ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1594 โปรดปราน
ตอนที่ 1594 โปรดปราน
……….
หลังจากนั้นเงาร่างขนาดเล็กก็เดินออกมาจากเปลวเพลิง!
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างเล็กน้อย
ดูไปแล้วเหมือนกับเด็กเล็กที่มีอายุสามสี่ขวบ ผิวขาวดุจหิมะ ดวงตากลมโตดำขลับ ขนตางอนและหนา ริมฝีปากแดงก่ำราวกับกุหลาบ น่ารักน่าชังเป็นอย่างยิ่ง
มวยผมสองก้อนบนศีรษะถูกผูกด้วยเชือกสีแดง เชือกแต่ละเส้นนั้นมีกระดิ่งสีทองคล้องเอาไว้ด้วย ตอนที่ส่ายศีรษะสั่นหัวไปมา ก็มีเสียงกรุ๊งกริ๊งดังกังวานขึ้น
แต่บนร่างกายของนางนั้นสวมชุดกระโปรงใบบัวที่ตัดเย็บเป็นอย่างดี
กระโปรงใบบัวตอนนั้นเป็นการไล่ระดับสี ด้านล่างเป็นสีแดงเข้มค่อยๆ ไล่ระดับขึ้นมาจนกระทั่งข้างบนกลายเป็นสีทอง
ไล่ระดับจากสีเข้มไปจนถึงสีสว่างสดใส
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องสะท้อน ยังคงมีแสงดวงดาวสว่างพร่างพราว
เมื่อมองจากระยะไกล เหมือนกับเปลวไฟกลุ่มหนึ่งที่กำลังลุกโชน
“หาว…”
นางยกมือที่อ้วนกลมนั้นขึ้นมาขยี้ดวงตา แล้วหาวออกมา เหมือนกับเพิ่งจะตื่นนอน
ระหว่างฟ้าดินเกิดความเงียบ
ฉู่หลิวเยว่เองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
เด็ก…เด็กผู้หญิง?
ที่สำคัญเลยก็คือนางตัวเล็กเป็นอย่างมาก!
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของนาง ถวนจื่อก็ลดมือลง แล้วมองไปทางด้านข้าง
จนกระทั่งสามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน ใบหน้ากลมเกลี้ยง ขาวเหมือนกับหิมะ ทันใดนั้นเองรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นมา
“อาเยว่!”
ดวงตาของนางเปล่งประกายแวววาว น้ำเสียงกระจ่างใส ในดวงตาเหมือนกับพร่างพราวไปด้วยดวงดาว
หลังจากนั้นนางก็อ้าแขนทั้งสองข้างออกแล้ววิ่งมาทางนี้
เท้าทั้งสองข้างเปลือยเปล่า ดูแล้วน่ารักเป็นอย่างมาก
แต่อย่างใดก็ตามความเร็วของนางนั้นสูงมาก ภายในชั่วพริบตาเดียวนางก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่แล้ว
นางเหวี่ยงแขนกอดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ก็ยื่นมือออกไปอย่างไม่รู้ตัวแล้ว ภายในอ้อมกอดมีก้อนเนื้อนุ่มนิ่มเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง
“อาเยว่…”
ถวนจื่อตะโกนชื่อของนางแล้วลากเสียงยาว โดยเจือน้ำเสียงออดอ้อนเข้าไปด้วย
หัวใจของฉู่หลิวเยว่อ่อนยวบลงในทันที
นางก้มหน้ามองคนที่อยู่ในอ้อมกอด มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้
ถวนจื่อมีร่างกายกำยำมาโดยตลอด นางจึงคิดว่า…
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักน่าชังขนาดนี้!
“ถวนจื่อ?”
ฉู่หลิวเยว่ลองเรียกชื่อนางหนึ่งครั้ง น้ำเสียงของนางนั้นอ่อนโยนมากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นชื่อเดียวกัน แต่เมื่อเห็นร่างกายขนาดเล็ก กลับให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน
เมื่อได้ยินเสียงของนางนั้น ถวนจื่อจึงเงยหน้าขึ้นมา แล้วกะพริบตาปริบๆ
“หื้อ?”
