ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1574 วางแผน
ตอนที่ 1574 วางแผน
……….
สีหน้าของผู้อาวุโสอี้กงเย็นชาขึ้น
“ตามข้ามา”
…
ทั้งสองคนเดินทางกลับไปยังที่พำนักของผู้อาวุโสอี้กง
หลังจากเข้ามาในป่าเขาแล้ว และมั่นใจว่ารอบข้างไม่มีใครอยู่ ผู้อาวุโสอี้กงจึงได้ลดความเร็วลง สุดท้ายก็หยุดยืนอยู่ข้างทะเลสาบ
อี้หรานติดตามมาทางด้านหลังของเขา
“อาจารย์…”
ผู้อาวุโสอี้กงหมุนกายกลับไป แล้วพูดตัดบทเขา
“ช่วงนี้ต้องฝึกซ้อมเป็นอย่างใดบ้าง แล้วเมื่อไรจะทะลวงด่าน?”
อี้หรานผงะไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้เป็นคำถามแรก เขาครุ่นคิดพิจารณาอยู่สักพักก่อนจะตอบว่า
“อาจจะ…ใช้เวลาอีกครึ่งเดือนน่าจะสำเร็จ”
“อาจจะ?”
ผู้อาวุโสอี้กงหรี่ตามองแล้วพูดเสียงเย็นยะเยือก
“ไม่มีคำว่าอาจจะ มีเพียงคำว่า ‘ต้อง’! งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษใกล้เข้ามามากแล้ว เจ้าจะต้องทะลวงด่านให้ได้ ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี!”
อี้หรานยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น
พรสวรรค์ของเขาอยู่ในระดับสูงมาโดยตลอด และโดดเด่นเสมอมา
ผู้อาวุโสอี้กงที่เป็นอาจารย์ของเขา จึงรักและเอ็นดูเขามาโดยตลอด
เขาไม่เคยใช้น้ำเสียงที่เข้มงวดแบบนี้มาก่อนเลย
อี้หรานครุ่นคิดอยู่สักพัก
เมื่อวานนี้อาจารย์ยังดีๆ อยู่เลย แต่วันนี้หลังจากที่เขาออกมาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หรือว่า… ภายในนั้นจะเกิดอันใดบางอย่างขึ้นจริงๆ?
“ขอรับ ท่านอาจารย์โปรดวางใจ ศิษย์จะทะลวงด่านสำเร็จก่อนวันพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษอย่างแน่นอน และจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
อี้หรานก้มศีรษะลงแล้วพูดอย่างนอบน้อม
ผู้อาวุโสอี้กงไพล่แขนทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง ดวงตาลึกล้ำจดจ้องมาที่เขา
“อี้หราน ที่อาจารย์ตั้งเงื่อนไขให้เจ้าเช่นนี้ ไม่ได้เป็นห่วงว่าจะผิดหวัง แต่ทว่า…งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษในครั้งนี้ สำหรับเจ้าแล้วมันมีความสำคัญอย่างยิ่ง! ตอนนั้นเจ้าไม่สามารถผงาดขึ้นมาได้ ตำแหน่งนายน้อยนี้เกรงว่าจะไม่ถึงมือของเจ้าแล้ว!”
ขณะที่พูดน้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงหลายส่วน
“เพื่อวันนี้ เจ้าต้องฝึกฝนอย่างพากเพียรมาเป็นเวลานานหลายปี ไม่กล้าที่จะผ่อนคลายลงเลยแม้แต่น้อย เรื่องเหล่านี้อาจารย์เห็นอยู่เสมอ ดังนั้นอาจารย์จึงจะไม่ให้ใครมาคุกคามเจ้าได้เป็นอันขาด!”
“คุกคาม…?”
อี้หรานขมวดคิ้วแน่น
ตอนนี้ภายในเผ่าหงส์ทองคำก็ใช่ว่าจะรุ่งเรือง
เขาถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ ดังนั้นตำแหน่งนี้เขาจะต้องคว้ามาได้อย่างแน่นอน
ยังจะมีใครที่สามารถคุกคามเขาได้อีก?
ทันใดนั้นเองสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เหมือนเพิ่งตระหนักอันใดขึ้นมาได้
“อาจารย์ หรือว่าท่านจะหมายถึง…”
“หงส์ทองคำที่มาใหม่ตัวนั้นน่าจะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งของเจ้า!”
