่ต้องจ่ายอีก…”
ตู๋กูโม่เป่ามีสีหน้ามืดครึ้ม
หลานเซียวแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ก่อนจะส่ายหน้า น้ำเสียงเกียจคร้าน
“ไม่เห็นครั้งที่แล้วที่ข้าทำล้มเหลวหรือ? ข้าต้องใช้ระยะเวลานานมากกว่าจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้… ภายในระยะเวลาสั้นๆ ข้าไม่สามารถทำได้อีกครั้งหนึ่งหรอก”
ขณะที่พูดเขาก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปทางผู้อาวุโสลำดับห้าด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“พี่ห้า เช่นนั้นเจ้าลองไปก่อนเลย?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าถอยหลังไปครึ่งก้าวใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“พูดจาดีๆ หน่อย!”
หลานเซียวผู้นี้เป็นบ้าจริงๆ
มอบแสงอาทิตย์ให้นิดหน่อยก็ส่องสว่าง
หลังจากได้รับคำยืนยันแล้วว่าตอนที่อยู่อาณาจักรเสิ่นซวี่ตู๋กูโม่เป่าไม่ได้เปิดเผยตัวตน จนทำให้ระลอกคลื่นเกิดขึ้น
“อุ้บ”
หลานเซียวหลับตาลงแล้วโบกมือขึ้น
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตามพวกเจ้าก็ไปจัดการเรื่องนี้กันเองเถอะ”
หากล้มเหลวอีกครั้ง ชีวิตน้อยๆ ของเขาเสียไปก็ไม่เป็นไร แต่มันเป็นไปได้อย่างมากว่าเขาจะลากทั้งสองคนลงน้ำไปด้วย
ไม่คุ้ม แบบนั้นไม่คุ้มค่าเลย
ผู้อาวุโสลำดับห้าส่ายหน้าอย่างจนปัญญา จากนั้นก็หันไปมองทางตู๋กูโม่เป่า
“ครั้งนี้เจ้าไม่ได้เปิดเผยตัวตนออกไป แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องดี เพียงแต่ว่าบนโลกนี้กำแพงมีหูประตูมีช่อง แต่เรื่องนี้ยังได้ทิ้งเบาะแสและร่องรอยเอาไว้ แต่ก็ไม่ควรทำผิดซ้ำซาก หลังจากที่เจ้ากลับไปอาณาจักรเสิ่นซวี่อีกครั้ง เจ้าจะต้องระมัดระวังอย่างมาก”
ตู๋กูโม่เป่าขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า
พวกเขาอดทนอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาดมาเป็นหมื่นปีแล้ว หากครั้งนี้ล้มเหลว ก็ถือว่าต้องสูญเปล่าแล้ว
เมื่อสองครั้งก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นสถานการณ์พิเศษ โดยเฉพาะทางด้านสำนักหลิงเซียว ทำให้เขาจำเป็นต้องลงมือ
“จริงสิ ตอนนี้นังหนูเยว่เออร์เป็นอย่างใดบ้างหรือ?”
ความจริงแล้วเมื่อครู่นี้ผู้อาวุโสลำดับห้าก็อยากจะถามคำถามนี้
ค่ายกลกระสวยสวรรค์เป็นค่ายกลที่มีระดับสูง แม้ว่าจะมีการช่วยเหลือจากตู๋กูโม่เป่า แต่สำหรับนางแล้วจะต้องเป็นความท้าทายอย่างใหญ่หลวงแน่นอน
ตู๋กูโม่เป่ามีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน
“นางอัญเชิญอาณาเขตเซียนเทพ และสามารถฟื้นคืนความทรงจำได้แล้ว”
“อันใดนะ?”
“จริงหรือ?”
คำพูดประโยคนี้ของตู๋กูโม่เป่าทำให้หลานเซียวที่เตรียมตัวพักผ่อนได้สติขึ้นมาในทันที
“นังหนูเยว่เออร์จำเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมดแล้วหรือ?”