ฉู่หลิวเยว่อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จึงกดจูบที่ใบหน้าของนาง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างมาก…
นิ่มมาก!
หอมมาก!
ฉู่หลิวเยว่หน้าแดงก่ำ แต่กลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก นางเกือบจะกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดอย่างมีความสุข แขนสั้นๆ ทั้งสองข้างพยายามโอบคอของฉู่หลิวเยว่เอาไว้แล้วยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มนาง ก่อนจะซุกใบหน้าลงที่ไหล่ของนางด้วยความรวดเร็ว
“ถวนจื่อชอบอาเยว่ที่สุดเลย!”
ถวนจื่อถูไถใบหน้าและศีรษะไปมาเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่อดหัวเราะออกไม่ได้
แม้ว่ารูปร่างจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก แต่การที่ชอบซุกซกบนไหล่ของนางนั้น ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนท่าทาง เพื่อให้ได้อุ้มถวนจื่อได้ถนัดยิ่งขึ้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาในใจ
เด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายไม่เหมือนกัน
ลองนึกถึงสภาพของพี่เป่าแล้ว… เอ่อ
“พวกเรากลับไปหาท่านประมุขดีหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ถามไปด้วย พร้อมกับหันไปมองทางตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
แม้ว่ามันจะอยู่ห่างไกลกัน แต่ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ตอนนี้คนเหล่านั้นกำลังมองมาทางนี้อย่างแน่นอน
ถวนจื่อกลายร่างมาเป็นมนุษย์อย่างยากลำบาก อีกทั้งยังสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดก็สมควรที่จะต้องไปที่นั่น
ถวนจื่อกอดนางไว้ แล้วพยักหน้าอย่างใด
“ข้าจะไปกับอาเยว่ด้วย!”
…
เมฆดำบนท้องฟ้าจางหายไปแล้ว เสียงลมพายุก็ไม่มีแล้ว
หลังจากเกิดความวุ่นวายตลอดหนึ่งเดือน ในที่สุดหุบเขาเฟิ่งหวงก็สงบลงแล้ว
แต่ถ้าสามารถมองข้ามความวุ่นวายเหล่านี้ไปได้ก็จะยิ่งดีมากกว่า
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังผนังของภูเขาที่ทำเตรียมเพราะถูกทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมา เช่นเดียวกับลูกบอลแสงที่แตกกระจายออกไปเป็นเสี่ยง นางกระแอมไออย่างรู้สึกผิด
ล่วงเกินแล้วๆ
ทำลายสถานที่พักผ่อนของผู้คนไปแล้ว
หวังว่าพวกเขาจะมองเรื่องที่นางช่วยเหลือถวนจื่อ แล้วมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไป
ฉู่หลิวเยว่กระชับอ้อมกอดถวนจื่อให้แน่นขึ้น ฝีเท้าเคลื่อนที่ มุ่งหน้าสู่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง!
…
เมื่อเห็นว่าหนึ่งคนนั้น… ไม่สิ คนหนึ่งคนและเด็กอีกหนึ่งคนมุ่งหน้ามาทางนี้ คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในจัตุรัสก็เหมือนจะยังไม่สามารถตอบสนองได้
ฉู่หลิวเยว่อุ้มถวนจื่อปลายเท้าแตะพื้น โดยไม่สนใจสายตารอบข้าง นางเดินเข้าไปทักทายอี้เจาด้วยรอยยิ้ม
“ประมุขอี้เจา”
สายตาของอี้เจากลับจดจ้องอยู่ที่ถวนจื่อ อารมณ์ภายในใจก็พลุ่งพล่านขึ้น
เพราะว่านางนั้นยังอายุน้อยมาก ดังนั้นเมื่อถวนจื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ จึงมีรูปร่างหน้าตาราวกับตุ๊กตาน้อย
ทั่วทั้งเผ่าหงส์ทองคำแทบจะเปลี่ยนร่างหลังจากอายุครบร้อยปี อย่างน้อยก็จะเห็นร่างจำแลงอายุสิบกว่าขวบ
คนที่จำแลงอายุน้อยเท่ากับถวนจื่อนั้น เรียกได้ว่าไม่มีเลย
มิน่าล่ะทุกคนจึงตกใจและประหลาดใจอย่างยิ่ง
“… ถวนจื่อ?”