ผู้อาวุโสอี้กงกล่าวขึ้นมาเสียงแข็ง
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาแล้ว อี้หรานก็รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไป
“ตะ… แต่มันเป็นเพียงแค่ไก่ฟ้าเก้าสีที่ทะลวงด่านขึ้นมาเท่านั้น ไม่มีความสำคัญอันใด… มันมีสิทธิ์อันใดกัน?”
สีหน้าของผู้อาวุโสอี้กงย่ำแย่มากยิ่งขึ้น เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็น
“เป็นเรื่องจริงที่ฐานะของมันต่ำต้อย แต่น่าเสียดายที่โชคชะตาของมันดีมาก พลังแห่งสายเลือดแข็งแกร่ง! หากไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าวันนี้ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นจะสามารถออกจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงอย่างไร้รอยขีดข่วนได้หรือ?”
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไว้หน้าหงส์ทองคำตัวนั้นไม่ใช่หรือ?
อี้หรานกลั้นลมหายใจ
เขาไม่ได้โง่
เขารู้เป็นอย่างดีว่าคำพูดของผู้อาวุโสอี้กงในครั้งนี้มีน้ำหนักมากเพียงใด
สามารถทำให้ท่านประมุขปล่อยนางออกมาได้นั้น…
“พรสวรรค์ของมัน… แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?”
อี้หรานพูดพึมพำออกมาอย่างอดไม่ได้
ริมฝีปากของผู้อาวุโสอี้กงกระตุกขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังไม่เปิดเผยความจริงออกไป
ก่อนที่เขาจะออกมานั้นท่านประมุขได้กำชับเอาไว้แล้วว่า ก่อนพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ ห้ามพูดเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด
เขาจึงทำได้เพียงอดทนเท่านั้น
“… สรุปแล้วว่าสายเลือดของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเลย แม้ว่าตอนนี้อายุมันยังน้อย แต่ก็ไม่สามารถดูเบาได้ เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี ห้ามประมาทเด็ดขาด!”
หลังจากที่พูดจบเขาก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วยังพูดปลอบโยนอี้หรานอีกสองประโยค
“แน่นอนว่าในตอนนี้มันยังมีข้อบกพร่องที่ร้ายแรง มันยังทำพันธสัญญากับซั่งกวนเยว่อยู่ ยังไม่ได้ยกเลิก…”
“จริงหรือ?”
อี้หรานเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ
ท่านประมุขเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ครั้งนี้เหตุใดถึง…
“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน ตอนนี้เจ้ารู้อันใดมากไปก็ไม่มีประโยชน์”
ผู้อาวุโสอี้กงไม่ยอมพูดอันใดไปมากกว่านี้ เขาตบไหล่ของอี้หรานแล้วพูดด้วยความจริงใจ
“ขอเพียงเจ้าสามารถทะลวงด่านได้โดยเร็ว และคว้าที่หนึ่งของงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ เรื่องอื่นๆ เจ้าไม่ต้องกังวล อาจารย์จะเป็นคนจัดการเอง”
ความสงสัยล้นอกอี้หรานแต่อาจารย์ไม่ต้องการพูดอันใดไปมากกว่านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องสงบสติอารมณ์ลง แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ขอรับ!”
ผู้อาวุโสอี้กงมีสีหน้าพึงพอใจ
“ดีมาก เรื่องที่ข้าสั่งสอนเจ้าไปก่อนหน้านี้ ช่วงนี้เจ้าทำความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วหรือยัง?”