ในแววตาของตู๋กูโม่เป่ามีลำแสงประกายวาบ จากนั้นก็พยักหน้า
ความจริงแล้วเขาเองก็คิดไม่ถึง ว่านางจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น…
แต่น่าเสียดายที่หลังจากเรื่องราวสิ้นสุด นางก็สลบลงไปก่อน
และเขาต้องรีบกลับมายังทะเลทรายจันทราสีชาด จึงไม่มีเวลาพูดคุยกับนาง
“นางได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าหนานซู่ไหวและหรงซิวก็ยังอยู่ที่นั่น น่าจะไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว!”
ผู้อาวุโสลำดับห้ารู้สึกมีความสุขอย่างมาก ระหว่างคิ้วของหลานเซียวก็มีรอยยิ้มประดับอยู่หลายส่วน
“เมื่อพูดเช่นนี้ก็หมายความว่า นางสามารถทะลวงด่านผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงได้แล้วหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าพยักหน้า
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุด
ในตอนนั้นนังหนูใช้ความพยายามมากมายกว่าจะก้าวผ่านธรณีประตู ไม่รู้ว่าต้องเสียแรงเสียเวลาไปมากเพียงใด
หลังจากเกิดใหม่หนึ่งรอบ อดีตทุกอย่างก็หายไป นางจึงต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความกล้าหาญและพากเพียรเช่นนี้
ยังดีที่… ในที่สุดตอนนี้นางก็สามารถกลับมายืนอยู่จุดเดิมได้อีกครั้ง
ริมฝีปากของตู๋กูโม่เป่าขยับ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า
“แต่ว่าในปีนั้น… นางเป็นคนเสนอให้เมิ้งเซียนช่วยเก็บรักษาอาณาเขตเซียนเทพเอาไว้ให้ การสูญเสียความทรงจำของนางนั้น เหมือนว่านางได้วางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว…”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ผู้อาวุโสลำดับห้าและหลานเซียวก็ตกตะลึงอย่างพร้อมเพรียง
ข้อมูลที่อยู่ในคำพูดนี้มีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้พวกเขาต้องใช้เวลากว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง
“…เจ้าหมายความว่าเรื่องในปีนั้นนางตั้งใจหรือ?” ผู้อาวุโสลำดับห้าถามขึ้นอย่างมึนงง
ดวงตาของตู๋กูโม่เป่าหรี่ลงเล็กน้อย
“หากโดยพื้นฐานแล้วก็ใช่ อีกทั้ง… หรงซิวก็น่าจะรู้เรื่องเหล่านี้เช่นกัน”
ดังนั้นตอนแรกที่พวกเขาถาม หรงซิวก็ไม่ยอมตอบอย่างตรงไปตรงมา
“นั่นเป็นเพราะอันใดกัน?”
ตู๋กูโม่เป่าไม่ได้พูดออกไป
สาเหตุที่แท้จริงนั้น เกรงว่าจะต้องถามนางเองแล้ว
“ช่างเถอะ นังหนูคนนั้นมักจะมีความคิดเป็นของตนเองอยู่แล้ว ในเมื่อนางทำเช่นนี้ก็หมายความว่านางจะต้องมีเหตุผลของตัวเอง!”
หลานเซียวสามารถมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วเลิกคิ้วขึ้น
“หากเจอนางอีกครั้งก็ค่อยถามนางด้วยตนเองให้ชัดเจนไปเลยสิ”
“หื้อ?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างกะทันหัน สีหน้าก็ตึงเครียดมากขึ้น
ปฏิกิริยาของเขาดึงดูดความสนใจของคนทั้งสองทันที
“มีอันใดหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าถามขึ้น
ผู้อาวุโสลำดับห้าแสดงสีหน้าแบบนี้น้อยครั้งมาก
ตึงเครียด สงสัย ไม่เข้าใจ กังวล…
ผู้อาวุโสลำดับห้าเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางทั้งสองคน ก่อนจะค่อยๆ พูดว่า
“เหมือนว่าคนของถ้ำปีศาจทมิฬเข้าไปในสุสานสังหารเทพแล้ว”
……….