อี้เจาพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างหาได้ยาก เหมือนกับกำลังกลัวว่าจะทำให้ถวนจื่อตกใจได้
ถวนจื่อได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ของฉู่หลิวเยว่ แล้วหันกลับมามองเขา
นางเอียงศีรษะ ดวงตาดำขลับราวกับองุ่นกะพริบตาปริบๆ
ทันใดนั้นเองภายในหัวใจของอี้เจามีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้พวยพุ่งออกมา
เขายกมือขึ้น แต่สีหน้าอ่อนโยนยิ่งกว่า นอกจากนี้ยังแฝงไปด้วยความเอาใจที่หาได้ยาก
“ถวนจื่อมานี่”
ถวนจื่อแค่นหัวเราะหนึ่งเสียง จากนั้นก็หันศีรษะไปกอดฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
นางไม่อยากไปนี่นา!
นางอยากจะอยู่กับอาเยว่เท่านั้น!
เมื่อถูกถวนจื่อปฏิเสธต่อหน้าทุกคน อี้เจารู้สึกเก้อกระดากขึ้นมา
แต่บนใบหน้ากลับไม่มีความโมโหเลย มีเพียงแต่ความประดักประเดิด เหมือนไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใดดี
ฉู่หลิวเยว่ลอบหัวเราะอยู่ภายในใจ แล้วลูบหลังของถวนจื่อเบาๆ
“ถวนจื่อ”
ไม่ว่าอย่างใดนั่นก็คือประมุขเผ่าหงส์ทองคำ นางไม่สามารถฉีกหน้าเขาได้
ถวนจื่อหันไปมองทางฉู่หลิวเยว่ แล้วทำหน้าบูดบึ้ง แต่นางก็ไม่สามารถโต้เถียงได้ จึงทำได้เพียงกระโดดออกจากอ้อมกอดของนาง แล้วเดินไปด้านหน้าสองสามก้าว
ร่างกายโคลเคลง ปลายเท้าสีขาวเดินต้วมเตี้ยม น่ารักเป็นอย่างมาก
นางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของอี้เจา ก่อนจะหันไปมองทางฉู่หลิวเยว่อย่างอดไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่ยกคางขึ้นเล็กน้อย
ถวนจื่อประสานมือไว้ด้านหน้า แล้วโค้งคำนับอย่างเชื่อฟัง
“ถวนจื่อคารวะท่านประมุข”
นางยังเด็กมาก อีกทั้งมีตัวอ้วนกลม การโค้งคำนับด้วยท่าทางจริงจังเช่นนี้ ทำให้ดูเหมือนไร้เดียงสาเป็นอย่างยิ่ง
อี้เจารีบสาวเท้าเดินก้าวเข้าไป จากนั้นก็ยื่นมือไปพยุงตัวนาง
“โอ้! โอ้! ดีมาก! รีบลุกขึ้นเร็ว…”
ไม่ต้องให้เขายื่นมือเข้ามา เมื่อถวนจื่อได้ยินเช่นนั้น ก็รีบเหยียดหลังยืนตรง เรียกได้ว่าท่าทางลื่นไหลและเป็นธรรมชาติอย่างมาก
มือของอี้เจาชะงักค้างอยู่กลางอากาศ
เขาหัวเราะขึ้นแล้วดึงมือกลับไป
“คือว่า…ถวนจื่อ…เจ้า”
เหมือนว่าเขากำลังลังเลอยู่เล็กน้อย ราวกับต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง
สถานการณ์ตรงหน้าตกอยู่ในความเงียบงันและเก้อกระดากไป
ฉู่หลิวเยว่มองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าประมุขอี้เจา…จะกลัวถวนจื่อโกรธ?
……….