อี้หรานกล่าว
“ข้ายังมีข้อสงสัยอยู่บางประการ”
“ลองพูดมาสิ”
…
เรื่องที่ซั่งกวนเยว่จะอาศัยอยู่ในหุบเขาเฟิ่งหวงหนึ่งเดือนแพร่กระจายออกไปทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงอย่างรวดเร็ว
เผ่าหงส์ทองคำรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
ข่าวลือต่างๆ ก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
คนจำนวนมากเริ่มไปสืบเสาะว่าซั่งกวนเยว่ผู้นี้เป็นใคร
แต่ว่าภายในเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งวัน ชื่อของ “ซั่งกวนเยว่” นี้ก็ดังกระฉ่อนไปทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงแล้ว
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามฉู่หลิวเยว่ไม่มาสนใจเรื่องเหล่านี้
นางพาถวนจื่อติดตามผู้อาวุโสอี้อวี่ไปยังหุบเขาเฟิ่งหวงในตำนาน
…
“หลังจากนี้ต่อไปพวกเจ้าจะต้องพำนักอยู่ที่นี่”
ผู้อาวุโสอี้อวี่หยุดยืนค้างอยู่กลางอากาศ แล้วยกมือขึ้นชี้ไปยังทิศทางตรงหน้า พร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม
“ที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากผู้คนแล้ว แต่ว่าตอนที่ผู้อื่นกลับมา ส่วนใหญ่แล้วเขาจะไม่ผ่านทางนี้ ดังนั้นที่นี่จะเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง”
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางลูกบอลแสงสีทองชาดที่อยู่ด้านหน้าประมาณสิบก้าว นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณท่านมากจริงๆ ข้ากับถวนจื่อชอบที่นี่เป็นอย่างมาก”
นางไม่ชอบสถานที่ที่มีเสียงดังอึกทึก
ยิ่งไปกว่านั้นที่แห่งนี้ก็ยังเป็นถิ่นที่อยู่ของผู้อื่น
พวกนางมาอาศัยอยู่เพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น นางจึงไม่อยากจะทำตัวรบกวนผู้อื่นให้มากที่สุด
ผู้อาวุโสอี้อวี่ท่านนี้เหมือนว่าจะมีนิสัยไม่เลวเลย
ฉู่หลิวเยว่จึงมีความรู้สึกดีต่อเขาอยู่บ้าง ดังนั้นรอยยิ้มซึ่งจริงใจมากขึ้นกว่าเดิม
ผู้อาวุโสอี้อวี่มองมาทางนาง แล้วมองไปทางถวนจื่อก่อนจะหัวเราะออกมา
แม้ว่าเขาจะไม่คำนึงถึงซั่งกวนเยว่ แต่ก็ต้องสรรหาสถานที่ที่ดีเพื่อถวนจื่อ
เนื่องจากสายเลือดบริสุทธิ์…
เผ่าหงส์ทองคำไม่มีสายเลือดบริสุทธิ์มาปรากฏนานหลายปีแล้ว
ดังนั้นจึงจะต้องรักษาเอาไว้อย่างดี
เขาสาวเท้าก้าวขึ้นมาแล้วยกมือขึ้นแตะบนลูกบอลแสงลูกนั้น
พรึ่บ!
กระแสเสียงสั่นสะเทือนไปเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็ถอนมือกลับก่อนจะส่งยิ้มให้กับฉู่หลิวเยว่
“ถ้าเจ้าชอบก็ดีแล้ว เช่นนั้น… ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว ด้านบนยังมีลมปราณส่วนหนึ่งที่ข้าทิ้งเอาไว้อยู่ หากมีปัญหาอันใดแล้วละก็ สามารถใช้มือสัมผัสมันได้โดยตรงแล้วข้าจะรีบมาที่นี่โดยเร็วที่สุด”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวขอบคุณอีกครั้ง พร้อมเฝ้ามองผู้อาวุโสอี้อวี่ลับหายจากครรลองสายตาไป
เมื่อเงาร่างของเขาหายลับตาไปแล้ว นางก็ถอนสายตากลับมาแล้วหันกลับไปมองลูกบอลแสงลูกนั้น
ความจริงแล้วลูกบอลแสงนี้มีขนาดไม่ใหญ่ เมื่อดูจากภายนอกก็เห็นว่า ที่แห่งนี้สามารถรับรองคนได้เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น
แต่ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าที่แห่งนี้น่าจะประกอบด้วยพื้นที่มิติอื่นด้วย
นางเงยหน้าขึ้นมามอง
ทิวทัศน์มีเทือกเขาสองแห่งขนาบข้าง ตรงกลางเป็นหุบเขาแห่งนี้
ที่แห่งนี้ก็คือหุบเขาเฟิ่งหวงนั่นเอง!
อีกทั้งในที่แห่งนี้ก็มีลูกบอลแสงจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่เหมือนกัน!
ซึ่งลูกบอลเหล่านั้นน่าจะเป็นสถานที่พำนักของเผ่าหงส์ทองคำตัวอื่นๆ
เมื่อนางสัมผัสได้ว่ามีคนแอบมองอยู่ ริมฝีปากของฉู่หลิวเยวก็ยกยิ้มขึ้น พร้อมลูบตัวของถวนจื่อ
“ถวนจื่อ ไปกันเถอะ”
……….