ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1598 เลือกนางหรือ
ตอนที่ 1598 เลือกนางหรือ
……….
ฉู่หลิวเยว่เห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีนางคิดว่าการทดสอบจะต้องใช้เวลาสักครู่หนึ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะรวดเร็วขนาดนี้
เมื่อครู่นี้นางแค่ก้มหน้าลอบหัวเราะเสียงเบา แต่ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ?
เมื่อเห็นว่ามีเปลวเพลิงลุกโชนทั้งสี่สาย ฉู่หลิวเยว่ก็ตกอยู่ในห้วงความคิด ‘เมื่อครู่นี้นางไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไรใช่หรือไม่? อื้ม… สำหรับถวนจื่อแล้ว มันก็เหมือนปอกกล้วยเข้าปากเท่านั้น…’
ถวนจื่อก็ประหลาดใจเล็กน้อย จึงก้มหน้าลงมองประกายไฟเหนือสัญญลักษณ์เหล่านั้น ก่อนจะยื่นมือเล็กๆ ไปนับอย่างตั้งใจ
“หนึ่ง สอง สาม สี่…”
เมื่อนับเสร็จก็ดึงมือเล็กๆ กลับมา
เหมือนว่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว?
นางเงยหน้าขึ้นไปมองอี้เจา
“ท่านประมุขตอนนี้ข้าสามารถไปได้แล้วหรือยัง?”
อี้เจาชะงักค้างไป
“อันใดนะ? อ่อ อื้ม เจ้า… ทดสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าได้กลับเข้าเผ่าอย่างเป็นทางการ หากเจ้าต้องการจะไป ก็ไม่ใช่ปัญหา”
แม้ว่าในใจของเขาจะไม่ได้อยากให้นางไป แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดออกไปแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถคืนคำได้
ถวนจื่อยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เมื่อนางคิดได้เช่นนั้น ประกายไฟที่อยู่กลางฝ่ามือก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นนางก็หมุนตัววิ่งเข้าไปหาฉู่หลิวเยว่
“อาเยว่…”
โครม!
ถวนจื่อวิ่งออกมาไม่ถึงสองก้าว คาดไม่ถึงว่าจะชนกับม่านพลังโปร่งใสที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ในตอนนั้นนางไม่ทันระวัง จึงชนเข้าไปอย่างแรง
“โอ๊ย!”
ถวนจื่อล้มก้นกระแทกพื้นแล้วนั่งจุมปุ๊กอยู่ตรงนั้น
ใบหน้าของนางยับย่น นางยกมือขึ้นถูกจมูกของตนเอง
“โอ๊ย… เจ็บมาก!”
“ถวนจื่อ!”
ฉู่หลิวเยว่เองก็รู้สึกตกใจอย่างมาก จึงรีบวิ่งเข้าไป หมายจะไปพาตัวถวนจื่อกลับมา
แต่หลังจากมองในระยะใกล้แล้ว เขาถึงเห็นว่าร่างของถวนจื่อนั้นถูกปกคลุมด้วยม่านพลังโปร่งใสลักษณะครึ่งวงกลม และถูกขังไว้ภายในไม่สามารถออกมาได้
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในจัตุรัสตะลึงลาน
เมื่อเห็นว่าถวนจื่อนั่งอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก และต้องการจะเข้าไปหา
แต่ภายในระยะสิบก้าวมีม่านพลังขวางกั้นเอาไว้ นางสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่งที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้!
หัวใจของนางเต้นไม่เป็นระส่ำ… ซึ่งต้นเหตุเกิดจากม่านพลังนี้!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม จากนั้นก็หันไปมองทางอี้เจา
“ท่านประมุขอี้เจา นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
ทว่าสีหน้าของอี้เจานั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
เขาไม่ได้ตอบคำถามของฉู่หลิวเยว่ เพียงแต่จ้องไปให้ม่านพลังโปร่งแสงที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันตาเขม็ง สายตาของเขายังแฝงไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ว่าเรื่องนี้มีอันใดไม่ชอบมาพากล
สามารถทำให้อี้เจาแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาได้… เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา
นางหันไปมองผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างแทบจะในทันที จากนั้นก็เห็นว่าสีหน้าของพวกเขานั้นเหมือนกับอี้เจาแทบจะทุกประการ
เหมือนกับเป็นภาพเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ท่ามกลางความตื่นตระหนกตกใจ ยังมีความดีใจและตื่นเต้นที่ยากจะบรรยายออกมาได้
ดีใจ?
ตื่นเต้น?
นั่นมันคืออันใดกัน…
พรึ่บ!
ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างชัดเจน ก็ได้ยินเสียงดังจากม่านพลังนั้นอย่างกะทันหัน!
นางรีบหันขวับกลับไปมอง
นางเห็นเพียงแค่ด้านบนของม่านพลังโปร่งแสงนั้นมีลำแสงสีทองคำชาดบินมาอย่างรวดเร็ว
ลำแสงนั้นสาดกระจายไปทั่ว บนม่านพลังมีภาพวาดแปลกประหลาดปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
กระแสเสียงโดยรอบเงียบหายไปในทันที
แรงกดดันเข้มข้นที่ยากจะบรรยายได้สายหนึ่ง พวยพุ่งขึ้นจากด้านบน!
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกว่าในโสตประสาทของนางได้ยินเสียงอันใดที่แปลกประหลาดดังมาจากแดนไกล
นางขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ พร้อมโคจรพลังในร่างกายเพื่อต้องการจะแยกแยะเสียงนี้
หลังจากนั้นไม่นานนางก็พบว่ามันไม่มีประโยชน์
เสียงนั้นคล้ายมีคล้ายไม่มี เหมือนกับว่าใครกำลังสวดมนต์ เสียงทุ้มต่ำและเบา
ทำให้คนรู้สึกยอมจำนนโดยไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาหันไปมองด้านข้าง ก่อนจะชะงักไปในทันที
เพราะว่าทุกคนที่อยู่ในจัตุรัส ตอนนี้กำลังมองไปที่ม่านพลังโปร่งแสงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความเคารพ
ในแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและยกย่องอย่างปิดไม่มิด!
จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงของอี้เจาพูดขึ้นว่า
“ยินดีต้อนรับจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ!”
เสียงของเขาทุ้มต่ำและทรงพลัง และในตอนนี้ยังแฝงไปด้วยความเคารพนับถือ ร่างกายของเขาก็ยังคงสั่นสะท้านอยู่เล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาหันกลับไปมอง
อี้เจาทาบมือลงตรงหน้าอกก้มศีรษะทำความเคารพอย่างสูง
ผู้อาวุโสทั้งห้าที่อยู่ด้านข้างของเขาก็คุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียง!
“ยินดีต้อนรับจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ!”
ทุกคนภายในจัตุรัสแห่งนี้คุกเข่าลง เหลือเพียงแต่อี้เจาและฉู่หลิวเยว่เท่านั้น
“ยินดีต้อนรับจิตวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ!”
เสียงนั้นดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง และเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างยากจะปกปิด
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
นี่พวกเขา… กำลังทำอันใดอยู่หรือ?
เผ่าหงส์ทองคำเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล มีท่าทีสูงส่งเหนือใครมาโดยตลอด
โดยปกติแล้วเขาแทบจะเชิดคางพูดคุยกันด้วยซ้ำ
แต่ทว่าในตอนนี้คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะคุกเข่าทำความเคารพโดยพร้อมเพียงเช่นนี้…
ฉู่หลิวเยว่รีบหันไปมองม่านพลังอันโปร่งแสงนั้นด้วยความรวดเร็ว!
ในที่สุดครั้งนี้นางก็สามารถมองเห็นลำแสงสีทองคำชาดได้อย่างชัดเจนแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันก่อร่างเป็นสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ของเผ่าหงส์ทองคำ!
ลำแสงเจิดจ้า ส่องสว่างพร่างพราว!
ฉู่หลิวเยว่อ้าปากค้าง แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างใดดี
ในใจของนางสามารถคาดเดาได้อย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้ามั่นใจ
“เอ๋?”
ในที่สุดถวนจื่อที่ถูกขังอยู่ภายในม่านพลังสีโปร่งแสงนั้นก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้ว นางหยุดถูจมูกของตนเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมอง
นางเอียงคอเล็กน้อย ภายในดวงตาดำขลับราวกับองุ่นเต็มไปด้วยความสงสัย
ไหนบอกว่าเป็นการทดสอบเพียงอย่างเดียวไม่ใช่หรือ?
การทดสอบล้วนเสร็จสิ้นแล้ว แล้วเหตุใดยังไม่ปล่อยนางกลับไปอีกล่ะ
แต่ว่านางกลับรู้สึกคุ้นเคยกับลมปราณนี้เป็นอย่างมาก…
ถวนจื่อย่นจมูกขึ้น ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน นางกัดเล็บของตัวเองแล้วจ้องมองไปที่สัญลักษณ์เหนือศีรษะเป็นเวลานาน
จากนั้นสัญลักษณ์ก็หล่นลงมาผ่านม่านพลัง
ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าใด สัญลักษณ์นั้นก็มีขนาดเล็กลงมากเท่านั้น
จนสุดท้ายมันก็ตกลงมาที่กลางหน้าผากของถวนจื่อ
……….